“ผู้เขียน” ติดตาม “นิยม เวชกามา” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปร่วมประชุมทั้งที่ “บอร์ดที่ดินแห่งชาติ” และ “บอร์ด” การแก้ไขปัญหากรณีที่ดินและที่พักสงฆ์มีสถานที่ตังอยู่ในที่ดินของรัฐที่มี “ชูศักดิ์ ศิรินิล” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งแต่งตั้งโดย “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ซึ่งถือว่าเป็น “วาระแห่งชาติ” มีหน่วยงานหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับที่ดินวัดเข้ามาร่วมเป็นกรรมการ และกระทั้งไปร่วมประชุมกับ “อนุกรรมาธิการศาสนา” สภาผู้แทนราษฎร หมุนเวียนอยู่กับปัญหาที่ดินวัด
“ผู้เขียน” ขอชื่นชม “พรรคเพื่อไทย” โดยเฉพาะ “ชูศักดิ์ ศิรินิล” ที่หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาและเร่งดำเนินการ พร้อมกำชับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในฐานะ “ฝ่ายเลขานุการ” เร่งดำเนินการแต่งตั้งอนุกรรมการขึ้นมาอีก 4 คณะ แม้ดูจากตัวบุคคล “บางคน” ไม่เคยจับเรื่องวัดและพระสงฆ์มาก่อน เว้น “นิยม เวชกามา” ที่ถือว่าเป็น ”คนวัด” และก็ขอชื่นชมทุกคนที่ “เข้ามาช่วยศาสนา” ภายใต้กรอบการทำงาน 60 วัน ก็ต้องพิสูจน์ผลงานว่า..ขจัดได้มากน้อยแค่ไหน
หวังว่า..คงไม่เสียของ

“ผู้เขียน” ไปประชุมคณะอนุกรรมการทุกครั้ง สงสารพระคุณเจ้าและชาวพุทธที่เดินทางมาจากจังหวัดต่าง ๆ เช่น สกลนคร เชียงใหม่ อุบลราชธานี สงขลา หรือแม้กระทั้งกรุงเทพมหานคร ส่วนใหญ่ที่มาล้วนมีปัญหาเรื่องที่ดินวัด บางวัดตั้งมา 100 กว่าปีออกโฉนดไม่ได้ เพราะอดีตคิดว่าวัดคงไม่มีปัญหาที่ดิน แต่ตอนหลัง “เกิดปัญหา” เพราะที่ดินวัด ถูกราชการประกาศทับซ้อนบ้าง ชาวบ้านถวายที่ดินให้สร้างวัด กลายเป็นที่ดินประเภทของรัฐทั้ง สปก.ราชพัสดุ หรือแม้กระทั้งเขตป่าสงวน ระยะต่อมาด้วยความไม่รู้หรือรู้ ไปสร้างโบสถ์ สร้างศาลาใหญ่โต จะไปขอ “วิสุงคามสีมา” ตรวจไปตรวจมา ติดปัญหาที่ดิน ไม่ได้รับอนุญาตบ้าง ไม่มีโฉนดบ้าง จึงขอพระราชทานวิสุงคามสีมาไม่ได้..จบแห่!! เนื่องจาก “เจ้าของที่ดิน” ที่ครอบครองที่ดินรัฐ..ไม่อนุญาต
ปัญหานี้จึงกลายเป็น “ดินพอกหางหมู”



Leave a Reply