หากมุสลิมได้ พ.ร.บ. “ฮัจย์” พุทธต้องได้ “สภาองค์กรชาวพุทธ”

“ผู้เขียน” เขียนจั่วหัวข้อไว้แบบนี้ มิได้หมายความว่า ไม่เห็นด้วยหรือคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.ฮัจย์ ของพี่น้องมุสลิม เพราะการ “เรียกร้อง” หรือการยื่นกฎหมาย พ.ร.บ.ฮัจย์ เป็น “สิทธิอันพึงทำ” สำหรับ ส.ส.มุสลิม และพรรคการเมืองที่เห็นคุณค่าของศาสนา ซึ่งเปรียบเสมือนชีวิตจิตใจและเข็มทิศในการดำเนินชีวิต และหากมองในมิติทางสังคมและการเมือง “ศาสนา” คือเครื่องมือชิ้นดีสำหรับนักปกครอง ที่ร้อยรัดให้พลเมืองมีความรู้รักสามัคคี เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

สำหรับร่าง พ.ร.บ.ฮัจย์ เสนอ โดยพรรคภูมิใจไทย กับคณะ เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2566 ซึ่งต่อมา นายวันมูหะมัดนอร์มะทา  ประธานสภาผู้แทนราษฎร มองว่าเป็นพ.ร.บ.เกี่ยวกับการเงิน จึงจำเป็นต้องเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา ปัจจุบันร่างนี้อยู่ในมือของ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ลูกสาวของ “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็น “ผู้มีบารมีตัวจริง” ของพรรคเพื่อไทยแกนนำรัฐบาลตอนนี้

“ผู้เขียน” เหมือนกับชาวพุทธทั่วไปเชื่อว่าหลัง “ทักษิณ ชินวัตร” กลับมาพระพุทธศาสนาคงจะได้รับการอุปถัมภ์และคุ้มครอง เนื่องจากเชื่อในคำพูด

ครั้งหนึ่ง “ทักษิณ ชินวัตร” เคยให้สัมภาษณ์กับ “จอม เพ็ชรประดับ” ว่า  “ผมนั่งสมาธิ แล้วก็อธิษฐาน ปวารณา ถ้าผมมีกรรมอะไรก็แล้วแต่ แต่เมื่อไหร่มีโอกาสกลับไปประเทศไทยผมปวารณาว่า ผมจะจรรโลงพระพุทธศาสนา” และ

ทั้งเคยพูดในงานบวชที่จังหวัดปทุมธานีอีกคราวว่า “ตนเป็นคนศาสนาพุทธ ขอฝากศาสนาพุทธไว้กับพวกเราทุกคนช่วยกันรักษาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลักธรรมของพระพุทธเจ้า..”

รวมทั้งมีข่าวพูดกันปากต่อปากว่า ตอนที่ “ทักษิณ ชินวัตร” กลับมาแล้วไปพบพระเถระผู้ใหญ่รูปหนึ่ง พูดไว้ว่า “ตนเองผ่านนรกและสวรรค์มาแล้ว ชีวิตที่เหลือจะทำเพื่อสถาบันและพระพุทธศาสนา”

ยุคพรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน เคยเสนอกฎหมายสำหรับชาวพุทธอย่างน้อย 4 ฉบับด้วยกัน คือ ร่างพ.ร.บ. ส่งเสริมการเดินทางไปพุทธสังเวชนียสถาน , ร่าง พ.ร.บ. สภาองค์กรส่งเสริมกิจการพระพุทธศาสนา,ร่างพ.ร.บ. ธนาคารพุทธแห่งประเทศไทย และ ร่าง พ.ร.บ. ส่งเสริมพุทธศาสนิกชนในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา

“ผู้เขียน” รู้มาว่า ตอนที่พรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลใหม่ ๆ  พรรคเพื่อไทยเคยถกเรื่องนี้ และถกจาก 4 ร่าง ปัดตกเหลือแค่ร่างเดียว คือ  พ.ร.บ. สภาองค์กรชาวพุทธ  ซึ่งสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญมาตรา 67 ที่ระบุว่า “รัฐพึงอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาและศาสนาอื่น  ในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาที่ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่นับถือมาช้านาน รัฐพึงส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาและการเผยแผ่หลักธรรมของพระพุทธศาสนาเถรวาท เพื่อให้เกิดการพัฒนาจิตใจและปัญญา และต้องมีมาตรการและกลไกในการป้องกันมิให้มีการบ่อนทําลายพระพุทธศาสนาไม่ว่าในรูปแบบใด และพึงส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนมีส่วนร่วมในการดําเนินมาตรการหรือกลไกดังกล่าวด้วย”

 เรื่องนี้จริงไม่จริง “ชูศักดิ์ ศิรินิล” และ “ภูมิธรรม เวชยชัย” น่าจะรู้ดี เพราะมีนักการเมืองในพรรคเพื่อไทยนั่นแล มาเล่าให้ฟัง เล่าแม้กระทั้งว่าตอนประชุมถึงกับ “ปิดห้องประชุม” เพื่อหาทางออกเรื่องนี้

สุดท้ายทั้ง ร่าง พ.ร.บ. สภาองค์กรชาวพุทธ  และนโยบาย 8 ข้อ ของรัฐบาล ที่ชูศักดิ์ ศิรินิล มอบไว้กับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ  ยังไม่เห็นมีอะไร เป็นชิ้นเป็นอัน

คณะสงฆ์และชาวพุทธ..ฝันค้าง??

“ผู้เขียน” ทวงถามเรื่องนี้ เพื่อแจ้งต่อคณะสงฆ์และชาวพุทธว่า ปัจจุบันร่าง พ.ร.บ. ฮัจย์ ของศาสนาอิสลาม ที่เสนอโดยพรรคภูมิใจไทย มีความคืบหน้าแบบนี้  และทั้งเตือนความจำ “ทักษิณ ชินวัตร” และ “ลูกสาว” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า พรรคเพื่อไทย เคยร่างและเสนอกฎหมายสำหรับพุทธศาสนาไว้แบบนี้  ซึ่งผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า วันหนึ่งหาก พี่น้องมุสลิมได้ พ.ร.บ.ฮัจย์  เพื่อเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกในการไปแสวงบุญ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลควรจะทำแล้ว

“ผู้เขียน” ในฐานะชาวพุทธคนหนึ่งคิดว่า หากพี่น้องมุสลิมได้ พ.ร.บ.ฮัจย์  ชาวพุทธ ควรได้ พ.ร.บ. สภาองค์ชาวพุทธ หรือ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเดินทางไปพุทธสังเวชนียสถาน ด้วยเช่นกัน

Leave a Reply