โค้งสุดท้าย..วันวิสาขบูชาโลก

พรุ่งนี้ตัวแทนคณะสงฆ์ไทยนำโดย “พระพรหมบัณฑิต” ประธานสภาสากลวันวิสาขบูชาโลก (ICDV) และ “พระพรหมวัชรธีราจารย์” อธิการบดีบดี มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ในฐานะเลขาธิการสภาสากลวันวิสาขบูชาโลก พร้อมด้วย คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย กว่า 200 ชีวิตจะเดินทางไปร่วมกิจกรรมวันวิสาขบูชานานาชาติ หรือที่เราเรียกกันตามภาษาชาวบ้านว่า “วันวิสาขบูชาโลก” ครั้งที่ 20 ระหว่างวันที่ 5-9 พฤษภาคม 2568 นี้ ณ มหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาเวียดนาม เมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม

สำหรับ “เจ้าคุณหรรษา” พระเมธีวัชรบัณฑิต ผอ.วิทยาลัยพุทธศาสตร์นานาชาติ มจร ในฐานะผู้ช่วยเลขาธิการสมาคมสภาสากลวันวิสาขบูชาโลก ซึ่งเป็น “แม่งาน” จัดงานกิจกรรมวันวิสาขบูชาโลกทั้งที่เวียดนามและประเทศไทย  เดินทางไปเตรียมพร้อมล่วงหน้าแล้วตั้งแต่ต้นเดือน

ปีนี้งานวิสาขบูชาโลกพิเศษกว่าทุกปีคือรัฐบาลไทยส่ง “สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมไปร่วมด้วย ตามคำเชิญของรัฐบาลและคณะสงฆ์เวียดนาม อันนี้ต้องให้ “เครดิต” ดร.นิยม เวชกามา ผช.รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่เสนอให้ “พระพรหมบัณฑิต-พระเมธีวัชรบัณฑิต” ว่า การจัดงานวิสาขบูชาโลก เป็นเรื่องสำคัญสำหรับชาวพุทธ สมาคมสภาสากลวันวิสาขบูชาโลก ควรเชิญตัวแทนรัฐบาลไทยไปร่วมด้วย เนื่องจากทั่วโลกอยู่แล้วว่า ประเทศไทย พระมหากษัตริย์ไทย และผู้นำรัฐบาลไทยเป็น “พุทธมามกะ”

กิจกรรมวันวิสาขบูชานานาชาติหรือ “วิสาขบูชาโลก”  ณ ประเทศเวียดนามปีนี้เป็นครั้งที่ 4 แล้ว ซึ่ง 3 ครั้งแรก จัดขึ้นที่เมืองฮานอย และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่จัด ณ เมืองโฮจิมินห์ โดยปีนี้รัฐบาลและคณะสงฆ์เวียนนามเชิญประเทศต่าง ๆ มาร่วมงานประมาณ 120 ประเทศ มีชาวพุทธทั้งผู้นำประเทศ สังฆราช สังฆนายก ประธานสงฆ์ พระภิกษุสงฆ์ นักวิชาการ และพุทธศาสนิกชนประมาณ 2,500 รูป/คน

สำหรับความเป็นมา “วันวิสาขบูชาโลก” คือเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2542 ที่ประชุมใหญ่สมัชชาแห่งสหประชาชาติ ยอมรับวันวิสาขบูชาในระดับสากล (International recognition of the Day of Visak) โดยการเสนอของประเมศศรีลังกา ขึ้นแถลง สรุปความได้ว่า

“วันวิสาขบูชาเป็นวันสำคัญของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก เพราะเป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ เสด็จดับขันธปรินิพพาน พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนให้มวลมนุษย์มีเมตตาธรรมและขันติธรรมต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เพื่อให้เกิดสันติสุขในสังคม อันเป็นแนวทางของสหประชาชาติ จึงขอให้ที่ประชุมรับรองข้อมตินี้..”

หลังจากที่ประชุมใหญ่องค์การสหประชาชาติ (UN) รับรองมติดังกล่าวทุกปีที่ทำการองค์การสหประชาชาติ ในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริก และศูนย์สหประชาชาติทั่วโลกจะร่วมกันจัดวันสำคัญดังกล่าวนี้เพื่อรำลึกถึง “คุณของพระพุทธเจ้า”

สำหรับประเทศไทย เมื่อวันที่ 29  เมษายน 2553 มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ร่วมกันองค์กรพระพุทธศาสนาทั่วโลก ได้ร่วมกันลงนามจัดตั้ง “สมาคมสภาสากลวันวิสาขบูชาโลก” ขึ้น โดยมี “พระพรหมบัณฑิต” เป็นประธานสมาคม เพื่อกระตุ้นให้องค์กรพระพุทธศาสนาได้ร่วมกันเฉลิมฉลองวันวิสาขบูชาโลกในฐานะวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานของพระพุทธเจ้า และธำรงไว้ซึ่งเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และความสามัคคีของกลุ่มชาวพุทธทั่วโลก โดยให้มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

ทั้งนี้ องค์การสหประชาชาติ (UN) มีมติตั้งสภาสากลวันวิสาขบูชาโลก (International Council for the Day of Vesak) ให้เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติ นับเป็นครั้งแรกที่วงการพระพุทธศาสนาไทย ได้รับสิทธิในการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของยูเอ็น

พระพรหมบัณฑิตประธานสมาคมสภาสากลวันวิสาขบูชาโลก เป็นกำลังสำคัญในการผลักดันส่งเสริมให้ยื่นเสนอขอรับรองเป็นองค์ที่ปรึกษาพิเศษดังกล่าว และได้มีกิจกรรมส่งเสริมงานของยูเอ็นอย่างต่อเนื่อง โดยการประสานความร่วมมือกับชาวพุทธทั่วโลก เพื่อจัดประชุมวิสาขบูชาโลกแล้ว บูรณาการกับพันธกิจของการจัดตั้ง 4  ด้าน คือ (1) การพัฒนาที่ยั่งยืน (2) สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง (โดยเฉพาะเรื่องภาวะโลกร้อน) (3) การศึกษา และ (4) การสร้างสันติภาพ

และ “สมาคมสภาสากลวิสาขบูชาโลก” นี้เอง นับเป็นสะพานที่จะทำหน้าที่ในการเชื่อมโยงชาวพุทธทั่วโลก ทั้งนิกายมหายาน วัชรยาน และเถรวาท ให้มี “เวที” ได้ร่วมกันพูดคุยเพื่อให้เป็น “หนึ่งเดียว” ไม่แบ่งแยกประเทศ ไม่แบ่งแยกนิกาย

“ผู้เขียน” มองว่า “สมาคมสภาสากลวิสาบูชาโลก” คล้าย ๆ กับ “องค์กรOIC”  ของศาสนาอิสลาม

องค์การความร่วมมืออิสลาม ( Organisation of the Islamic Cooperation, OIC) เป็นองค์การระหว่างประเทศที่จัดตั้งในปี 2512  ประกอบด้วย 57 รัฐสมาชิก แบ่งเป็นประเทศที่มีมุสลิมเป็นส่วนใหญ่ 48 ประเทศ เพื่อ “ปกป้องและป้องกันผลประโยชน์ของโลกมุสลิมด้วยการสนับสนุนสันติภาพสากลและความปรองดอง”

ทางองค์กร OIC มีคณะผู้แทนถาวรในสหประชาชาติและสหภาพยุโรป ภาษาทางการของ OIC คือภาษาอาหรับ, อังกฤษ และฝรั่งเศส รัฐสมาชิกทั้งหมดมีประชากรรวมมากกว่า 1.8 พันล้านคนในปี 2558  ซึ่งมีจำนวนต่ำกว่าหนึ่งส่วนสี่ของประชากรโลก

หลังเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดนใต้ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา “องค์กรIOC” ได้เข้ามามีบทบาทมากทั้งในทางลับและทางแจ้ง

ส่วน “สมาคมสภาสากลวิสาบูชาโลก” มีคนเคยเสนอแนวคิดในการทำงาน “เชิงรุก” ทั้งในการเข้าไปมีบทบาทในเวที UN ทั้งควรมีสำนักงานในแถบประเทศยุโรป อเมริกา และเอเชีย  ซึ่งเป็นแค่ “แนวคิด” ผลปฎิบัติยังไม่เกิด

“เวียดนาม” ยุคหลัง ๆ มานี้ “ประเทศมั่นคง ประชาชนมั่งคั่ง” พระพุทธศาสนาทั้งมหายานและเถรวาทมีความเจริญแบบก้าวกระโดดจริงๆ  ด้วยจำนวนประชากร 100 ล้านคน จากคำบอกเล่าของสมัชชาสงฆ์เวียดนามมีคนนับถือศาสนาพุทธไม่ต่ำกว่า 40 ล้านคน จำนวนวัด จำนวนพระภิกษุ พระภิกษุณี เพิ่มขึ้นทุกปี และที่สำคัญบวชแล้ว..ไม่สึก

“มจร”  มี “พระภิกษุ -พระภิกษุ” ชาวเวียดนามหลายร้อยรูป และไม่เฉพาะ “มจร” เท่านั้น มหาวิทยาลัยพุทธศาสนาเวียดนาม ภายใต้การนำของ “พระติช นัชท์ ตือ” ส่งพระภิกษุ ภิกษุณี และคฤหัสถ์ไปเรียนทั่วโลกทั้งอินเดีย ศรีลังกา และยุโรป อเมริกา เพื่อเตรียมคน ฟื้นฟูและพัฒนาพระพุทธศาสนาในประเทศเวียดนาม

“ผู้เขียน” นึกถึง “แนวคิด” พระพิมลธรรม หรือ “หลวงพ่ออาจ อาจสภเถระ” ยุคฟื้นฟูพัฒนาวางรากฐานมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย  ขึ้นมาทันทีทันใด

ยุคนี้ “ผู้นำเวียดนาม” เปิดกว้างในการให้พลเมืองของตนกนับถือศาสนา ประชากรชาวพุทธจึงเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และ “ผู้นำ” ประเทศเวียดนามรู้ว่าพุทธศาสนาไม่มีพิษมีภัยต่อระบอบการปกครองประเทศและการทำหน้าที่ของพลเมือง เนื่องจากพุทธศาสนาเน้น สันติ อหิงสา ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่นและรวมทั้ง คณะสงฆ์เวียดนามทั้ง “มหายานและเถรวาท” มีความสามัคคีกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ความคิดและการทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดงาน “วิสาขบูชาโลก” ได้ “โมเดล” มาจากประเทศไทย คือ  “มจร” ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดี ในความประสบความสำเร็จ

สำหรับประเทศไทยการจัด “วิสาขบูชาโลก” ระดับนานาชาติ มีเฉกเช่นทุกปี คือ จัดที่ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ  กรุงเทพมหานคร มีเพียงวันเดียวคือในวันที่ 10 พฤษภาคม 2568  สาเหตุที่ต้องกลับมาจัดที่ประเทศไทยอีกครั้ง เท่าที่ฟังมา ก็คือเนื่องจาก “วันวิสาขบูชาโลก” รับรองโดยสหประชาชาติ เวลาจัดงานจำต้องให้สหประชาชาติหรือ UN มีส่วนร่วมทุกครั้ง ประเทศเวียดนาม ไม่มีศูนย์สหประชาชาติ และศูนย์สหประชาชาติที่ประเทศไทยเป็นศูนย์ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสามของสหประชาชาติ นอกจากนั้นยังเป็นศูนย์ประชุมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปเอเชียด้วยประการฉะนี้แล!!

Leave a Reply