วันที่ 5  กรกฎาคม 2568 พระพรหมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานกรรมการการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ประธานจัดงานฝ่ายสงฆ์ “สืบสานงานพ่อ ต่อยอดทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย” ซึ่งถือเป็นมหกรรมงานประวัติศาสตร์ของคณะสงฆ์ไทยที่ร่วมมือกับทำเนียบองคมนตรี หน่วยงานภาครัฐ ภาคชน พร้อมกับภาคีเครือข่ายที่ได้รับทุนจากกองทุนเล่าเรียนหลวงอีก 8 เครือข่าย ประกอบด้วย  1. โครงการทุนระดับอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย 2. โครงการกองทุนศึกษาบาลี 3. โครงการอบรมพระนักเทศน์ พระธรรมกถิกาจารย์  4. โครงการฝึกอบรมพระวิปัสสนาจารย์ พระคณาจารย์ด้านกรรมฐาน 5.. โครงการพระธรรมจาริก 6. โครงการหมู่บ้านรักษาศีลห้า  7.โครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข และ 8 . หน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล อปต.

พระพรหมบัณฑิต  กล่าวว่า โครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทยถือกำเนิดขึ้นจากพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโครงการนี้ขึ้น เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์2547 และพระราชทานทุนประเดิมเริ่มแรกเมื่อวันที่ 21  พฤษภาคม 2547  ในหลวงรัชกาลปัจจุบันพระองค์ก็ทรงสืบสานงานต่อ ต่อยอดทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย ซึ่งเมื่อย้อนดูสถิติตลอด 20 ปี ก็จะพบว่า สำหรับทุนเล่าเรียนหลวงทุกโครงการสำหรับพระสงฆ์ไทยได้รับพระราชทานมาแล้ว 13,486 รูป/คน หากคิดเป็นเงินประมาณ 185 ล้านบาท

“งานระหว่างวันที่ 2-4 กรกฏาคม 2568 ถือว่าซึ่งเป็นครั้งแรกถือว่าประสบความสำเร็จมาก ผู้หลักผู้ใหญ่องคมนตรีท่านให้ความสำคัญมาก มาร่วมทุกวัน ขณะที่พระเถระผู้ใหญ่ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี ขณะที่ตามโดมหรือเต้นท์ พระภิกษุ สามเณร นักเรียนนักศึกษาให้ความสำคัญมาดูกันเป็นจำนวนมา หลายท่านบอกว่าปีหน้าขอให้จัดต่อ ซึ่งหากจัดอาจจะปรับเปลี่ยนในเรื่องรายละเอียดบางอย่าง เช่น หมู่บ้านรักษาศีล 5 อาจต้องนำเอกลักษณ์ของดีของเด่นของแต่ละหมู่บ้านชุมชนมาแสดง นอกจากโชว์แล้ว ทำอย่างไรให้หมู่บ้านชุมชนอื่น ๆ เลียนแบบนำไปต่อยอดได้ ซึ่งหากจัดก็คงจัดช่วงใกล้เข้าพรรษาแบบนี้ ผนวกกับเดือนนี้เป็นเดือนมหามงคลเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วย  ซึ่งงานสืบสานงานพ่อ ต่อยอดทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย นี้ถือว่าเป็นงานที่เป็นผลผลิตจากคณะสงฆ์ที่ได้รับพระราชูปถัมภ์จากพระมหากษัตริย์ และที่ออกมาดี เพราะคณะสงฆ์ทั้ง 8 เครือข่ายท่านให้ความร่วมมือดี ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ประชาชนก็เต็มที่กับงานนี้..”