วันที่ 7 กรกฏาคม 2568 ณ วัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร ต.ยกกระบัตร อ.บ้านแพ้ว จ.นครปฐม พระราชวชิรโมลี รักษาการเจ้าคณะภาค 14 ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม เป็นประธานเปิดการประชุม พระราชวัชรสาครคณี เจ้าอาวาสวัดราษฎร์สโมสร เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วย พระรามัญมุนี เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร (ธ.) พระสังฆาธิการระดับเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส ผู้ช่วยเจ้าอาวาสและเลขานุการ ในเขตปกครองคณะสงฆ์จังหวัดสมุทรสาคร ร่วมด้วยภาคีครือข่าย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดมหาดไทยคนที่ 41 นายนริศ ริรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร นายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้าน คณะครู และรพ.สต. ถวายการต้อนรับ

พระราชวชิรโมลี ประธานเปิดการประชุมกล่าวให้โอวาทว่า ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ได้บัญญัติให้พระสังฆาธิการต้องปฏิบัติตามกิจการบริหารของคณะสงฆ์ทั้ง 6 ด้าน คือด้านการปกครอง การศึกษา การเผยแผ่ การศึกษาสงเคราะห์ การสาธารณูปการ และด้านการสาธารณสงเคราะห์ ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะปกครองสงฆ์ ด้านการปกครองนั้นต้องถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเนื่องจากจะทำให้เกิดความเรียบร้อยดีงาม สิ่งสำคัญคือเจ้าอาวาส จะต้องปกครองดูแลพระเณรและฆราวาสภายในวัดให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งผู้ปกครองคือเจ้าอาวาสต้องเป็นแบบที่ดี ถ้าไม่เป็นแบบก็ปกครองใครไม่ได้ เจ้าคณะปกครองทุกระดับล้วนแต่เป็นเจ้าอาวาสทั้งนั้น เมื่อเป็นทั้งเจ้าอาวาสเป็นทั้งเจ้าคณะปกครอง ความเป็นแบบอย่างจึงต้องมีความสำคัญ เบื้องต้นท่านต้องรู้ว่ามีภาระหน้าที่อะไร เมื่อเป็นผู้นำ เป็นเจ้าอาวาสก็ต้องทำกิจวัตรให้เป็นแบบอย่างแก่พระเณรในวัด ถ้าพระไม่ทำวัตรสวดมนต์แล้วจะเอาอะไรให้ญาติโยมเขาศรัทธากราบไหว้ จะเป็นพระอยู่ได้อย่างไร ซึ่งทุกวัดจะต้องจัดให้มีการศึกษา จะมีพระในวัด 3 รูป 4 รูปก็ต้องจัดให้มีการศึกษาอบรมในเรื่องวินัยและกิริยามารยาทต่างๆ พระทุกรูปที่บวชเข้ามาใหม่ก็ต้องศึกษาเรื่องนวโกวาท ถ้าพระเณรเข้าใจในกรอบพระธรรมวินัยดีแล้วก็เชื่อได้ว่าการประพฤติปฏิบัตินอกกรอบ นอกลู่นอกทาง อย่างที่เราท่านทั้งหลายได้เห็นได้ทราบในปัจจุบันก็จะไม่มี ถึงจะมีบ้างก็น้อยไม่หนักหนาสาหัส

ด้าน นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ยินดีมากที่ได้สนองงานเจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร เนื่องจากเคยเป็นปลัดอำเภอบ้านแพ้วมาก่อน เหมือนได้กลับบ้าน ซึ่งกลับมาครั้งใดก็เจอคนที่เคยรู้จักกันอบอุ่นใจทุกครั้งที่มา เรื่องที่ได้รับมอบหมายให้มาพูดวันนี้คือ “งานราชการกับงานคณะสงฆ์” ดูเหมือนคนละเรื่อง เพราะฝ่ายหนึ่งเป็นพระ อีกฝ่ายหนึ่งเป็นของบ้านเมือง ชุดที่ข้าราชการใส่เป็นสีกากี ถือว่าเป็นข้าของแผ่นดิน มีภารกิจตามกฎหมายของแต่ละกระทรวง ส่วนของพระสงฆ์ มหาเถรสมาคมได้กำหนดภารกิจไว้ 6 ด้าน คือ หนึ่ง ด้านการปกครอง, สอง ด้านการศาสนศึกษา, สามด้านการศึกษาสงเคราะห์, สี่ ด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา,ห้า ด้านการสาธารณูปการและ หกด้านและการสาธารณสงเคราะห์. ซึ่งภารกิจด้าน สาธารณูปการ พวกเราต้องรู้จัก วัด 5 ส. โครงการวัดประชารัฐสร้างสุข มีสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เป็นประธาน ด้านสาธารณะสงเคราะห์ เรื่อง อปต.หน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล โครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5 พวกเรารู้กันดี เพราะกระทรวงมหาดไทยได้ทำ MOU ไว้กับมหาเถรสมาคมในช่วงที่ตนเองดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย
“การทำงานร่วมกันแบบบูรณาการของ 7 ภาคีเครือข่าย ประกอบด้วย ได้แก่ ภาครัฐ, ภาควิชาการ, ภาคศาสนา, ภาคเอกชน, ภาคประชาชน, ภาคประชาสังคม และภาคสื่อสารมวลชน อันนี้เราต้องทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ โดยมีพระสงฆ์ เจ้าอาวาสเป็นหลักชัยของชุมชนหมู่บ้าน ผู้นำต้องเริ่มต้นจากการพูดคุยอย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อคิดแผนหรือวางแผนทำงานในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชนในชุมชนหมู่บ้าน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคณะสงฆ์หรือข้าราชการผู้เป็นข้าของแผ่นดิน มีเป้าหมายการทำงานเหมือนกัน นั่นคือ การ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ให้กับประชาชน..”


Leave a Reply