แชร์ว่อน!! จ่อฟันพระบิณฑบาตยืนแช่ -เกินเวลาและให้พร

        ตามที่ปรากฎตามสื่อออนไลน์และโซเซียล เปิดเผยเอกสารที่ออกจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยอ้างว่าเป็นหนังสือร้องเรียนผ่านทางระบบการจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.)

      กรณีการบิณฑบาตของพระสงฆ์ที่ไม่เอื้อเฟื้อต่อพระธรรมวินัย เช่น การบิณฑบาตก่อนอรุณ การกลับวัดช้าเกินเวลาที่กำหนด รับบิณฑบาตมากเกินความจำเป็น หรือถ่ายเทอาหารให้บุคคลภายนอก นั่งหรือยืนปักหลักบิณทบาต บริเวณหน้าร้านค้าตลอดจนนำอาหารที่ได้รับมให้ร้านจำหน่ายต่อ รวมทั้งหวังแต่ลาภสักการะ

      เมื่อบิณทบาตแล้ว อาหาร ดอกไม้ ธูปเทียนที่ได้ไม่นำกลับวัด ทิ้งไว้ข้างทาง เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมแก่สมณวิสัย ทำให้ผู้ที่ใส่บาตร และผู้ที่พบเห็นเสื่อมความศรัทธา เป็นหตุให้เกิดความเสียหายแก่พระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์

      จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคมขอเรียนว่า เพื่อเน้นการป้องกันเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว และลดปัญหาข้อร้องเรียน จึงเห็นควรนำเรื่องดังกล่าว เสนอคณะกรรมการมหาเถรสมาคมเพื่อโปรดทราบและพิจารณากำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ดังนี้

  • การออกบิณฑบาตของพระภิกษุสามเณร จะต้องออกบิณฑบาตเวลาได้รับอรุณ และไม่ควรเกินเวลา 08.00 น.

  • การบิณฑบาตโดยยืนหรือนั่งประจำที่ ตามร้านขายอาหาร หรือบิณทบาตโดยเร่ร่อนไปตามสถานที่ต่างๆ นอกพื้นที่บิณทบาตแห่งวัดตนไม่สมควรกระทำ

  • การบิณทบาต ด้วยการนั่งรับบาตร หรือนั่งในรถรับบาตรไม่สมควรกระทำ

  • สถานที่ที่เป็นแหล่งอโคจร พระภิกษุไม่ควรเข้าไปบิณทบาต

  • การบิณฑบาตไม่ควรสูบบุหรี่ สวมรองเท้า พูดคุยกันโดยไม่มีเหตุจำเป็น ถ่ายเทอาหาร หรือทิ้งดอกไม้ให้กับเจ้าของร้านอาหาร หรือแย่งกันรับของปัจจัย

  • เมื่อบิณฑบาตเสร็จแล้ว ไม่ควรยถา…สัพพี

          ทั้งนี้ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ในทุกระดับ ตลอดจนพระวินยาธิการ คอยตรวจตรา สอดส่องดูแล พระภิกษุสามณรในการบิณบาตให้เป็นไปตามหลักพระธรรมวินัย โดยยึดหลักเสขิยวัตรเป็นเกณฑ์

 

  ตำรวจพระพร้อมลุย

          พระวินยาธิการหรือตำรวจพระ เกิดขึ้นภายใต้แผนการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนาด้านปกครอง พ.ศ.2560-2564

      คณะสงฆ์ได้ออกกฏหมายว่าด้วยพระวินยาธิการ ชื่อว่าระเบียบมหาเถรสมาคมว่าด้วยพระวินยาธิการ พ.ศ. 2562”

 พระเทพเวที รก.เจ้าคณะภาค 6  หนึ่งในคณะทำงานร่างระเบียบนี้ กล่าวว่า

          “พระวินยาธิการ” หรือ “ตำรวจพระ”  หมายถึง พระภิกษุชั้นพระสังฆาธิการ (ตั้งแต่ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ขึ้นไป)ที่ได้รับแต่งตั้งให้มาช่วยเหลืองาน  ”ด้านปกครอง”  คณะสงฆ์

            ในกรณี ที่มีความจำเป็น ก็อาจยกเว้น ไม่จำเป็นต้องเป็นชั้น ”พระสังฆาธิการ” คือ อาจแต่งตั้ง ”พระภิกษุทั่วไป”   ที่มีความรู้ความสามารถ ก็ได้..

            ในการบริหารระเบียบมหาเถรสมาคมฉบับนี้.. กำหนดให้มี  ”คณะกรรมการ”  2 ระดับ..

              1. กรรมการระดับหน..มีเจ้าคณะหน เป็นประธานกรรมการและมีเลขานุการเจ้าคณะหน เป็นกรรมการและเลขานุการ

              2.  กรรมการระดับจังหวัด.. มีเจ้าคณะจังหวัดเป็นประธานกรรมการและมีเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดเป็นกรรมการและเลขานุการ

               ในกฏหมายฉบับนี้เช่นกัน.. กำหนดให้มี ”ศูนย์พระวินยาธิการ” หรือ ”สำนักงานพระวินยาธิการ” (Office of Sangha Administrative Assistant) ขึ้นเป็นกิจลักษณะ..

                 สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ) เป็นฝ่ายทำแผนงบประมาณและนำงบประมาณมาส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมของ”พระวินยาธิการ”(Sangha Administrative Assistant Officer)

              “พระวินยาธิการ”เรียกชื่อย่อเป็นภาษาอังกฤษว่าหน่วย “SAAO”

                อัตรากำลังเจ้าหน้าที่ “SAAO”   ให้บรรจุ แต่งตั้ง ได้ตำบลละ 2 รูป

  เจ้าหน้าที่   ”พระวินยาธิการ”  หรือ   ”SAAO”    มีหน้าที่และอำนาจ ดังนี้..

              หนึ่ง  ออกตรวจตรา/ แนะนำ/ ชี้แจง พระภิกษุสามเณรให้ปฏิบัติตามกฏหมายคณะสงฆ์และกฏหมายอื่น ๆ ตาม  ”แผนปฏิบัติการ ”  (Action Plan)ของแต่ละหน่วย)

              สอง  ให้   ”นำ”และ  ”พา”  พระภิกษุสามเณรที่ฝ่าฝืนกฏหมาย ไปมอบให้ เจ้าอาวาส -เจ้าคณะผู้ปกครอง-เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง(ปลัดอำเภอฝ่ายปกครอง)  หรือตำรวจ (เจ้าพนักงานสอบสวน) แล้วแต่กรณี..ว่าจะเป็นโทษด้านใด..

            การลงโทษพระภิกษุที่ระเมิดพระวินัย พ.ร.บ.คณะสงฆ์ หรือกฎมหาเถรสมาคม มี “โทษ” ตาม พ.ร.บ. สงฆ์ มี 3 ประเภท..

  • ต้องโทษอธิกรณ์(ผิดอาบัติ)

  • ต้องโทษจริยาพระสังฆาธิการ(กรณีเป็นพระสังฆาธิการ)

  • ต้อง โทษทางอาญา (พ.ร.บ.สงฆ์มาตรา 28,29,30..เป็นหน้าที่ฝ่ายสงฆ์และฝ่ายบ้านเมืองพิจารณา/วินิจฉัยร่วมกัน)

           3.   ถ้า  ”นำ” และ  ” พา”  ไปแล้ว ขัดขืน  ”ไม่ยินยอม” ไป.. ให้ขออารักขากำลังจาก พนักงานฝ่ายปกครอง(ปลัดอำเภอฝ่ายปกครอง)หรือ ตำรวจ ได้..

          4.  “ช่วยเหลือ” เจ้าพนักงาน(พระชั้นปกครอง)-  ปลัดอำเภอฝ่ายปกครองหรือตำรวจ – สืบสวนสอบสวน แล้วแต่กรณี ความผิด..

              พระวินยาธิการ หรือ เจ้าหน้าที่ SAAO ต้องมีบัตรและติดบัตร ทุกครั้งที่ปฏิบัติงาน..

 การปฏิบัติหน้าตเองบันทึกเหตุการณ์เป็นลายลักษณ์อักษรแล้วรายงานเจ้าคณะผู้ปกครองทราบ ทุกกรณี..

        การดำเนินงาน ให้ร่วมมือกับ”คณะกรรมการฝ่ายปกครองของจังหวัด(ค ป พฝ่ายปกครองจังหวัด)ขับเคลื่อนงาน สนองงานเจ้าคณะผู้ปกครอง ให้เป็นไปด้วยดี..

          ทั้งหมายคือ สาระสำคัญของกฏหมายลำดับรอง ชื่อ”ระเบียบมหาเถรสมาคมว่าด้วยพระวินยาธิการ พ.ศ. 2562”

+++++++++++++++++++

Leave a Reply