ฟังเทศน์แล้วตายไปเกิน ๑๐๐ ศพ ยังมีอีก ๕๐๐ คน รอคิวฟังเทศน์ก่อนจะตายกลายเป็นศพ

ฟังเทศน์แล้วตายไปเกิน ๑๐๐ ศพ ยังมีอีก ๕๐๐ คน รอคิวฟังเทศน์ก่อนจะตายกลายเป็นศพ พระมหานันทา ๑ เดียว แห่งพระนักเทศน์ ใช้เวลาเทศน์ ๑๕ นาทีเท่านั้น ที่คนฟังแล้วตายพร้อมๆ กัน ๕ ศพ!

“พระนักเทศน์นักโทษประหาร” เป็นฉายาที่ พระมหานันทา นนฺทปญฺโญฺ หรือ พระครูศรีนนทวัฒน์ เจ้าอาวาสวัดบางแพรกใต้ ต.ส่วนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี

พระมหานันทา บอกว่าไม่อยากรับและก็ไม่อยากเป็น ซึ่งชื่อนี้อาจจะไม่เป็นที่คุ้นหูของนักฟังเทศน์ ขณะเดียวกันก็ไม่ใช่พระนักเทศน์ที่มีชื่อเสียงอะไรมากนัก

แต่ท่านกลับเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในหมู่นักโทษเด็ดขาดของเรือนจำบางขวาง นักโทษบางคนมีโอกาสฟังเทศน์ของท่านเพียงครั้งเดียว จากนั้นก็ไม่มีโอกาสอีกเลย

จากประสบการณ์เดินเข้าออกคุกบางขวางนับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่ปี ๒๕๓๘ เมื่อครั้งยังเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส มีคำพูดหนึ่งของนักโทษมักพูดให้ได้ยินอยู่เสมอๆ ว่า

“ถ้าผมไม่ติดคุก ผมคงไม่มีโอกาสฟังเทศน์และปฏิบัติธรรม”

ได้สร้างความสะเทือนใจให้กับพระมหานันทา ขณะเดียวกันท่านก็พูดไว้อย่างน่าคิดว่า

“วันนี้เรามีโอกาสฟังเทศน์ปฏิบัติธรรมก็จงทำเสีย อย่าบอกว่าไม่ว่างหรือไม่มีเวลา เพราะท่านอาจจะว่างและมีเวลาก็ต่อเมื่อไปอยู่ในเรือนจำเสียแล้ว และอาตมาไม่อยากเทศน์ให้ใครฟังเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิต”

ทุกวันนี้พระมหานันทายังเดินเข้าคุกบางขวางเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะในช่วงวันสำคัญทางศาสนาและเทศกาลสำคัญๆ ของปี จนกลายเป็นว่า

อาตมาเป็นส่วนหนึ่งของคุกบางขวางไปแล้ว อาจจะเป็นเพราะกรรมในอดีตชาติที่เคยสร้างมากับนักโทษจึงต้องมาเทศน์โปรดกันถึงในคุกเช่นนี้

การเทศน์โปรดนักโทษทั่วๆ ไปอาจจะเป็นเรื่องปกติ แต่เทศน์โปรดนักโทษประหารนี่สิเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ เห็นเขาเป็นๆ ตอนเข้าทางประตูหน้าพอรุ่งเขามาที่วัดเป็นร่างไร้วิญญาณ

กิจนิมนต์ครั้งสุดท้ายที่พระมหานันทา ถูกนิมนต์ไปเทศน์เพื่อไปโปรดนักโทษประหาร คือ เมื่อวันที่ ๑๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๖ ในครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่นักโทษประหารถูกประหารชีวิตโดยวิธีการใช้เข็มฉีดยาเป็นครั้งแรกที่เรือนจำบางขวาง

จากนั้นก็ไม่มีการประหารอีกเลย โดยในครั้งนั้นมีการประหารชีวิต ๔ คน คือ น.ช.พนม ทองช่างเหล็ก คดีฆ่าคนตาย น.ช.บุญลือ นาคประสิทธิ คดียาบ้า น.ช.พันพงษ์ สินธุสังข์ และ น.ช.วิบูลย์ ปานะสุทธ

คนทั่วๆ อาจจะไม่รู้การได้มีชีวิตและลมหายใจอยู่บนโลกทุกวันนี้เป็นความสุขอย่างยิ่ง แต่นักโทษประหารที่รอคำสั่งประหารเกือบ ๕๐๐ คน

เขาจะมีความสุขอย่างยิ่งอยู่ ๒ วัน คือ วันเสาร์และวันอาทิตย์ ตั้งแต่ ๑๖.๐๐ น.ของเย็นวันศุกร์ถึง ๐๘.๐๐ น.ของเช้าวันจันทร์

จากนั้นอีก ๕ วัน ก็ต้องใช้ชีวิตที่ต้องรอลุ้นว่าคำสั่งประหารจะตกอยู่ที่ใคร?

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็มักจะอธิษฐานจิตเสมอๆ ว่า ขออย่าให้เจ้าหน้าที่เรือนจำบางขวางสงฎีกามานิมนต์อีกเลยตลอดทั้งชีวิต

เมื่อไม่ต้องเทศน์ประตูผีที่เคยเปิดปีละหลายๆ ครั้งก็ถูกปิดตายไปด้วย ถ้าเป็นไปได้อยากโบกปูนปิดประตูนี้เสียเลย

อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ที่ไปเทศน์โปรดนักโทษประหาร พระมหานันทา บอกว่า สิ่งที่นักโทษประหารมีเหนือกว่าคนปกติทั่วๆ ไป คือ

ตายแบบรู้ตัวรู้วันเวลา ปกติแล้วคนทั่วๆ จะตายแบบไม่รู้ตัว หรือเรียกว่าตายแบบไม่มีสติ แต่นักโทษประหารตายอย่างมีสติ รู้กำหนดลมหายใจจะสิ้นเมื่อไร

การที่รู้ตัวก่อนตายทำให้สามารถเตรียมตัวก่อนตาย สามารถทำกิจอะไรก่อนตายได้ เขียนจดหมายบอกลา ฝากคำพูด และแบ่งทรัพย์สมบัติได้

ส่วนคนที่ตายแบบไม่รู้ตัวเลยนั้น ร้อยทั้งร้อยไม่เคยเตรียมอะไรไว้เลย ดังนั้นคนเราจึงควรตั้งชีวิตอยู่บนความไม่ประมาทเพราะความตายเปรียบเสมือนเงาที่ตามตัวเราตลอดเวลา

เทศน์ให้นักโทษประหารฟังมันเป็นบทพิสูจน์คำสอนของพระพุทธเจ้าว่ากรรมนั้นมีจริง ไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้าชาตินี้กรรมก็ตามทัน

นักโทษบางคนหนีอาญาแผ่นดินกว่า ๑๐ ปี แต่ก็ถูกจับประหารชีวิตเพื่อชดใช้กรรม ถ้ากรรมไม่มีเขาต้องหนีกรรมพ้น เขาต้องไม่ถูกประหารเมื่อเรามีโอกาสฟังพระเทศน์ก็จงรีบฟัง ถ้าตั้งใจฟังก็จะเกิดปัญญา

หากนำหัวข้อธรรมะไปปฏิบัติชีวิตก็จะเจริญรุ่งเรืองเหมือนได้อยู่เมืองสวรรค์ ถ้าไม่ฟังเทศน์นอกจากไม่เกิดปัญญาแล้วอาจจะนำพาชีวิตไปสู่นรกได้

ฉันได้ยินนักโทษพูดเสมอว่า นี่ถ้าไม่ติดคุกคงไม่ได้ฟังเทศน์ ไม่มีโอกาสได้สวดมนต์ และปฏิบัติธรรม หากเข้าวัด ฟังเทศน์และปฏิบัติธรรมตั้งแต่อยู่นอกคุก วันนี้คงไม่ต้องมานั่งฟังเทศน์ในคุกคนส่วนใหญ่มักอ้างว่าไม่มีเวลา

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเปลี่ยนวิธีการประหารจากการประหารชีวิตด้วยวิธีการใหม่คือ การแทนวิธีการประหารชีวิต แบบเดิมนั่นคือวิธีการยิงเป้าซึ่งใช้มา ๖๘ ปี แต่ประเด็นเทศน์ยังคงเดิม คือ

เทศน์เรื่องกฎแห่งกรรมอย่างเดียว หัวข้อธรรมอื่นคงไม่มีประโยชน์อะไร เริ่มจากการให้ศีลก่อน ที่สำคัญคืออย่าไปซ้ำเติมนักโทษ ต้องเทศน์ให้อยู่ในกรอบของพระ ต้องไม่อิงกฎหมาย ต้องอิงธรรมะของพระพุทธเจ้า โดยเฉพาะเรื่องกรรม สิ่งหนึ่งที่จะลืมไม่ได้ตอนท้าย คือ การอโหสิกรรม ต่อผู้คุม ผู้ประหาร เพื่อให้หมดเวรกรรมต่อกัน

“เหตุของการตายไม่ใช่เครื่องบ่งชี้ว่าจะได้ขึ้นสวรรค์หรือตกนรก แต่มันอยู่ที่การกำหนดจิตก่อนชีวิตจะดับ เมื่อจิตของเราผ่องใส จิตมีสติ สุคติเป็นที่หวังในเบื้องหน้าดังพระบาลีว่า จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเฐ สุคติ ปาฏิกงฺขา เมื่อจิตไม่เศร้าหมองสุคติเป็นที่หวังได้” พระมหานันทา กล่าวทิ้งท้าย

cr.https://www.youtube.com/watch?v=WFc74M3T6p0

Leave a Reply