‘พระว.วชิรเมธี’ กว่าจะมาเป็น ‘พระเมธีวชิโรดม’ : สำราญ สมพงษ์ รายงาน
เนื่องในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว วันที่ 28 ก.ค. 2562 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดพระราชทานสถาปนา เลื่อน และตั้ง สมณศักดิ์พระสงฆ์ผู้ทรงคุณแก่ประเทศชาติและพระพุทธศาสนา ในจำนวนนั้นมีพะมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) ประธานมูลนิธิวิมุตตยาลัย ผู้อำนวยการศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน จังหวัดเชียงราย รวมอยู่ด้วย โดยได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์ที่ “พระเมธีวชิโรดม”
พระเมธีวชิโรดมนั้น มีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านครึ่งใต้ ต.ครึ่ง อ.เชียงของ จ.เชียงราย จบ น.ธ.เอก สำนักเรียน วัดพระสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย สอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค สำนักเรียนวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม กรุงเทพมหานคร ปริญญาตรี ศึกษาศาสตรบัณฑิต (ศษ.บ.) มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ปริญญาโท พุทธศาสตรมหาบัณฑิต (พธ.ม.) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานมูลนิธิวิมุตตยาลัย ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย ผู้อำนวยการศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน ผู้ก่อตั้งและอธิการบดีมหาวิชชาลัยพุทธเศรษฐศาสตร์ (สถาบันการศึกษาทางเลือกเพื่อการพัฒนาตามปรัชญาพุทธเศรษฐศาสตร์) ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดพระสิงห์ พระอารามหลวง จังหวัดเชียงราย
หลังสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้รับอาราธนาให้เป็นอาจารย์พิเศษของบัณฑิตวิทยาลัย มจร (2546-2553) สอนวิชาสัมมนาพระพุทธศาสนากับวิทยาการโลกยุคใหม่ (Seminar on Buddhism and New World Perspectives) แก่นิสิตระดับปริญญาโททั้งภาคปกติ (พระภิกษุ) ภาคพิเศษ (คฤหัสถ์) นอกจากนั้นยังได้รับอาราธนาให้เป็นอาจารย์พิเศษระดับปริญญาตรี โท เอก ของมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งของภาครัฐและเอกชนอีกหลายแห่ง รวมทั้งเป็นอาจารย์พิเศษให้กับสถาบันพระปกเกล้า วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร โรงเรียนเตรียมทหาร โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน เป็นต้น พร้อมๆ กับการทำหน้าที่อาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัย
พระเมธีวชิโรดมอุทิศตนทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาในรูปแบบ “ธรรมประยุกต์” (Applied Buddhism) จนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางด้วยผลงานธรรมนิพนธ์ในชุด “ธรรมะติดปีก” (ประกอบด้วยธรรมะติดปีก ธรรมะบันดาล ธรรมะดับร้อน ธรรมะหลับสบาย) การเผยแผ่พระพุทธศาสนาเชิงรุกในแบบ “ธรรมประยุกต์” หรือ Applied Buddhism ของท่านทำให้เกิดกระแสความตื่นตัวและก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในการศึกษาธรรมะในเมืองไทยอย่างกว้างขวาง ทั้งวงการเทศน์ที่ลดความเข้มขลัง ทางธรรมเนียมนิยมลงมาสู่การเทศน์เชิงปฏิภาณหรือเทศน์ปนทอล์คที่ทำให้การแสดงธรรมกลายเป็นเรื่องทันสมัยมีชีวิตชีวาเข้าถึงคนได้ทุกกลุ่ม วงการเขียนหนังสือธรรมะที่หนังสือธรรมะกลายเป็นหนังสือยอดนิยมของคนทุกวัย และวงการวิทยุและโทรทัศน์ที่รายการธรรมะกลายเป็นรายการในช่วงไพรไทม์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
จนปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ถูกนักสื่อสารมวลชนนิยามว่าเป็นปรากฏการณ์ “ธรรมะอินเทรนด์” ปัจจุบันท่านมีผลงานธรรมนิพนธ์ไม่น้อยกว่า 200 เล่ม (สถิติ ณ พ.ศ. 2557) หลายเล่มได้รับการแปลสู่ภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเกาหลี ภาษาอินโดนีเซีย ภาษาสเปน ภาษาฝรั่งเศส บางเล่มได้รับการดัดแปลงเป็นบทละครโทรทัศน์ ละครเวที ดัดแปลงเป็นบทภาพยนตร์ หรือแม้แต่บทโฆษณาเพื่อการปลูกฝังค่านิยมอันดีงามของสังคม พ.ศ. 2550 ก่อตั้งสถาบันวิมุตตยาลัย อันเป็นสถาบันการศึกษาทางเลือกเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและพัฒนาสันติภาพโลก
พ.ศ. 2552 ก่อตั้งศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน เพื่อเป็นธรรมสถานในการ บูรณาการพุทธธรรมเข้ากับทุกกิจกรรมของชีวิตผ่านการจัดคอร์สภาวนาทั้งแก่ชาวไทยและชาวต่างประเทศ ได้ก่อตั้งเว็บไซต์ www.dhammatoday.com เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาตามแนวคิด “ธรรมะออนไลน์ เพื่อไทย เพื่อโลก” จากพื้นฐานเมื่อปี พ.ศ. 2547 ได้ออกหนังสือธรรมะติดปีกได้รับความนิยมมาก จึงได้มีผลงานทางธรรมะออกมาอีก 2 เล่มคือ ธรรมะหลับสบายและธรรมะดับร้อน ได้รับความนิยมสูงเช่น ส่งผลให้ช่อง 3 ได้นำเนื้อหาสร้างเป็นละครโทรทัศน์ ทำให้เกิดกระแสที่ธรรมะกลับมานิยมกันอีกครั้งโดยส่วนมากเรียกว่าธรรมะอินเทรนด์ หรือ ธรรมะติดปีก ได้รับอาราธนาให้เป็นอาจารย์พิเศษของบัณฑิตวิทยาลัย มจร 2546-2553 ) สอนวิชาสัมมนาพระพุทธศาสนากับวิทยาการโลกยุคใหม่ (Seminar on Buddhism and New World Perspectives) แก่นิสิตระดับปริญญาโททั้งภาคปกติ (พระภิกษุ) ภาคพิเศษ (คฤหัสถ์)
พระเมธีวชิโรดมหรือพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี นั้นนับได้ว่าเป็นพระที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับทฤษฎีการสื่อสารที่สำคัญคือ SMCR ของเบลโล อย่างเช่นที่ระบุว่า “ยกให้เห็นบทบาทของผู้ที่ทำหน้าที่ทูตว่ามีส่วนสำคัญและมีอิทธิพลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ในที่นี้คือเทวทูตที่ทำให้หน้าที่ให้การสื่อสารให้เจ้าชายสิทธัตถะฉุกคิดจึงได้ออกบวชตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าทำให้มีพระพุทธศาสนา หากไม่มีเทวทูตทำหน้าที่เป็นผู้ส่งสาร โดยส่งเนื้อหาเป็น 4 ลักษณะมาให้เจ้าชายสิทธัตถะในฐานะผู้รับสาร ก็จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลก นี้คือความสำคัญของเทวทูต” เป็นพระนักเผยแผ่ นักเทศน์ นักบริหาร นักวิชาการ
พระเมธีวชิโรดมเป็นพระที่มีความรู้ด้านพระพุทธศาสนา สันติภาพและรู้ทฤษฎีการสื่อสารเป็นอย่างดี ใช้สื่ออินเทอร์เน็ตเพื่อเผยแผ่ธรรมะ และสื่อสารให้กับผู้ที่สนใจได้อย่างกว้างขวางและทั่วถึง จะสอนใครจะมีการตรวจสอบวิเคราะห์ก่อนอยู่เสมอด้วยทฤษฎี 5W1H คือ “ใคร ด้วยวิธีการใด เพื่อเป้าหมายอันใด และผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร” สอดคล้องกับพุทธกิจตอนรุ่งสว่างทรงเล็งญาณตรวจสัตว์โลกด้วยทฤษฎี 5W1H เช่นกัน โดยวัดได้จากปริมาณหนังสือที่พิมพ์เพิ่มขึ้นและปริมาณศาสนิกชนที่มาขอรับซีดีเพิ่มมากขึ้น มีนิมนต์ที่มากขึ้นบางเดือนมีเกือบ 200 งาน ได้รับเชิญไปออกรายการโทรทัศน์และการถูกสัมภาษณ์ทุกรูปแบบตามสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ นิตยสารต่างๆ เช่น หนังสือฟอร์มูล่า เปรียว เป็นต้น หรือจากการสืบค้นจากอินเตอร์เน็ตมีการสืบค้นเป็นหมื่นรายการ รวมถึงพระเมธีวชิโรดมได้เปิดเฟซบุ๊กมีคนติดตามกว่า 6 ล้านคน และทวิตเตอร์ก็มีผู้ติดตามจำนวนมากเช่นกัน นอกจากนี้ เหล่านี้เป็นสิ่งที่สะท้อนว่าธรรมะไปถึงทุกวงการ และเป็นกระแสตอบรับจากงานที่ได้ทำลงไป
พระเมธีวชิโรดมยังมีฐานะผู้อำนวยการโรงเรียนชาวนาพุทธเศรษฐศาสตร์ ไร่เชิญตะวัน ได้ร่วมกับนายจรัล เตชะวิจิตรา ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเชียงราย นายวิศิษฐ์ อาริยะ ผู้จัดการทั่วไปศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่าเชียงราย เปิดงานตลาดนัดอินทรีย์ (Organic Fair) ครั้งที่ 1 ที่ลานกาสะลองคำ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า นอกจากนี้ยังได้รับความร่วมมือจากภาครัฐและสถาบันการศึกษาส่งนักวิชาการผู้รู้มาถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีต่างๆ ให้ มั่นใจได้ว่า “ชาวนาจากโรงเรียนชาวนาพุทธเศรษฐศาสตร์มีความรู้จริงรอบด้าน ไม่เพียงรู้แค่การปลูกข้าวแบบเดิมๆ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น”
พร้อมกันนี้พระเมธีวชิโรดมยังได้มีบทบาทด้านการสร้างสันติภาพโลก จน UNHCR ถวายตำแหน่งผู้อุปถัมภ์ด้านสันติภาพและเมตตาธรรม พ.ศ.2561 และในโอกาสที่เดินทางไปรับถวายรางวัลดังกล่าว จึงได้รับอาราธนาจากคริสตจักรสำนักโฟโคลาเร เมืองลอปเปียโน แคว้นทัสคานี ประเทศอิตาลี ให้ร่วมเข้าเฝ้ารับเสด็จองค์พระสันตะปาปาฟรานซิส องค์พระประมุขสูงสุดของคริสตจักรโรมันคาธอลิคทั่วโลก ที่เมืองลอปเปียโน ประเทศอิตาลีด้วย เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทัศนะด้านการทำงานเพื่อสันติภาพโลกและสร้างศาสนสัมพันธ์อันดีกับผู้นำศาสนาสำคัญของโลก
พร้อมทั้งถวายหนังสือ “สันติวิถี/Peace is the way” ซึ่งว่าด้วย “ทัศนะด้านการสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืนตามแนวทางของพุทธศาสนา” แด่องค์พระสันตะปาปาอีกด้วย หนังสือดังกล่าวพระเมธีวชิโรดมกล่าวถึงสาระสำคัญเอาไว้ว่า “เราทุกคน คือ คนชาติเดียวกัน, ไม่ใช่ชาติไทย ไม่ใช่ชาติจีน,ไม่ใช่ชาติยุโรป หรือชาติอเมริกา, หากแต่เป็น มนุษยชาติ เหมือนกัน”
ความรู้และผลงานของพระเมธีวชิโรดมนั้นมีอยู่มากมายโดยถูกนำไปอ้างอิงในการทำวิจัยและการทำวิทยานิพนธ์ต่อยอดความรู้ พร้อมกันนี้พระเมธีวชิโรดมยังมีความเท่าทันเทคโนโยลีระดับสูง นับได้ว่าเป็นพระรุ่นใหม่ที่เท่าทันโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ติดตามเทคโนโยลีด้านปัญญาประดิษฐ์หรือ AI (Artificial Intelligence) โดยได้เตือนสติว่า หากไม่นำปัญญาประดิษฐ์เป็นเครื่องมือในการสร้างสันติภาพหรือมีสติในการควบคุมแล้ว อาจจะถึงคราวหายนะของมนุษย์ชาติก็เป็นได้
Leave a Reply