มหาจุฬาฯจัดกิจกรรมวันสันติภาพสากล “สติสมาธิ วิถีสู่สันติภาพ”

        วันสันติภาพโลก ตรงกับ วันที่ 21 กันยายน ของทุกปี หยุดเพียง 1 นาที ให้ความสันติเกิดขึ้นแก่โลก ซึ่งวันนี้เรามีประวัติวันสันติภาพโลก และกิจกรรมดี ๆ ที่น่าสนใจของวันสันติภาพโลกมาฝาก จะมีความสำคัญอย่างไรบ้าง มาดูกัน
วันสันติภาพโลก

       วันที่ 21 กันยายน ของทุกปี ถูกกำหนดขึ้นให้เป็นวันสันติภาพโลก (World Peace Day) เพื่อให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญและงดใช้ความรุนแรง หยุดทำสงคราม และร่วมมือกันสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งกว่าจะมีวันสันติภาพโลกขึ้นมาได้นั้น ต้องผ่านเหตุการณ์ความรุนแรงมามากมาย ผู้คนต้องล้มตายเป็นจำนวนมาก ดังนั้น วันนี้จึงเป็นวันที่สำคัญมากอีกวันหนึ่ง จะพาทุกคนไปรู้จักประวัติความเป็นมาไปพร้อม ๆ กันครับ

ประวัติวันสันติภาพโลก

แต่เดิมวันสันติภาพโลกไม่ได้มีวันที่แน่นอนอย่างในปัจจุบัน โดยในปี ค.ศ. 1981 คณะกรรมการสหประชาชาติได้ประกาศมติที่รับรองโดยคอสตาริกา ให้ทุกวันอังคารที่ 3 ของเดือนกันยายน ซึ่งเป็นวันเปิดประชุมสามัญ เป็นวันสันติภาพโลก หรือวันสันติภาพสากล เพื่อให้ความสำคัญกับสันติภาพ

แต่หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 2001 หรืออีก 20 ปีต่อมา ก็มีมติใหม่จากสหราชอาณาจักรและคอสตาริกา กำหนดให้วันที่ 21 กันยายน ของทุกปี เป็นวันยุติการสู้รบ และประกาศให้เป็นวันสันติภาพโลก หรือวันสันติภาพสากล (The International Day of Peace) เพื่อขอให้ประชาชนทุกประเทศหยุดยิง ลดใช้ความรุนแรงกันทั่วโลกและหยุดการทำสงครามตลอดทั้งวัน รวมทั้งมีการเชิญประเทศสมาชิก หน่วยงานต่าง ๆ มางานเฉลิมฉลองและร่วมมือกันสร้างสันติภาพทั่วโลก และกำหนดให้ ค.ศ. 2001-2010 เป็นทศวรรษสากลเพื่อวัฒนธรรมสันติภาพและความไม่รุนแรงเพื่อเด็กของโลก โดยมีจุดมุ่งหมาย 6 ประการ ดังนี้

1. ให้ความเคารพต่อชีวิตทั้งมวล เคารพชีวิตและศักดิ์ศรีของแต่ละบุคคล โดยไม่แบ่งชนชั้นหรือลำเอียง

2. ไม่ใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะต่อเด็กและเยาวชน

3. แบ่งปันกับผู้อื่นอย่างมีน้ำใจ เพื่อขจัดการแบ่งแยก ความไม่ยุติธรรม และการกดขี่ทางการเมืองและเศรษฐกิจ

4. รับฟังเพื่อให้เกิดความเข้าใจต่อกัน เคารพเสรีภาพในการแสดงออก และยอมรับความแตกต่างทางวัฒนธรรม

5. สงวนรักษาผืนโลก ฝึกดำเนินชีวิตอย่างรับผิดชอบและเคารพต่อทุกชีวิตในโลก เพื่อรักษาสมดุลของธรรมชาติบนผืนโลก

6. สร้างความสมานฉันท์ เคารพต่อหลักการประชาธิปไตย และให้โอกาสทุกฝ่ายมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะสตรี

โดยจุดมุ่งหมายทั้ง 6 ประการ มีเป้าหมายให้ผู้คนในสังคมทุกกลุ่มอายุได้ตระหนักถึงความสำคัญของสันติภาพภายใน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของวัฒนธรรมสันติภาพที่เกิดจากความสงบเงียบภายในจิตใจของแต่ละคน เพื่อให้เราได้รู้จักตนเองและแหล่งพลังชีวิตที่สามารถใช้ปัญญาเป็นเครื่องชี้นำทางในการขจัดทุกข์และสร้างสันติสุขให้แก่ตนเอง รวมทั้งแบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้กับผู้อื่น

คำขวัญวันสันติภาพโลก

นอกจากในวันนี้ของทุกปีจะเป็นวันที่ทุกคนหยุดใช้ความรุนแรง รวมทั้งจัดกิจกรรมเพื่อรำลึกถึงความสำคัญแล้วนั้น ทางสหประชาชาติยังได้กำหนดคำขวัญในแต่ละปี เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติอีกด้วย เช่น

ในปี 2007 สหประชาชาติได้มีคำขวัญไว้ว่า “สันติภาพ คือ เป้าหมายสูงสุดของสหประชาชาติ” (Peace is the United Nations’ highest calling)

ในปี 2008 สำนักงานสหประชาชาติ ในติมอร์-เลสเต ได้ตั้งคำขวัญสำหรับวันสันติภาพสากลในติมอร์-เลสเต ว่า “คุณทำอะไรเพื่อสันติภาพหรือเปล่า” (What are you doing for peace ?)

ในปี 2009 สหประชาชาติได้มีคำขวัญไว้ว่า “เราต้องปลดอาวุธเพื่อทำเครื่องหมายสู่การนับถอยหลัง 100 วัน ซึ่งนำไปสู่วันสันติภาพสากลที่ 21 กันยายน” (WMD-We Must Disarm to mark the 100-day countdown which lead to the International Day of Peace on 21 September)

ในปี 2010 สหประชาชาติได้มีคำขวัญไว้ว่า “สันติภาพ = ในอนาคต, คณิตศาสตร์เป็นเรื่องง่าย”(Peace=Future, The math is easy)

ในปี 2011 สหประชาชาติได้มีคำขวัญไว้ว่า “สันติภาพและประชาธิปไตย : ทำให้เสียงของคุณได้ยิน”(Peace and Democracy : make your voice heard)

ในปี 2012 สหประชาชาติได้มีคำขวัญไว้ว่า “สันติภาพที่ยั่งยืน เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน” (Peace and Democracy : make your voice heard)

ในปี 2014 สหประชาชาติได้มีคำขวัญไว้ว่า “สิทธิของประชาชนเพื่อสันติภาพ” (Right of Peoples to Peace)

ในปี 2015 สหประชาชาติได้มีคำขวัญไว้ว่า “ความร่วมมือเพื่อสันติภาพและศักดิ์ศรีเพื่อทุกคน” (Partnerships for Peace – Dignity for All)

ในปี 2016 สหประชาชาติได้มีคำขวัญไว้ว่า “The Sustainable Development Goals : Building Blocks for Peace”

ในปี 2017 สหประชาชาติได้มีคำขวัญไว้ว่า “Together for Peace: Respect, Safety and Dignity for All”

ในปี 2018 สหประชาชาติได้มีคำขวัญไว้ว่า “The Right to Peace – The Universal Declaration of Human Rights at 70

ในปี 2019 สหประชาชาติได้ประกาศธีมรณรงค์ว่า Climate Action for Peace
   

สัญลักษณ์ของสันติภาพ

ภาพของนกพิราบคาบกิ่งมะกอก คงเป็นภาพที่หลายคนเห็นผ่านตากันมาบ้างแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่าภาพนกพิราบคาบกิ่งมะกอกนั้น ถือเป็นสัญลักษณ์สากลของสันติภาพ เนื่องจากชาวตะวันตกเชื่อว่านกพิราบเป็นวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้า เป็นตัวแทนของความบริสุทธิ์ตามพระคัมภีร์ไบเบิล และยังเป็นสัญลักษณ์ของนักเรียกร้องสิทธิมนุษยชน รวมทั้งแสดงถึงวิชาชีพสื่อสารมวลชน เพราะนกพิราบมีความสามารถในการจดจำเส้นทางได้อย่างแม่นยำ ผู้คนจึงใช้นกพิราบในการสื่อสาร ส่วนกิ่งมะกอกเป็นสิ่งที่ชาวกรีกโบราณใช้ในพิธีสำคัญ เป็นมงกุฎสวมให้ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งและมอบให้ผู้ชนะในการแข่งกีฬาโอลิมปิกอีกด้วย

เมื่อได้รับรู้ถึงความสำคัญของวันสันติภาพโลกกันไปแล้ว ดังนั้น เมื่อถึงวันที่ 21 กันยายน ทุกคนควรตระหนักและหยุดใช้ความรุนแรง หรืออาจเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม โดยใช้เวลาเพียง 1 นาที หยุดนิ่งให้กับความสงบ เพื่อระลึกถึงสันติภาพของโลก รวมทั้งเพื่อให้ตัวเองได้รับรู้ถึงความสงบในจิตใจ รับรู้ความต้องการของตนเอง เพื่อเป็นพลังในการดำเนินชีวิตต่อไป

กิจกรรมในวันสันติภาพโลก

ในวันที่ 21 กันยายน ของทุกปี ยังมีกิจกรรมดี ๆ ที่จัดขึ้นเพื่อให้ทุกคนเห็นความสำคัญของการหยุดใช้ความรุนแรง โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ร่วมกับสถาบันพระปกเกล้า สำนักงานศาลยุติธรรม เป็นต้น จัดกิจกรรม “International Day of Peace วันสันติภาพสากล สติสมาธิ วิธีสู่สันติภาพ ในวันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2562 นี้ ณ หอประชุมมวก. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา

ขอบคุณข้อมูลhttps://hilight.kapook.com/

Leave a Reply