เมื่อเร็ว ๆ นี้ พระเทพเวที รักษาการเจ้าคณะภาค 6 ได้โพสต์ข้อความอธิบายเกี่ยวกับการจัดตั้ง “สำนักศาสนศึกษา” ตามประกาศ ปี 2555 เพื่อรองรับตาม พ.ร.บ.พระปริยัติธรรม 2562 ที่ประกาศใช้แล้วไปแล้วนั้น โดยมีรายละเอียดดังนี้
การจัดตั้งศาสนศึกษา เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญของคณะสงฆ์เรา จึงขอความร่วมมือได้ช่วยกัน เผยแพร่ให้ทราบทุกจังหวัด ทุกภาค ด้วย
ความเดิมก็คือว่า ใน “ประกาศ มหาเถรสมาคม ว่าด้วยการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรมและแผนกบาลี” ที่ประกาศมา เมื่อ 14 มีนาคม 2555 นั้น ในบทเฉพาะกาล ไม่ได้อุ้มหรือสนับสนุน “สำนักศาสนศึกษา” ที่มีมาแต่ก่อนปี 2555 ไว้..
โดยหลักนิตินัยก็คือเมื่อกฏหมายออกมา และไม่ได้อุ้มไว้ ก็คือยุบไปโดยปริยาย
แล้วทีนี้จะทำอย่างไร? บางสำนักก็ตั้งมาเป็น 70-80 ปี
คำตอบง่ายๆ ก็คือ มายกระดับการบริหารจัดการ เสียใหม่ ตามยุทธศาสตร์การปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา คือ มาทำตามเกณฑ์ใหม่ ตาม “ประกาศมหาเถรสมาคมว่าด้วยการจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรมและแผนกบาลี ปี 2555” ประกาศใช้ 14 มีนาคม 2555..นั่นเอง
ดังนั้นวัดที่จะขอจัดตั้งต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้..
-
เป็นวัดถูกต้องตามกฎหมาย
-
มีการเรียนการสอนพระปริยัติธรรม(ต่อเนื่องมาแล้ว 3 ปี)
-
มีจำนวนนักเรียนตามเกณฑ์ ( นักธรรม(เกณฑ์ตามพฤตินัย 15 รูป), ถ้าจะสอนทั้งนักธรรม- บาลี ให้มีนักเรียนไม่น้อยกว่า 20 รูป(ตามระเบียบ มส)
-
มีความพร้อมด้าน
– ด้านบุคลากรทางการศึกษา( อาจารย์ใหญ่, ผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่(แล้วแต่บริบท),เจ้าหน้าที่ ต่างๆ (แล้วแต่บริบท)
– มีครูสอนเพียงพอ
– มีอาคารสถานที่ เพียงพอ
นอกจากเกณฑ์พื้นฐานเหล่านี้แล้ว ยังมีหลักเกณฑ์เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้..
-
ให้เจ้าอาวาสทำเรื่องขอจัดตั้ง
-
ถ้าขาดคุณสมบัติดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นติดต่อกัน 3 ปีซ้อน ให้ ยุบ/ รวม/ หรือ เลิก ดำเนินการ
-
ถ้าไม่ดำเนินการ ให้ เจ้าคณะกทม. หรือ เจ้าคณะจังหวัด พิจารณาสั่งการ
-
ให้มีคณะกรรมการสถานศึกษา
-
ให้แจ้งฐานข้อมูลวัด ( Temple Data Base- TDB)ว่ามีพันธสัญญาจะส่งนักเรียนเข้าเรียนชัดเจน
-
ให้มีจำนวนนักเรียนเป็นไปตามเกณฑ์
-
ให้มีระบบ เปิด- ปิด การศึกษาชัดเจน
Leave a Reply