มส.กลับลำ “ห้ามพระทำใบขับขี่ – ขับรถ”แล้ว

วันศุกร์ที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๔ ณ พระตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพฯ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงลาการประชุม และทรงมีพระบัญชาให้สมเด็จพระวันรัต กรรมการมหาเถรสมาคม เป็นประธานการประชุมมหาเถรสมาคม  โดยหลังการประชุมเสร็จสิ้น นายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้แถลงข่าวการประชุมมหาเถรสมาคม  มส.ได้มีมติมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังจากที่พบการระบาดมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนี้

๑.ให้ทุกวัดงดจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มคนตั้งแต่ ๕๐ คนขึ้นไป ส่วนการปฏิบัติศาสนกิจให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องการระบาดของแต่ละจังหวัด และตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.)

๒.ให้เจ้าคณะผู้ปกครองกำชับวัดในเขตปกครองปฏิบัติตามมาตรการป้องการระบาดของสธ. และมาตรการแต่ละจังหวัดอย่างเคร่งครัด

๓.ให้ทุกวัดสงเคราะห์จัดฌาปนกิจศพที่เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 พร้อมกันนี้สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กรรมการมหาเถรสมาคม เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ได้แจ้งว่า หากวัดใดมีการดำเนินการดังกล่าว แต่ขาดแคลนงบประมาณในการดำเนินการให้แจ้งเรื่องผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด(พศจ.)เพื่อส่งเรื่องมาที่สำนักงานเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เพื่อพิจารณาสนับสนุนกัปปิยภัณฑ์ต่อไป

๔.กรณีพระภิกษุสามเณรขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ โดยสืบเนื่องจากเมื่อปี ๒๕๖๓ มส.เคยมีมติเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว โดยให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจตรา การขับขี่รถยนต์ และจักรยานยนต์ของพระภิกษุสามเณรเยี่ยงประชาชนทั่วไป แต่กลับพบว่าช่วงที่ผ่านมามีพระสงฆ์หลายรูปไปทำใบขับขี่ ซึ่งมีสำนักงานขนส่งบางจังหวัดไม่ทำให้ เพราะเห็นว่าไม่เหมาะสม จนเกิดเป็นเรื่องฟ้องร้องกันขึ้น ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาแล้วหากพระภิกษุสามเณรขับขี่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ อาจจะนำไปสู่การกระทำผิดทางพระธรรมวินัย เช่น การเกิดอุบัติเหตุทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต เป็นต้น ที่สำคัญยังถือว่าไม่เหมาะสมกับสมณสารูปด้วย

ดังนั้นมส.จึงมีมติเห็นชอบ
๑.ห้ามพระภิกษุสามเณรขับขี่รถยนต์ รถจักรยานยนต์

๒.ห้ามการกระทำที่เอื้อต่อการขับขี่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ เช่น การทำใบขับขี่ เป็นต้น

๓.หากพบเห็นให้เจ้าคณะผู้ปกครองพิจารณาโทษตามลำดับการปกครองคณะสงฆ์ เว้นแต่เป็นการขับขี่เพื่อกิจการของวัด โดยเป็นการขับขี่ภายในวัด หรือเหตุจำเป็นฉุกเฉินอย่างยิ่ง เช่น มีพระภิกษุสามเณรอาพาธ ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลเป็นต้น

 

ข่าว – ภาพ กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ/ข่าว

Leave a Reply