ปลัดกระทรวงมหาดไทยมอบถุงยังชีพและเยี่ยมเยียนผู้ประสบภัยจังหวัดจันทบุรี เน้นย้ำบูรณาการหน่วยงานในพื้นที่จัดทำข้อมูลเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก พร้อมสั่ง 2 วัน น้ำท่วมสวนทุเรียนต้องแห้ง
วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม 2564 เวลา 08.30 น. ณ ห้องประชุม 4 ศาลากลางจังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมติดตามการแก้ไขปัญหาสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี โดยมี นายสุธี ทองแย้ม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นายอลงกรณ์ แอคะรัจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัดจันทบุรี นายอำเภอทุกอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับ และบรรยายสรุป

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 ต.ค. 64 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งทั้ง 2 ท่าน มีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนทุกจังหวัดที่กำลังประสบสาธารณภัยในขณะนี้ โดยในส่วนของจังหวัดจันทบุรี เป็นจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย ซึ่งมีความน่ากังวล เพราะเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย ดังนั้น จะต้องนำบทเรียนในอดีตมาทบทวนเพื่อนำไปสู่การป้องกันให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก แล้งซ้ำซาก หนาวซ้ำซาก บ้านเรามีวัฏจักรเเบบเจ็บเเล้วไม่จำ เรียกว่า ปล่อยให้เกิดขึ้นซ้ำเเล้วซ้ำอีก จึงเรียกว่า “ซ้ำซาก” ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดที่เราจะช่วยบำรุงขวัญพี่น้องประชาชนที่อำเภอขลุง เเละอำเภอเมืองจันทบุรี คือ ต้องทบทวนระบบการเเจ้งเตือนภัย เพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถหลบเลี่ยงความเสียหายทางทรัพย์สินเเละชีวิต ยกตัวอย่างเช่น กรณีการเเจ้งเตือนของวนอุทยานถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ที่ไม่ทันท่วงที ส่งผลให้มีเด็กติดอยู่ในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน ดังนั้นจึงต้องมีการเเก้ไขปัญหาที่ระบบ เพื่อให้สามารถจัดการได้ทันสถานการณ์ ซึ่งเรามีระบบแจ้งเตือนในความรับผิดชอบโดยตรง อาทิ มิสเตอร์เตือนภัย หอกระจายข่าวหมู่บ้าน มี อสม. ผู้นำ อช. ผู้แทนสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี เรามีตัวแทนอยู่ในทุกชุมชน/หมู่บ้าน เราต้องบูรณาการภารกิจของทุกกระทรวง ทุกกรม เพื่อแก้ปัญหาภยันตรายร่วมกัน ซึ่งในขณะนี้ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพราะอยู่ในฤดูฝน ซึ่งหลังจากนี้ เราต้องเเก้ปัญหาเชิงระบบ เพื่อเตรียมการรับสถานการณ์ในฤดูหนาว ฤดูร้อน เพื่อเเก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างได้ ซึ่งขณะนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ได้เห็นเส้นทางของน้ำ น้ำทะเลหนุน มวลน้ำมาปริมาณมาก ปะทะกันอยู่ในเมือง เเล้วทำให้น้ำท่วม รู้ว่าที่ไหนมีสิ่งกีดขวางน้ำ จุดไหนเสี่ยงดินพังทลาย จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี บูรณาการร่วมกับนายอำเภอ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ร่วมสำรวจพื้นที่ สิ่งกีดขวาง จุดเสี่ยงภัยและปัญหาที่อาจก่อให้เกิดน้ำท่วม เตรียมข้อมูล เพื่อยื่นเสนอรับจัดสรรงบประมาณกับทางรัฐบาล เพื่อจะได้จัดการกับปัญหาในส่วนที่ต้องใช้งบประมาณ ส่วนไหนที่สามารถทำเองได้ก็ขอให้รีบดำเนินการไปก่อน


โดย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ได้สั่งการให้ผู้ว่าฯ จันทบุรี ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมเครื่องมือ และเครื่องจักร มาสูบน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่ อ.ขลุง เมือง มะขาม และพื้นที่อื่นๆ ให้กลับเข้าสูสู่ภาวะปกติ หรือเรียกง่ายๆ คือ ให้แห้งจนต้นทุเรียน เงาะ และอื่นๆ ไม่ได้รับความเสียหาย ภายใน 2 วันนี้ เพราะขณะนี้น้ำท่วมขังบางพื้นที่ เข้าสู่วันที่ 4 แล้ว หากปล่อยช้าไป ชาวสวนทุเรียนจะเสียหายหนัก
นายสุทธิพงษ์ เน้นย้ำว่า จังหวัดจันทบุรีโชคดีที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระราชทานแนวพระราชดำริ คลองภักดีรำไพ (คลองน้ำไหล) เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำหลากกับน้ำทะเลหนุน รวมถึงแก้มลิง (หลุมขนมครก) สระรวม โคก หนอง นา เกษตรทฤษฎีใหม่ ซึ่งเป็นแนวทางเพื่อช่วยเเบ่งมวลน้ำไม่ให้ท่วมได้ จึงขอให้ผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ช่วยกันหาพื้นที่แก้มลิง เพื่อเเบ่งมวลน้ำจากลำน้ำสาขา พื้นที่รอบที่สูงให้มีเเก้มลิง เพื่อช่วยรับน้ำ เป็นการบริหารจัดการที่พึ่งพาตัวเองได้ หรือที่เราเรียกกันว่า “เกษตรทฤษฏีใหม่” ซึ่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชปณิธานในการสืบสาน รักษา และต่อยอด โดยการพระราชทานภาพฝีพระหัตถ์ “โคก หนอง นา แห่งน้ำใจ และความหวัง” เพื่อให้คนไทยรู้จักและได้ทำตามแนวพระราชดำริ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ให้เข้าใจได้ง่าย เเละนำไปใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งมีจังหวัดตัวอย่างที่น้อมนำ โคก หนองนา โมเดลไปประยุกต์ใช้เเล้วน้ำไม่ท่วม อาทิ จังหวัดสุโขทัย กำเเพงเพชร พิษณุโลก และจังหวัดอุบลราชธานี จึงขอให้จังหวัดจันทบุรี ดำเนินการ เมื่อสำรวจเเล้ว จัดทำแผนเเม่บทชุมชน โดยทุกชุมชนควรมีแผนที่หลุมขนมครก ธนาคารน้ำใต้ดินระบบปิด โดยขุดดินออก เอาหินใส่ เอาสแลนปิดไม้ให้ใบไม้เข้าไปอุดตัน ทำให้มวลของดินโปร่ง เป็นที่เก็บน้ำ เเละธนาคารน้ำใต้ดิน (ป่าไม้) โดยช่วยกันปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง คือ 1) ป่าไม้ใช้สอย 2) ป่าไม้กินได้ อาหาร/ยารักษาโรค 3) ป่าที่ใช้สร้างที่อยู่อาศัย ซึ่งเราจะได้รับประโยชน์อย่างที่ 4 คือ อยู่แล้วร่มเย็น สวยงาม เห็นเเล้วก็มีความสุข สิ่งเหล่านี้จำเป็น ที่สำคัญจะต้องเอาจริงเอาจัง กับการป้องกันและปราบปราม จับกุม ผู้กระทำความผิดด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้ที่เข้าไปทำลายธนาคารน้ำใต้ดิน (ป่าไม้) โดยเฉพาะพื้นที่ภูเขา ขอให้นายอำเภอทุกอำเภอให้ความสำคัญ รวมถึงติดตามผลการดำเนินคดี และความคืบหน้าของคดี โดยประสานการปฏิบัติร่วมกับตำรวจภูธรในพื้นที่ เพราะเป็นต้นเหตุที่ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ฝนตกไม่ตรงตามฤดู ฝนตกเเล้วทำให้ดินพังทลาย จุดไหนวางเเผนฟื้นฟูปลูกป่าได้ ขอให้ใช้กลไกอาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก (อถล.) มาร่วมดำเนินการด้วย
Leave a Reply