วันที่ 21 ธันวาคม 2564 เมื่อวานนี้ที่ประชุมมหาเถรสมาคมนัดแรก มีมติแต่งตั้ง สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (สุชิน อคฺคชิโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธฯ กรรมการมส. เป็นประธานคณะกรรมการกองทุนวัดช่วยวัด และแต่งตั้ง พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส กรรมการ มส. เป็นรองประธานกรรมการ ซึ่งถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง หลังจาก “กองทุนวัดช่วยวัด” ตกอยู่ในมือวัดปากน้ำภาษีเจริญมาอันยาวนาน ซึ่งต่อจากนี้ไป คงต้องจับตาดูต่อไปว่า กองทุนวัดช่วยวัด ที่พระสังฆาธิการจะต้องตัดเงินนิตยภัตเข้ากองทุนทุกปี จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง หลังจากคณะสงฆ์ตั้งความหวังกับกองทุนนี้มาอันยาวนาน

สำหรับกองทุนวัดช่วยวัด เกิดขึ้นมาก่อน 2545 ก่อนที่จะเกิดสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติด้วยซ้ำไป ดังเอกสารปรากฎหลักฐานว่า นายสุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ รองอธิบดีกรมการศาสนา รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ อ้างถึงมติมหาเถรสมาคมที่ 436/2545 กราบทูลให้สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก รับกองทุนวัดช่วยวัดไว้ในพระสังฆราชูปถัมภ์ ซึ่งต่อมาพระองค์ก็รับกองทุนไว้ช่วยวัดไว้ในพระอุปถัมภ์

ต่อมาในปี 2546 คณะกรรมการช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติและอุบัติภัย (กองทุนวัดช่วย) ได้มีมติหลักการในการหาเงินเข้ากองทันไว้ ดังนี้
1.ขอรับบริจาคนิตยภัตจากพระสังฆาธิการทุกระดับ 1 เดือน โดยกำหนดเดือนมกราคมของทุก ๆ ปี
2.จัดให้มีการแสดงธรรมเทศนาในวันอาสาฬหบูชาพร้อมกันทุกวัน ทั่วประเทศ เพื่อรวบรวมปัจจัยเข้ากองทุน
3.จัดงานทอดผ้าป่าที่ท้องสนามหลวงในวันวิสาขบูชา
4.ให้วัดทุกวันจัดทอดผ้าป่าเพื่อรวบรวมปัจจัยส่งเข้ากองทุน
5. ตั้งตู้รับบริจาคในวัดต่าง ๆ ตามที่เจ้าคณะภาคเห็นสมควร เช่น วัดพระปฐมเจดีย์ วัดโสธรวราราม เป็นต้น
รายละเอียดังปรากฎตามเอกสารด้านล่างนี้
ต่อมาในปี 2561 มีการออกมติระเบียบมหาเถรสมาคมว่าด้วยกองทุนวัดช่วยวัด พ.ศ…. มีทั้งหมด 7 หมวด 23 ข้อ ลงนามเห็นชอบประกาศ เมื่อวันที่ 20 เดือนมกราคม 2562 โดยสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม
รายละเอียดระเบียบกองทุนดังเอกสารแนบ
ในการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ 3/2561 เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2561 เลขาธิการมหาเถรสมาคมเสนอว่า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประธานที่ประชุม ทรงปรารภว่า การช่วยเหลือพระภิกษุสามเณรที่ประสบภัยธรรมชาติและอุบัติภัย “ไม่ทันต่อเหตุการณ์” เพราะไม่สามารถเบิกจ่ายเงินจากกองทุน “ทุนวัดช่วยวัด” ได้ เนื่องจากผู้มีอำนาจในการเบิกจ่ายเงินกองทุนเดิม คือ สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ ซึ่งปัจจุบันได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระสังฆราช และ พระพรหมเวที ได้รับการสถาปนาสมณศักดิ์ เป็น สมเด็จพระพุฒาจารย์ แล้ว จึงขอเปลี่ยนลายมือชื่อผู้มีอำนาจในการเบิกจ่ายเงินจาก สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ เป็น พระวิสุทธิวงศาจารย์ วัดปากน้ำ ประธานกรรมการ และจาก พระพรหมเวที เป็น พระพรหมมุนี วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม รองประธานกรรมการ ในคณะกรรมการช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติและอุบัติภัย เพื่อถวาย ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที และมีพระบัญชาให้นำเสนอมหาเถรสมาคมเพื่อโปรดพิจารณา
ที่ ประชุมพิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบ และให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจัดประชุมกรรมการช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติและอุบัติภัย และให้ดำเนินการได้ทันที โดยไม่ต้องรอรับรองรายงานการประชุม
ดังเอกสารแนบ












Leave a Reply