เปิดใจ “เจ้าคุณประสาร” พระสายฮาร์ดคอร์กับทางการเคลื่อนไหวปี’65

“เจ้าคุณประสาร” หรือ  พระเมธีธรรมาจารย์  เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยในอดีตถูกตราว่า พระการเมือง”  เป็น  “พระจีวรแดง” และทั้งเป็น “พระสายฮาร์ดคอร์  ทุกความเคลื่อนไหว ทุกคำพูดล้วนถูกจับตาจากฝ่ายบ้านเมืองและมหาเถรสมาคม พักหลัง ๆ หลายปีมานี้ บทบาทเริ่มลดลงท่ามกลางข่าวลือว่า ถูกฝ่ายบ้านเมืองและคณะสงฆ์สั่ง ห้ามเคลื่อนไหว”

ทีมงาน Thebuddh” จึงหาโอกาสเข้าพบกับ เจ้าคุณประสาร เพื่อสอบถามสถานการณ์คณะสงฆ์ รวมถึง ทิศทางการทำงานของศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย  ในปี 2565 ว่าจะเป็นไปอย่างไร ซึ่งพระคุณเจ้าเต็มใจที่จะขอพูดในฐานะตำแหน่งเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศ และขอไม่พูดถึงหรือให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับงานประจำที่ทำอยู่ในปัจจุบันในตำแหน่งรองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

คิดอย่างไรสังคมทุกวันนี้ยังมองภาพว่า เจ้าคุณประสาร เป็น พระการเมือง

ไม่ทราบว่าทำไมจึงคิดเช่นนั้น การเมือง บ้านเมือง การคณะสงฆ์ ทุกอย่างมันรวม ๆกันอยู่ งานแต่ละอย่างอาตมาหยิบยกเอามาเฉพาะส่วนที่มันเกี่ยวข้องกับคณะสงฆ์เท่านั้นมาดำเนินการ  เฉพาะที่มันกระทบสงฆ์ ที่มันจำเป็นจริงๆ จึงทำ แน่นอนวิธีการแบบนี้ย่อมเกี่ยวข้องกับตัวบุคคลที่เป็นฝ่ายการบ้าน ฝ่ายการเมืองอยู่บ้าง แต่อาตมาขอยืนยันว่าไม่ใช่พระการเมือง หรือพระเล่นการเมือง เป็นเพียงพระธรรมดาๆรูปหนึ่งที่ทำงานเพื่อพระศาสนา เพื่อคณะสงฆ์ เพื่อส่วนรวม อยากให้เข้าใจตรงนี้จริง ๆ

 บางคนมองเจ้าคุณประสารเป็นพระการเมืองไม่พอ ยังมองว่าเป็น พระจีวรแดง”

หนักใจนะถ้าจะคิดแบบนั้น อาตมาก็ทำหน้าที่ของอาตมาอยู่ตรงนี้ ทำอย่างที่เห็น เป็นอย่างที่เป็น ไม่มีอะไรที่ลึกลับซับซ้อน ไม่มีเลย อาจจะเป็นเพราะการเมืองที่มีความขัดแย้งของคนที่แบ่งแยกสีนั้น สีนี้ ซึ่งกลุ่มที่ขัดแย้งนี้ส่วนหนึ่งก็เป็นคนมาจากภาคอีสานซึ่งก็เป็นคนบ้านเดียวกับอาตมา เลยอาจจะถูกเหมารวมเข่งด้วยมั้ง

ล่าสุดเห็นสัมภาษณ์พูดถึง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติคนใหม่ ส่งสัญญาณอะไรหรือไม่

  ไม่มีอะไรเลย ไปอ่านดูให้ดี พูดในหลักการในเรื่องคุณธรรมทั้งส่วนตนและองค์กรรวมทั้งภาระหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธฯก็เท่านั้นเอง ตีความกันไปเอง  และที่ต้องพูดถึง ผอ.พุทธฯนี่ดูให้ดีนะ เวลามีผอ.คนใหม่มาทีไรอาตมาก็จะพูดถึงทุกครั้ง ฝากถึงทุกที ไม่ได้จำเพาะเจาะจงเฉพาะผอ.ท่านนี้เท่านั้นและที่สำคัญที่พูดถึงก็ด้วยเหตุผลในการยึดหลัก 3 ประการ คือ 1.ศูนย์พิทักษ์ฯเป็นผู้ไปเรียกร้องให้มีกระทรวงพระพุทธศาสนาและได้สำนักพุทธมา จึงถือว่าเป็นการก่อเกิดจากศูนย์พิทักษ์ฯ 2.สำนักพุทธฯทำงานมีภาระหน้าที่ครอบคลุมคณะสงฆ์ทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก 3.เราเป็นคนหลังคาเรือนเดียวกัน จึงควรจะพูดอะไรกันแบบพี่แบบน้องได้ ก็เท่านั้นเอง

ยืนยันว่าเจ้าคุณประสารไม่ได้ส่งสัญญาณอะไร

 ไม่เลย ๆ จริง ๆ ไม่มีนัยอะไรเลย

เดิมชาวพุทธเราให้ความหวังกับศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งชาติวมาก ทำไมทุกวันนี้ศูนย์ ฯพิทักษ์ จึงเงียบผิดปกติ

  ทุกวันนี้ก็เงียบ เงียบจนแทบจะไม่ได้ยินเสียงลมหายใจอยู่แล้ว ตอบได้เลยว่า เงียบ และมุ่งทำงานด้านการบริหารมหาวิทยาลัยสงฆ์ สอนหนังสือ บรรยาย และก็มีนั่งปรกบ้างตามควรแก่ฐานะ ไม่ได้ออกไปใหน อย่างไรเลย

หากศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย เงียบแบบนี้ มีโอกาสไหมว่าศูนย์แห่งนี้ถึงเวลาต้องยุบตัวเองแล้ว

อาตมาจะมีอำนาจอะไรไปยุบ อาตมาเป็นเพียงฟันเฟื่องหนึ่งในศูนย์พิทักษ์ฯ ที่นั่นมีระบบการบริหาร มีผู้คนในองคาพยพมากมาย คนเราต้องยึดหลักคุณธรรม วันนี้คนในศูนย์ฯกำลังละล้าละลัง สามัคคีเป็นคุณธรรมสำคัญที่สุดในเวลานี้ของศูนย์พิทักษ์ฯ จะทิ้งกันในยามนี้ใครจะก้มหัวไหว้อาตมาได้

การทำงานในตำแหน่งเลขาธิการศูนย์พิทักษ์ฯที่ผ่านมาเป็นอย่างไร พอใจหรือไม่!!

ก็ดีนะ ที่ผ่านมาพวกเราก็ช่วยกันขับเคลื่อนกันมาในฐานะองค์กรชาวพุทธ  ส่วนความพอใจหรือไม่ขึ้นกับคณะสงฆ์และชาวพุทธจะมอง เพราะเราไม่ได้ทำเพื่อตัวเราเอง เราทำเพื่อส่วนรวม เพื่อคณะสงฆ์  เสียใจมีไหม มีบ้างเป็นธรรมดา เสียดายโอกาสแห่งความสำเร็จบางอย่างของงานที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมแต่มันก็หลุดลอยไป ขออนุญาตไม่ยกตัวอย่าง

 ถ้ากลับไปเหมือนเดิมได้ อะไรที่เสียดายที่ไม่ได้ทำ ก็คิดว่ารอบคอบแล้ว ได้ทำมาครอบคลุมแล้ว อะไรที่จะไม่ทำซ้ำอีกถ้าย้อนอดีตได้ เหมือนกันคิดว่าไม่มีอะไร เพราะพวกเราทำงานกันเป็นทีม คิดและทำด้วยความระมัดระวัง และประเมินผลทุกครั้ง  ส่วนที่มีบางคนมองว่า ประธานศูนย์พิทักษ์ไม่ได้เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม เพราะศูนย์พิทักษ์เป็นเหตุ อันนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับศูนย์พิทักษ์กับท่านประธาน เนื่องจากศูนย์พิทักษ์เราทำงานให้กับคณะสงฆ์และชาวพุทธ บทบาทที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าเราเสริมให้พระพุทธศาสนาในประเทศไทยมีความมั่นคงขึ้น เรามีกิจกรรมสร้างเครือข่ายให้กับคณะสงฆ์และชาวพุทธมีความรู้รักสามัคคี

มีคนวิจารณ์ว่า พระพรหมบัณฑิต อดีตอธิการบดี มจร ไม่ได้ดำรงตำแหน่งสำคัญในคณะสงฆ์เป็นเพราะคุมเจ้าคุณประสาร ไม่อยู่ เลยพลาดตำแหน่งใหญ่ตามข่าว มีอะไรอยากจะพูดถึงประเด็นนี้บ้าง

ตกใจมากนะ ตกใจที่คิดแบบนั้น ในรอบหลายปีมานี้อาตมาสงบมาก สงบเสงี่ยมจริง ๆ ทำตามหน้าที่ของสงฆ์รูปหนึ่งเท่าที่จะทำได้ ลดบทบาทในทุกๆด้าน หันมาสอนหนังสือ บริหารมหาวิทยาลัย นี่คือภารกิจประจำวัน งงมากและอาตมาคิดว่าคณะสงฆ์ก็ไม่มีใครคิดแบบนั้น ไม่มี ใครคิดเลย อาตมาไม่ใช่สาเหตุแน่นอน ยืนยัน ไม่เกี่ยวข้องกันเลย ทุกวันนี้ยังงงอยู่เลย

อีกฐานะหนึ่งเจ้าคุณประสารเป็นผอ.ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมพระพุทธศาสนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วย ทำอะไรบ้าง

 เรื่องภาคใต้ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการตอบสนองภารกิจของมหาเถรสมาคมด้านสาธารณสงเคราะห์ ด้านการศึกษา รวมทั้งเยียวยาให้กำลังใจชาวพุทธที่ขาดขวัญและกำลังใจ ตรงนี้เราทำงานร่วมกับคณะสงฆ์ในพื้นที่รวมทั้งภาครัฐ และเครือข่ายชาวพุทธ ตอนนี้สถานการณ์ไม่ได้รุนแรงเหมือนในอดีตแล้ว พี่น้องในพื้นที่ทั้งไทยพุทธและไทยมุสลิม เข้าใจกันดี  บางพื้นที่หากสืบเชื้อสายกันจริง ๆ  ก็ดองกัน เป็นญาติกัน เป็นพี่น้องกัน พระสงฆ์ ผู้นำศาสนาและรัฐ ต้องพูดคุยกันกัน ความสงบมันก็จะเกิด

 อยากจะฝากอะไรถึงชาวพุทธและสังคมไทยบ้าง

ทั้งสังคมสงฆ์และสังคมชาวบ้าน อยากให้เข้าใจอาตมาและศูนย์พิทักษ์ฯ ว่าพวกเราหวังดี ปรารถนาดีและคิดว่าได้ทำดีที่สุดแล้วเพื่อส่วนรวมและคณะสงฆ์ อยากให้ทุกท่านเข้าใจ หรืออย่างน้อยก็เจริญธรรมข้ออุเบกขา กับพวกเราบ้างก็ยังดี ที่ผ่านมาพวกเราได้เสียสละอุทิศทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อคณะสงฆ์และส่วนรวม ทำเพื่อปกป้ององค์กรสงฆ์ ปกป้องมหาเถรสมาคม เป็นทหารสู้รบในสนามจริงไม่ใช่นักรบดาบทองหลาง วันนี้อาจจะมีแผลเหวอะวะบ้าง ก็ควรจะเห็นใจ เข้าใจ และถ้าไม่ช่วยรักษาพยาบาลก็อย่าเอาทิงเจอร์ราดกันเลย มันเจ็บ มันปวด ดูในหลายเรื่องที่ผ่านมาที่เราได้ทำแล้วจนประจักษ์ เช่นเรื่องการปฎิรูปกิจการพระพุทธศาสนา สมรภูมินี้ดุเดือดขนาดใหน ทุกคนคงยังไม่ลืม อีกฝ่ายพุ่งเป้าใหญ่ รวมทั้งจะล้มมหาเถรสมาคมด้วย เรื่องนี้ชัดเจนมากถ้าไม่แกล้งหลับตาลืม ในแถวหน้าก็มีแต่พวกเราที่เอาอกไปรับหอกรับดาบ รับกระสุน มีใครขอบคุณเราบ้าง เข้าใจเราบ้าง ท้ายสุดก็มีผู้คนเอาไปต่อยอดเป็นผลงานมากมายเช่น ในเรื่องการปฎิรูปกิจการพระพุทธศาสนา ก็ไม่ว่ากัน เคารพ แต่จะมีใคร คณะใหน อย่างไรได้พูดได้จาถึงเราบ้าง ขอบใจเราบ้างก็เท่านั้นเอง ถ้าวันนั้นไม่มีเราออกไปผลักไว้ ต้านไว้ จะมีวันนี้ไหม และรวมทั้งการไปยื่นคัดค้านไม่เห็นด้วยกับแนวทางที่จะปฎิรูปกิจการพระพุทธศาสนาทั้ง 4 ด้านที่ผ่านมติ ครม.มาแล้ว เรายืนอยู่ด่านหน้าและด้านเดียวอย่างโดดเดี่ยวจนวันสุดท้าย สายใจแทบขาด

ท้ายสุดทำให้ มส. มีช่องทางได้แต่งตั้งคณะกรรมการปฎิรูปได้ในรูปแนวของคณะสงฆ์เอง เรื่องมีใครพูดถึงเราบ้าง มีใครเห็นใจเราบ้าง ที่พูดไม่ได้น้อยใจ แต่อยากเห็นพระผู้ใหญ่ เจ้าคณะปกครอง มองเราด้วยเมตตาธรรมบ้างก็เท่านั้นเอง อย่ารังเกียจเราเลย ขอแค่นี้จริง ๆ

ทุกคนมองว่าเจ้าคุณประสาร เป็นพระสายฮาร์ดคอร์ แรง ไม่เคยกลัวใคร พระผู้ใหญ่เลยไม่อยากให้เข้าใกล้

 อาตมาไม่คิดว่าคนจะมองแบบนั้นนะ อาตมาไม่เคยก้าวร้าว ไม่นิยมความรุนแรง ไม่นอกลู่นอกทาง แต่รักความจริง แสวงหาความยุติธรรมและไม่ก้มให้กับสิ่งที่มันอยุติธรรมก็เท่านั้นเอง

แต่ภาพลักษณ์กลายเป็นพระฮาร์ดคอร์ ไปแล้วจะแก้ยังไง

ไม่ต้องแก้อะไร อะไร ไม่ต้องแก้ อาตมาเป็นเพียงพระธรรมดาๆรูปหนึ่งในวงการสงฆ์ ไม่เย่อหยิ่งทนงตน ไม่ทะเยอทะยาน ไม่อยากมีอยากได้เกินควรแก่ฐานะตน ขออภัยที่พูดแบบนี้

ปีนี้จะออกมาเคลื่อนไหวไหม จะดุดันเหมือนปีเสือไหม

ไม่มีอะไร ขอเป็นพระธรรมดาๆรูปหนึ่งในสังฆมณฑล ไม่มีอะไร วันนี้ถือว่าเป็นการเปิดใจพูดมาหมดเปลือกแล้ว ไม่มีอะไรจะพูดฝากอีก ข้อย้ำว่า พระรูปนี้เป็นพระธรรมดา ๆ รูปหนึ่งในประเทศนี้ มีถูก มีผิด เป็นเรื่องปกติธรรมดา อยากให้มองเนื้องานที่ทำ ดูด้วยใจอันปราศจากอคติ อาจจะเห็นเป็นประโยชน์อยู่บ้างไม่มากก็น้อย และขอย้ำว่าทุกอย่างที่ทำก็เพื่อพระพุทธศาสนา เพื่อสถาบันสงฆ์ให้เกิดความมั่นคงในประเทศไทย แค่นี่จริง ๆ

Leave a Reply