ศาลปกครองยะลาตัดสินให้นักเรียนมุสลิมคลุมฮิญาบไปโรงเรียนได้ กรณี “ร.ร.อนุบาลปัตตานี วัดนพวงศาราม” กลายเป็นกรณีศึกษาให้กับโรงเรียนอื่นซึ่งตั้งอยู่ในที่ธรณีสงฆ์

 

วันที่ 22 เมษายน 65  สิ้นสุดการรอคอยกว่า 4 ปี สำหรับคดีผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลปัตตานีห้ามนักเรียนมุสลิมไม่ให้คลุมฮิญาบไปเรียน ล่าสุดศาลปกครองพิพากษาให้โรงเรียนอนุบาลปัตตานียกเลิกกฎระเบียบที่ขัดกับกฎกระทรวง และให้นักเรียนคลุมฮิญาบไปเรียนได้แล้ว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลปัตตานีในขณะนั้นออกคำสั่งห้ามนักเรียน สวมใส่ผ้าคลุมผม (ฮิญาบ) ไปโรงเรียนตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. 2561 ต่อมาวันที่ 18 พ.ค. 2561 ผู้ปกครองประมาณ 50 คนได้รวมตัวกันเพื่อให้กำลังใจกับนางพารีด๊ะห์ อัลมุมีนี, นางกดาเรีย เหมมินทร์ และนายวันอิดริบ หะยีเต๊ะ ผู้ปกครองของนักเรียน ซึ่งถูกเชิญให้ไปที่โรงเรียนเพื่อรับทราบถึงระเบียบกฎข้อห้ามของโรงเรียนเนื่องจากลูกสาวผู้ปกครองทั้งสามได้สวมฮิญาบไปเรียนเรียนซึ่งโรงเรียนซึ่งตั้งอยู่บนที่ธรณีสงฆ์ของวัดนพวงศาราม

คดีการคลุมฮิญาบของนักเรียนโรงเรียนอนุบาลปัตตานี เป็นข้อพิพาทระหว่างผู้ปกครองกับผู้บริหารและครูในโรงเรียน จนมีการยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเป็นปัญหายืดเยื้อมานาน โดยทางโรงเรียนไม่อนุญาตให้นักเรียนแต่งกายตามหลักศาสนาได้ ต้องแต่งเครื่องแบบตามระเบียบของโรงเรียนเท่านั้น อ้างว่าโรงเรียนตั้งมา 50 ปี ไม่เคยมีปัญหา และทั้งนักเรียนและผู้ปกครองก็ทราบกฎเหล็กข้อนี้ดีตั้งแต่ก่อนสอบเข้าเรียน จึงต้องยอมรับ

เมื่อปรากฏว่านักเรียนยังแต่งกายตามหลักศาสนาคลุมฮิญาบไปเรียนต่อตามระเบียบของกฎกระทรวงศึกษาธิการ แต่ผู้บริหารโรงเรียน ระบุว่า ผิดกฎระเบียบและมีการหักคะแนน

ขณะนั้นผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลปัตตานี ได้ใช้อำนาจตัดคะแนนเด็กนักเรียนมุสลิมที่คลุมฮิญาบ ซึ่งผิดกับระเบียบของกฎกระทรวงศึกษาธิการฉบับใหม่ หรือฉบับกรณีสงฆ์เข้ามาเรียนตามปกติ จึงทำให้ผู้ปกครองของเด็กนักเรียน 20 คน รวมตัวลงนามยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมคุ้มครองชั่วคราวต่อศาลปกครองจังหวัดสงขลา เพื่อให้ศาลปกครองคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของเด็กตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ ในการปฏิบัติตามหลักศาสนาอิสลาม

ศาลปกครองสงขลา จึงมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวนักเรียนโรงเรียนอนุบาลปัตตานี วัดนพวงศาราม ออกมาแล้ว และห้ามลงโทษเด็กนักเรียนจากกรณีนี้ทันที โดยศาลมีคำสั่งเมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2561 ให้ทุเลาการบังคับตามระเบียบโรงเรียนอนุบาลปัตตานี วัดนพวงศาราม ว่าด้วยการควบคุมและดูแลความประพฤติ การลงโทษ และการตัดคะแนนความประพฤติของนักเรียน พ.ศ.2561 ที่ให้แต่งเครื่องแบบนักเรียนตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561

ข้อ 3 เฉพาะที่เกี่ยวกับผู้ฟ้องคดีทั้ง 20 คน ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาเป็นอย่างอื่น ซึ่งได้สร้างความดีใจให้แก่เด็กนักเรียน และผู้ปกครองเป็นอย่างมาก

หลังได้รับความคุ้มครองและความเป็นธรรมจากศาลปกครองในครั้งนั้น และโอนมาอยู่ในความรับผิดชอบของศาลปกครองยะลา ศาลพิจารณาคดีนี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2565

และนัดฟังคำพิพากษาในวันนี้ (21 เม.ย. 2565) โดยศาลตัดสินให้ผู้ฟ้องคดีเด็กหญิงวันอัยซาห์ เหมมินทร์ โดยนายอรุณ เหมมินทร์กับพวกรวม 20 คน ชนะกระทรวงศึกษาธิการที่ 1 กับพวกรวม 2 คน

ผู้ปกครองเด็กรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ขอบคุณพระเจ้า พวกเรารู้สึกยินดีมากๆ ที่ได้ฟังศาลปกครองจังหวัดยะลาออกมาพิจารณา และได้ตัดสินคำพิพากษาคดีจบลงในวันนี้ จากที่เรารอคอยกันมานาน หลังจากทางเราได้ยื่นคำร้องออกไปครั้งนั้นตั้งแต่ปี 2561 ที่ศาลปกครองจังหวัดสงขลาจนถึงวันนี้เป็นเวลา 4 ปีแล้ว ซึ่งครั้งแรกศาลปกครองจังหวัดสงขลาได้ออกมาพิจารณาให้คุ้มครอง ต่อกรณีของเด็กนักเรียนหญิงให้สามารถแต่งกายสวมผ้าคลุมศีรษะหรือฮิญาบและสำหรับนักเรียนชายให้สวมกางเกงขายาวทั้งหมด 20 รายเอาไว้ก่อน ตามกฎของกระทรวงศึกษาธิการ ต่อมาทางโรงเรียนได้ขอให้ย้ายเรื่องมาที่ศาลปกครองจังหวัดยะลาและได้มาฟังคำพิจารณาของศาลในวันนี้

ถึงแม้ว่าหลายคนได้เรียนจบออกไปจากโรงเรียนอนุบาลปัตตานีไปแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังเรียนอยู่ เรื่องนี้ถือเป็นกรณีศึกษาและบรรทัดฐานของโรงเรียนอื่น ๆ ในจังหวัด เพราะที่เราต่อสู้เรียกร้องนั้นไม่ได้เกินเลยแต่อย่างใด เป็นระเบียบที่ถูกต้องตามกฎของกระทรวงศึกษาธิการอยู่แล้ว และไม่ได้ทำให้เดือดร้อนต่อศาสนิกอื่นแต่อย่างใด

วันนี้จึงขอขอบคุณอีกครั้งกับทุกคนที่ร่วมต่อสู้กันมา และขอบคุณอีกหลายคนที่ช่วยผลักดัน นักกฎหมายที่ช่วยเขียนสำนวน และอีกหลายๆ ท่านที่ขอสงวนนามไว้ด้วย   (ที่มา workpointTODAY )

สำนักข่าวอิศรา เคย เปิดเอกสาร “เจ้าคณะปัตตานี” ชี้แจงปมฮิญาบโรงเรียนอนุบาลฯ เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 24 พฤษภาคม 2561 ซึ่งมีความว่า

พระสิริจริยาลังการ เจ้าคณะจังหวัดปัตตานี (มหานิกาย) เผยแพร่เอกสารชี้แจงกรณีการคลุมฮิญาบในโรงเรียนอนุบาลปัตตานี ซึ่งกำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ 

monk1

      เนื้อหาของเอกสารระบุว่า “จากกรณีข้อขัดแย้ง ห้ามไม่ให้นักเรียนที่เข้าเรียนในโรงเรียนอนุบาลปัตตานี ซึ่งตั้งอยู่ในเขตธรณีสงฆ์วัดนพวงศาราม อำเภอเมืองปัตตานีจังหวัดปัตตานี เป็นโรงเรียนระดับประถมศึกษา อยู่ในความบังคับบัญชาของ สำนักงานการประถมศึกษาปัตตานีเขต 1

       โรงเรียนแห่งนี้ได้รับการอนุญาตจาก พระไพจิตรสาราณียการ อดีตเจ้าอาวาสวัดนพวงศาราม และได้มีการทำสัญญาอนุญาตให้ยืมสถานที่ธรณีสงฆ์ของวัดเพื่อสร้างโรงเรียนอนุบาลปัตตานี มีการระบุข้อความไว้ว่า ให้เจ้าอาวาสปกครอง สอดส่องดูแล ให้เป็นไปตามกฏ พ.ร.บ. ทุกๆ ประการตามสัญญา ตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2510

       และตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจุจบัน คณะกรรมการครู นักเรียน ผู้ปกครองรับทราบว่า โรงเรียนแห่งนี้ไม่อนุญาตให้มีการแต่งกายตามแบบศาสนาอิสลาม จึงเป็นโรงเรียนที่นักเรียนแต่งกายเป็นแบบเดียวกันมาตั้งแต่นั้น และทราบว่ามีผู้ปกครองบางคนเรียกร้องให้มีการแต่งกายตามแบบบัญญัติทางศาสนาอิสลามขึ้น แต่ด้วยทางโรงเรียนมีข้อตกลงในเรื่องนี้ ด้วยการลงความเห็นและการตัดสินใจของคณะกรรมการโรงเรียนให้รักษาลักษณะการแต่งกายให้เป็นไปตามแบบเดิมที่ปฏิบัติอยู่แล้ว

monk

          แต่มาในปีการศึกษานี้ (2561) มีผู้ปกครองบางท่านมีเจตจำนงจะให้ลูกของตัวเองที่เรียนที่นี่แต่งตัวตามแบบบัญญัติทางศาสนาอิสลาม จึงเกิดกรณีการให้ลูกแต่งกายฯเข้าไปในโรงเรียน จึงเป็นที่มาของความขัดแย่ง จนผู้มีอำนาจระดับกระทรวงศึกษาธิการสั่งการให้โรงเรียนปฏิบัติตามกฏของกระทรวงศึกษาธิการ ให้นักเรียนแต่งกายตามแบบบัญญัติทางศาสนาได้ตามที่เรียกร้อง จึงก่อให้เกิดความไม่พอใจของทางวัด และพุทธศาสนิกชนที่ไม่ต้องการเปลี่ยนเจตณารมณ์อดีตเจ้าอาวาส และข้อตกลงของทางโรงเรียน

          ณ วันนี้พุทธศาสนิกชนได้มีความพยายามจะเรียกร้องให้คงไว้ตามมติของคณะกรรมการโรงเรียน จึงมีการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ เพื่อเรียกร้องให้คงไว้ตามข้อตกลงเดิม”

         ล่าสุดเมื่อวานนี้ (21 เมษายน 65) ศาลปกครองพิพากษาให้โรงเรียนอนุบาลปัตตานียกเลิกกฎระเบียบที่ขัดกับกฎกระทรวง และให้นักเรียนคลุมฮิญาบไปเรียนได้แล้ว

Leave a Reply