ครบรอบ 4 ปี “คดีเงินทอนวัด” พระพ้นทุจริตลูกศิษย์ทวงถาม “ผู้รับผิดชอบ”

 วันที่ 24 พ.ค.65  วันนี้ครบรอบ 4 ปี ในการจับกุมพระมหาเถระระดับมหาเถรสมาคม 3 รูปของรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.ในขณะนั้น ประกอบด้วย 1. พระพรหมดิลก  2.พระพรหมสิทธิ 3. พระพรหมเมธี และรวมพระภิกษุอีกหลายรูป ซึ่งทั้งหมดถือว่าเป็นพระภิกษุสงฆ์หัวก้าวหน้าในการขับเคลื่อนกิจการพระพุทธศาสนาในประเทศไทย  วันนี้เฟชบุ๊ค จตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการด้านพระพุทธศาสนาได้โพสต์เรื่องนี้ว่า

#4ปีเงินทอนวัด:ชำระล้างพุทธศาสนาหรือฮั้วศาสนสมบัติกลางให้เอกชนในราคาถูก??

24 พ.ค. 61 วันสำคัญของคสช.ที่ใช้กำลังตำรวจเข้าบุกจับพระหาว่าพระบริสุทธิ์ไปติดคุกฟรีๆ 1ปี 3เดือน 2วันเพราะถูกกล่าวหาว่าโกง ในขณะที่ 24 พ.ค.65 พระโกงชัด ๆ แบบกาโตะ ตำรวจไม่ยกกำลังไปจับแถมกลับกลายเป็นเซเลปดัง บ้านเมืองนี้มันเกิดอะไรขึ้น???

#ศาสนสมบัติกลางคืออะไร

ศาสนสมบัติกลาง คือทรัพย์สินของพระศาสนา ที่มิใช่ของวัดใดวัดหนึ่ง เกิดจากการยุบเลิกวัด รัฐจึงเข้ามาดูแลโดยมีคณะกรรมการควบคุม

#ทำไมกาโตะไม่โดนบุกจับเหมือนพระในอดีต?

เพราะกาโตะเป็นพระต๊อกต๋อย ไม่ได้มีอำนาจในศาสนสมบัติกลาง ไม่ได้ขวางทางใคร จึงไม่ได้ถูกกำลังตำรวจบุกจับ แต่พระที่ถูกกล่าวหาว่าทอนว่าโอนในอดีตทั้งพระพรหมดิลก และพระอรรถกิจโสภณ ศาลยกฟ้องแล้ว คดีถึงที่สิ้นสุดแล้ว ไม่มีมลทินไม่มีมัวหมอง ไม่มีฟอกไม่มีโอนไม่มีโกงไม่มีทุจริต ทำไมไปติดคุกฟรีๆปีกว่าๆ ในขณะที่คนโกงไปให้ผู้หญิงกลับนั่งยิ้มแป้น ไม่เห็นคสช.และเหล่าคนดีจะทำอะไร??? สิ่งที่ทำให้สมีกาโตะนั้นต่างจากพระในอดีตเมื่อสี่ปีก่อนคืออำนาจในการพิจารณาศาสนสมบัติกลางนั่นเอง

#ขวางทางใคร???

พระพรหมดิลกเป็นหนึ่งในคณะพิจารณาที่อยากให้เอกชนจ่ายค่าเช่าศาสนสมบัติกลางอย่างเป็นธรรมในราคาตลาด โดยมีพระอรรถกิจโสภณเป็นเลขาฯ ซึ่งวันนี้ในปี 61นั้น คสช.ให้มีการบุกจับเกิดขึ้นก่อนประชุมศาสนสมบัติกลาง2วัน  สงสัยคงมีใครอยากให้พระที่ปกป้องพระศาสนาในราคาตลาดหายตัวไปเสียก่อน จะได้ช้อนเช่าสมบัติชาติ สมบัติศาสนาในราคาถูกๆ แค่ให้เหล่าข้าราชการ/ทหาร/ตำรวจช่วยกันใส่ความว่าพระบริสุทธิ์ว่าเป็นพระขี้โกงเสีย จะได้ไม่มีก้างขวางคอเอกชน

#ที่ดินประตูน้ำหลักหมื่นล้าน

มีเอกชนกลุ่มหนึ่ง ฮั้วกับสมเด็จธรรมยุติรูปหนึ่ง อยากได้ที่ดินประตูน้ำราคาหมื่นล้าน ในค่าเช่าราคาหลักหมื่นบาท ผ่านทางคนใน คสช.และผอ.สำนักพุทธฯคนดีที่มาจากม.44 ให้เช่าที่ดินใจกลางเมืองกับเอกชนในราคาถูกแสนถูก ที่ทำได้เพราะเราไปใส่ร้ายว่าพระเขาโกง พระเขาทอน แล้วทุกวันนี้เป็นไงล่ะ?

ศาลยกฟ้อง ไม่มีโกง ไม่มีทอน ไม่มีทุจริต…

#คุณคิดว่าที่ดินสี่แยกประตูน้ำติดถนนใหญ่ไร่ละกี่บาท

ที่ดินประตูน้ำเป็นไร่ๆให้เอกชนเช่าราคาถูก แล้วเอกชนกลุ่มดังกล่าวเอาไปให้รายย่อยเช่าช่วงในราคาแพงหูฉี่ รัฐได้อะไร พระศาสนาได้อะไร ทั้งๆที่ดินผืนนี้เป็นพระศาสนสมบัติส่วนกลางแท้ๆ กลับจ้องกดราคาถูกๆ เพื่อเอาไปหาเงินในราคาแพง ให้รัฐให้ศาสนา ทำสัญญาทาส40ปี ในราคาหลักหมื่น ไม่เรียกขายชาติ ขายพระศาสนา แล้วจะให้เรียกว่าอะไร?

#เงินทอนวัดไม่มีจริง #มีแต่คำหลอกลวงของคนบางกลุ่ม

คดีเงินทอนวัด คือ คดีที่ทำให้เห็นความอุบาทว์ของกระบวนการยุติธรรมไทย คนทอนรอดคุก คนไม่ได้ทอนติดคุกฟรีๆเป็นปี ๆ เช่นพระพรหมดิลก พระอรรถกิจโสภณ แต่คนกล่าวหาผู้บริสุทธิทั้งสองกลับได้ดิบได้ดีลอยหน้าลอยตาในสังคม เป็นผอ.สำนักพุทธฯบ้าง เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีบ้าง เป็นผอ.กองต่าง ๆ บ้าง เป็นสมเด็จพระราชาคณะบ้าง ฯลฯ

#สรุป

4 ปีเงินทอนวัดคนไทยได้อะไรนอกจากคำหลอกลวงของคสช.? แล้วทุกวันนี้ผู้บริสุทธิติดคุกฟรี  ส่วนคนดีขายชาติ ขายศาสนาในราคาถูก ๆให้เอกชนกลับได้ดิบได้ดี มันใช่เหรอ?  จงอย่ามองแค่กาโตะ   แต่ต้องโละคนชั่วในคราบคนดีทั้งระบบ

ในขณะที่เพจ ทนายความอรรณพ บุญสว่าง ได้โพสต์เล่าว่า เมื่อรุ่งเช้าวันที่ 24พฤษภาคม 2561 กองปราบปรามนำกำลังพร้อมหมายจับและหมายค้น เข้าจับกุมหลวงพ่อพระพรหมดิลก และหลวงพี่พระอรรถกิจโสภณ กล่าวหาว่าท่านทุจริต ‘เงินทอนวัด’ ท่าน 70 กว่าแล้ว แต่ต้องรับนิมนต์จากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ไปธุดงค์ที่ราชทัณฑารามพิเศษกรุงเทพฯ 1 ปี 3 เดือน 2 วัน นอนกระเบื้อง 3 แผ่น ผ้า 3 ผืน เช่นเดียวกับผู้ต้องขังทั่วไป

แม้ได้ประกันแล้วก็ยังต้องสู้อีกหลายคดีที่รัฐบาลโดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติประเคนให้

งบประมาณที่รับมาก็ไม่มีทุจริตได้นำไปใช้ก่อสร้างอาคารหอพักพระสงฆ์ทั้งสิ้น

เมื่อเขายังไม่เลิกรา ผมก็ยังต้องสู้ต่อไป  ฤความยุติธรรมจะเป็นแค่สิ่งสมมุติในทางพระพุทธศาสนา

ด้านลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดกับพระภิกษุที่ต้องคดีเงินทอนวัดคนหนึ่งเปิดเผยกับทีมงาน “Thebuddh” ว่า ปัจจุบันท่านเหล่านี้ใช้ชีวิตเหมือนพระภิกษุทั่วไป ทำกิจวัตรเหมือนพระภิกษุเพียงแต่ไม่ได้ออกบิณฑบาตเท่านั้น

 “ท่านก็ทำวัตรสวดมนต์ นั่งสมาธิภาวนา เหมือนพระสงฆ์ทั่วไป  เนื่องจากศาลชั้นต้น อุทธรณ์ วินิจฉัยแล้วว่า พวกท่านทุกรูปไม่ได้ทุจริต ไม่ได้โกงเงินวัด แต่ในชั้นฏีกาก็มีอยู่ ซึ่งเหลือเพียงว่าสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐให้เกิดการทุจริตเท่านั้น  ก็ว่ากันไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ส่วนการกลับมาห่มจีวร ตรงนี้สำคัญ เนื่องจากพวกท่านเหล่านั้นทุกรูป ไม่ได้เปล่งวาจาลาสิกขา แม้แต่ตำรวจที่ร่วมกันจับกุม ก็มีหนังสือยืนยันว่าไม่ได้ทำการลาสิกขาให้กับพระสงฆ์ที่ถูกจับกุม   แม้แต่ตอนจับขังก็ไม่ได้มีการเปล่งวาจาลาสิกขา ท่านเหล่านี้จึงชอบด้วยพระวินัยที่จะดำรงความเป็นสมณเพศต่อ ที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่ตำรวจและคนที่เกี่ยวข้องหลายคนมาขมาลาโทษ ซึ่งหลวงพ่อท่านก็ให้อภัยเพราะถือว่าเป็นวิบากกรรม ให้อโหสิกรรมต่อกันไป ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นนี้ ใครจะต้องรับผิดชอบ..”

ปัจจุบันอดีตพระพรหมดิลก อดีตพระพรหมสิทธิและคณะ ได้กลับมาห่มจีวรแล้ว  เนื่องจากศาลวินิจฉัยว่า “ไม่มีความผิด” จึงพ้นมลทินในข้อหาฟอกเงินและทุจริตเงินทอนวัด ตอนนี้รอเพียงแต่การเยียวยาจากมหาเถรสมาคมและรัฐบาลเท่านั้น ส่วนอดีตพระพรหมเมธี ปัจจุบันใช้สมณเพศอยู่ที่ประเทศเยอรมนีในฐานะผู้ลี้ภัยการเมือง

Leave a Reply