มหาดไทยพบ 257,439 ครัวเรือนเดือดร้อนจากยาเสพติด จับมือ “คณะสงฆ์” สร้างชุมชนเข้มแข็งสู้ภัยยาเสพติด เปิดสายด่วนเลิกยาเสพติด” ผ่านศูนย์ดำรงธรรม 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง

วันที่ 24 พ.ค. 65  เวลา 13:30 น. ที่ห้องประชุมราชบพิธ อาคารดำรงราชานุสรณ์ กระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้การต้อนรับ พลเอก ณัฐ อินทรเจริญ ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานการณ์โควิด-19 และคณะอนุกรรมการ ในการประชุมหารือแนวทางการขับเคลื่อนการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดของกระทรวงมหาดไทย โดยมี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย นางสาวปาณี นาคะนาท ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย นายชัยณรงค์ วาสนะสมสิทธิ์ รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคง นายทวี เสริมภักดีกุล รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายสุรศักดิ์ อักษรกุล รองอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เรือโท ภัทรชัย ขันธหิรัญ ผู้อำนวยการส่วนปฏิบัติการพิเศษ สำนักอำนวยการกองอาสารักษาดินแดน กรมการปกครอง นายปวเรศ รัฐขจร ผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย นางขนิษฐา จิรพิทักษ์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานกิจการพิเศษ สำนักนโยบายและแผน สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม

พลเอก ณัฐ อินทรเจริญ กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานการณ์โควิด-19 โดยมี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการ พลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นรองประธานคณะกรรมการ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมเป็นคณะกรรมการ ทำหน้าที่ในการจัดตั้งศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ และวางแผนขับเคลื่อนการดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติดนอกเหนือจากหน่วยงานที่มีหน้าที่และอำนาจอยู่แล้วในทุกมิติ ด้วยการส่งเสริมให้พี่น้องประชาชนที่พบเห็นได้มีโอกาสร่วมมือกับภาครัฐด้วยการแจ้งเบาะแสผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติด ผู้ค้ายาเสพติด และกลุ่มมิจฉาชีพที่แสวงหาประโยชน์จากบุคคลดังกล่าว โดยจัดให้มีระบบการแจ้งข้อมูล การคุ้มครองพยาน และการบูรณาการประสานงานรับผู้ป่วยและเคลื่อนย้ายเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา ณ สถานที่บำบัดรักษา จนจบกระบวนการ เพื่อให้บุคคลที่ได้รับผลกระทบจากยาเสพติดได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างรวดเร็ว เหมาะสม มีประสิทธิภาพ และยั่งยืน โดยมีศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย 1567 เป็นสายด่วนหลักในการบูรณาการศูนย์บริการบำบัดรักษาผู้เสพยาเสพติด หรือ “สายด่วนเลิกยาเสพติด” ร่วมกับภาคีเครือข่ายสายด่วนทั่วประเทศ ตลอด 24 ชั่วโมง และมุ่งพัฒนาสู่ระบบการโอนสายส่งต่อ (ระบบ Call Forward) โดยใช้ฐานข้อมูลผู้เสพฐานเดียวในการบูรณาการความช่วยเหลือ

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยมีความยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับมอบหมายจาก พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานการณ์โควิด-19 ให้ได้เป็นฟันเฟืองเล็ก ๆ ในการทำหน้าที่ที่มีความสำคัญของชาติ ในฐานะข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการมุ่งมั่น “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การดำเนินการตามแนวทางการดำเนินงานศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคมตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 64 ที่ผ่านมา มีหลักการสำคัญในการเน้นการส่งผู้ป่วยเข้ารับการบำบัดแบบสมัครใจ โดยมอง “ผู้เสพ” คือ “ผู้ป่วย” เพื่อบำบัดรักษาให้ได้รับการฟื้นฟูสภาพทางสังคม สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้ ไม่กลับมากระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอีก เป็นการคืนคนดีสู่สังคม รวมทั้งดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดตามกฎหมาย พร้อมจัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคม กว่า 1,200 แห่ง เพื่อให้ผู้เข้ารับการบำบัดรักษาได้รับการฟื้นฟูสภาพทางสังคม สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้ ไม่กลับมากระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอีก โดยมีกลไกกรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรมการพัฒนาชุมชน เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนทั้งมิติป้องกันปราบปรามและการช่วยเหลือฟื้นฟู ทั้งนี้ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มีข้อสั่งการและเน้นย้ำในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในระดับพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการลดผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด (Demand Side) และสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด เพื่อลดผู้ผลิต/ผู้ค้ายาเสพติด (Supply Side) ให้หมดไปอย่างยั่งยืน โดยทุกองคาพยพของกระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญและเดินหน้าขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติด “เชิงรุก” เพื่อทำให้ทุกหมู่บ้าน/ชุมชนมีความเข้มแข็ง มีภูมิคุ้มกัน ดูแลซึ่งกันและกัน โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระราชทานเงินขวัญถุง หรือ “กองทุนแม่ของแผ่นดิน” ให้กับชุมชน ตำบล หมู่บ้าน ที่มีจิตใจแน่วแน่ในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวอีกว่า กระทรวงมหาดไทย ได้กำหนดแนวทางในการดำเนินงานขับเคลื่อนแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติดตามนโยบายของ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อเสริมมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเพิ่มเติม ด้วยการกำชับผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (ผอ.รมน.จังหวัด) ทำหน้าที่ประสานงาน บูรณาการ และสั่งการฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ทำหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดให้เป็นไปอย่างเข้มข้น ต่อเนื่อง ไม่เกิดช่องว่างในด้านการบริหารจัดการกำลังพล รวมทั้งส่งเสริมบทบาทของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) ทุกหมู่บ้านทั่วประเทศกว่า 75,000 หมู่บ้าน ใน 878 อำเภอ เป็นตัวแทนของประชาชน (Active Agent) ในการวางระบบเฝ้าระวัง ดูแล ป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด เป็นกำลังเสริมเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าพนักงานตามกฎหมาย หรือเรียกอีกนัยหนึ่ง คือ เป็นเหมือน “ตำรวจบ้าน” ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย และเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของพี่น้องประชาชนในชุมชน พร้อมทั้งจัดทำสัญญาประชาคมร่วมกันระหว่างนายอำเภอและคณะกรรมการหมู่บ้านว่า หากพบผู้เสพ หรือผู้ค้า ในพื้นที่ ต้องแจ้งเบาะแสให้กับนายอำเภอ เพื่อนำผู้หลงผิดเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูคืนคนดีสู่สังคม และผู้ค้าต้องถูกจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย อันเป็นการสร้างความตื่นตัวในการปฏิบัติหน้าที่ของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และคณะกรรมการหมู่บ้านที่มีอำนาจหน้าที่อยู่แล้ว ให้ขับเคลื่อนงานด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ จังหวัดอุดรธานี โดยกลไกฝ่ายปกครอง ทั้งนายอำเภอ ปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และคณะกรรมการหมู่บ้าน ได้ร่วมกับพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายดำเนินการขยายผลจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ ทำให้ได้ของกลางกว่า 2 ล้านเม็ดอีกด้วย

“ในด้านการฟื้นฟู/บำบัดรักษา กระทรวงมหาดไทย ขอรับการสนับสนุนจากคณะกรรมการประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานการณ์โควิด-19 และกระทรวงสาธารณสุข ในการพิจารณารับรองและยกฐานะ “ศูนย์บำบัดยาเสพติดวัดถ้ำกระบอก จังหวัดสระบุรี” ให้เป็นศูนย์บำบัดยาเสพติดที่ได้รับการรับรองที่ถูกต้องและได้รับการพัฒนาตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งวัดถ้ำกระบอก ถือเป็นภาคีเครือข่ายที่สำคัญในการบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด โดยความรู้ (Know-how) ของคณะสงฆ์วัดถ้ำกระบอก ได้ช่วยให้ประชาชนผู้หลงผิดจากทั่วประเทศได้หายจากการติดยาเสพติดเป็นจำนวนมาก เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงต้น

 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ในด้านการค้นหาเป้าหมายของการแก้ไขปัญหายาเสพติด กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการขับเคลื่อนการทำงานเชิงรุกโดยนายอำเภอทั้ง 878 อำเภอได้เป็นแม่ทัพในการลงไปสำรวจ (Re X-Ray) ปัญหาความเดือดร้อนของทุกครัวเรือนเป้าหมายใน 76 จังหวัดโดยใช้แพลตฟอร์ม ThaiQM ของกรมการปกครอง ซึ่งจากข้อมูล ณ วันที่ 23 พฤษภาคม 2565 พบว่ามีครัวเรือนที่ได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากลูกหลานติดยาเสพติดกว่า 257,439 ครัวเรือน และจะดำเนินการสำรวจข้อมูลเพิ่มเติมให้แล้วเสร็จทั่วประเทศภายในวันที่ 15 มิถุนายน 2565 ซึ่งข้อมูลที่ได้จากการสำรวจในครั้งนี้ นับเป็นหัวใจสำคัญและเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อจะได้บูรณาการข้อมูลความเดือดร้อนด้านยาเสพติดในระดับพื้นที่ร่วมกับทุกส่วนราชการ/หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหา ทั้งการคืนคนดีให้กับสังคม และนำผู้กระทำผิดดำเนินคดีให้เป็นไปตามกฎหมาย และเรื่องอื่น ๆ นอกจากนี้ ในด้านการบริหารจัดการบูรณาการศูนย์บริการบำบัดรักษาผู้เสพยาเสพติด หรือ “สายด่วนเลิกยาเสพติด” จากข้อมูลตั้งแต่ 6 – 23 พ.ค. 65 ศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทยได้รับแจ้งข้อมูลปัญหายาเสพติด รวม 84 เรื่อง แบ่งเป็น ขอให้ภาครัฐรับผู้เสพเข้ารับการบำบัด 51 เรื่อง แจ้งเหตุมีผู้เสพยาคลุ้มคลั่ง 22 เรื่อง และแจ้งเบาะแส 11 เรื่อง ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย จะได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์เพื่อสื่อสารให้สังคมได้รับรู้ช่องทางสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร. 1567 โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง เป็นสายด่วนหลักในการบูรณาการศูนย์บริการบำบัดรักษาผู้เสพยาเสพติด ให้เป็นที่รับรู้เพิ่มเติมอย่างกว้างขวาง พร้อมทั้งดำเนินแนวทางการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดโดยชุมชนเป็นศูนย์กลาง (CBTx) เพื่อให้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศได้เป็นส่วนหนึ่งในการร่วมกันดูแลคนในชุมชน/หมู่บ้าน

     “กระทรวงมหาดไทยมุ่งมั่นขับเคลื่อนแนวทางความสำเร็จของการ “คืนคนดีสู่สังคม” และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนของเราให้เกิดความมั่นคงอย่างยั่งยืนร่วมกับภาคีเครือข่าย เพื่อเป้าหมาย คือ ให้พี่น้องประชาชนคนไทยได้มีความสุข ด้วยกลไกภาคีเครือข่ายของกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขยายผลจัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูสภาพทางสังคมให้มีในทุกหมู่บ้าน/ชุมชน โดยบูรณาการร่วมกันภาคีเครือข่ายผู้นำศาสนา ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือบทบาทในการเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน ร่วมกับสมเด็จพระมหาธีราจารย์ ประธานคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม และบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดำเนินโครงการ “วัด ประชา รัฐ สร้างสุข” ร่วมกับสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เพื่อใช้วัดเป็นหมุดหมายที่สำคัญ ทั้งในด้านการใช้อาคารสถานที่และการดูแลจิตใจให้ผู้ได้รับการบำบัดฟื้นฟูมีกำลังใจที่เข้มแข็งในการใช้ชีวิตร่วมกับผู้คนในสังคม” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเน้นย้ำ

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาสำคัญของครอบครัว สังคม และประเทศชาติ ที่ภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนต้องร่วมกันสร้างการรับรู้ความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับประมวลกฎหมายยาเสพติด และรณรงค์ให้ประชาชนมีทัศนคติที่ถูกต้องว่า “ผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดเป็นผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการบำบัดรักษา” คืนคนดีสู่สังคมอันเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจะได้ขับเคลื่อนบูรณาการให้เกิดความสำเร็จ เพื่อช่วยกัน Change for Good ให้เกิดขึ้นในประเทศนี้ ด้วยการระดมสรรพกำลังในการพัฒนาผู้นำชุมชน ทั้งผู้นำตามธรรมชาติหรือตามตำแหน่งหน้าที่ให้เป็นบุคลากรหลักในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในหมู่บ้าน/ชุมชนได้อย่างแท้จริง ฟื้นฟูสภาพทางสังคมแก่ผู้ติดยาเสพติดหรือผู้ผ่านการบำบัดรักษา เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้ ไม่กลับไปกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดอีก

Leave a Reply