ปลัดมหาดไทยส่งพี่น้องมุสลิมเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์

วันที่ 1 ก.ค. 65 เวลา 01.30 น. ที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีส่งและอำนวยพรผู้ไปประกอบพิธีฮัจย์ ประจำปี 2565 ฮิจเราะห์ศักราช 1443 โดยมี H.E. Mr. Essam Saleh H. Algetale (นายอิศอม ศอเลียะห์ เอช. อัลญุฏอยลี) อุปทูตราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบียประจำประเทศไทย นายอรุณ บุญชม ประธานคณะผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี นายสมศักดิ์ เจริญไพฑูรย์ รองอธิบดีกรมการปกครอง นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายอัษฎางค์ ขำคมกุล รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ สายปฏิบัติการ 2 นายเจนเจตน์ เจนนาวิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายประทีป นทีทวีวัฒน์ ปลัดจังหวัดสมุทรปราการ นายภูธนะ ชมภูมิ่ง หัวหน้าสำนักงานจังหวัดสมุทรปราการ นายสมศักดิ์ แก้วเสนา นายอำเภอบางพลี นายประสพ ภู่สำลี นายวุฒิวัย หวังบู่ ผู้แทนประธานกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร ผู้นำศาสนา ตลอดจนพี่น้องมุสลิมผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ร่วมในพิธี

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า การเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ของพี่น้องมุสลิม เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะเทศกาลฮัจย์ทุกปี จะมีพี่น้องมุสลิมทั่วทุกมุมโลกเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ที่นครมักกะฮ์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ประมาณล้านคน ซึ่งรัฐบาลได้ให้การสนับสนุนส่งเสริมการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ตลอดมา เพื่อให้พี่น้องมุสลิมที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ได้รับความสะดวกสบาย ปลอดภัย และได้ประกอบศาสนกิจอันสำคัญยิ่งอย่างสมบูรณ์ ซึ่งการประกอบพิธีฮัจย์ นอกจากจะเป็นการไปประกอบศาสนกิจที่ได้ถูกกำหนดไว้ในหลักการของศาสนาอิสลามแล้ว พี่น้องมุสลิมที่เดินทางไปครั้งนี้ จะได้มีส่วนร่วมในการไปช่วยเผยแพร่ส่งเสริมภาพลักษณ์อันดีงามของประเทศไทย และที่สำคัญที่สุดยังเป็นโอกาสอันดีของชีวิตที่จะได้ไปเจอเพื่อนร่วมศาสนิก และมีโอกาสในการที่จะศึกษาเรียนรู้ ประเพณีวัฒนธรรม และมีมิตรสหายเพิ่มขึ้น ในการที่ได้ไปทำพิธีฮัจย์

ปีนี้เป็นปีที่พิเศษกว่าปีอื่น ๆ เพราะเป็นปีที่พี่น้องคนไทยได้รับความเอื้อเฟื้อจากผู้นำของประเทศซาอุดิอาระเบีย ในการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตเพิ่มพูนขึ้น เพราะสายใยความรักระหว่างพวกเราชาวไทยมุสลิมกับพี่น้องชาวซาอุดิอาระเบีย ดังนั้นโอกาสอันดีพิเศษที่เป็นเหมือนปฐมฤกษ์ ที่ความสัมพันธ์อันดี ความเป็นพี่เป็นน้อง ความมีมิตรภาพระหว่างกันที่เป็นทางการ ที่แข็งแกร่งเข้มข้นเพิ่มมากขึ้น จะได้รับการพัฒนาต่อยอดจากพี่น้องทุกคน ที่ได้รับโอกาสอันดี คือ การเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ในวันนี้ ในฐานะที่ท่านเป็นผู้แทน เป็นทูตวัฒนธรรมของประเทศไทยในการสร้างสันถวไมตรี และขอให้พี่น้องมุสลิมที่ไปประกอบพิธีฮัจย์ ปฏิบัติตามกฎระเบียบที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด รวมทั้งระมัดระวังตนเอง ด้วยการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข ทำสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์อย่างสม่ำเสมอ” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเน้นย้ำ

นายสุทธิพงษ์กล่าวว่า ขอขอบคุณท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กรมการปกครอง จังหวัดสมุทรปราการ ตลอดจนหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน องค์กรศาสนา ภาคประชาสังคม กลุ่มอาสาสมัครต่าง ๆ และผู้ที่มีส่วนช่วยเหลือภารกิจอันสำคัญนี้ทุกท่าน และขออำนวยพรให้พี่น้องมุสลิมที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ได้รับผลบุญ มีความสุข ความปลอดภัย ตลอดการเดินทางและช่วงที่ปฏิบัติศาสนกิจอยู่ในประเทศซาอุดิอาระเบีย และขอให้ทุกท่านเดินทางกลับสู่มาตุภูมิโดยสวัสดิภาพเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจอันสำคัญยิ่งของชีวิต ขอเป็นกำลังใจและขอให้พระเจ้าได้อวยพรทุกท่านตลอดไป

ด้าน นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า หน่วยงานทุกภาคส่วนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการดำเนินงานกิจการฮัจย์ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ต่างมุ่งหวังให้การเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ของผู้แสวงบุญชาวไทยมุสลิมทุกคนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย สามารถเดินทางไปประกอบพิธีได้ด้วยความสะดวก ปลอดภัย ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศซาอุดิอาระเบียได้อย่างสะดวกสบาย และที่สำคัญ คือ ได้ปฏิบัติศาสนกิจได้ครบถ้วนสมบูรณ์ตามหลักศาสนา

นายอิศอม ศอเลียะห์ เอช. อัลญุฏอยลี อุปทูตราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบียประจำประเทศไทย กล่าวว่า ถือเป็นเกียรติที่ราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบียได้ต้อนรับผู้แสวงบุญชาวไทยทุกท่านในการไปประกอบพิธีฮัจย์ ในปีฮิจเราะห์ศักราช 1443 ซึ่งจะมีผู้แสวงบุญจากทั่วโลก 180 ประเทศ เป็นจำนวนหลายล้านคน ซึ่งถือเป็นเกียรติของทางซาอุดิอาระเบียที่ได้เป็นผู้ต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ และถือเป็นหน้าที่ภารกิจในการที่จะเอื้ออำนวยให้เกิดความสะดวกกับบรรดาผู้แสวงบุญทุกท่านที่เข้าไปแสวงบุญที่ซาอุดิอาระเบีย  สำหรับประเทศไทย ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล และสำนักจุฬาราชมนตรีในการอำนวยการให้กับผู้แสวงบุญชาวไทยได้เดินทางไปสู่ประเทศซาอุดิอาระเบีย และขอให้การแสวงบุญครั้งนี้ได้รับการตอบรับและมีความสะดวกง่ายดาย รวมทั้งขอให้ผู้แสวงบุญเตรียมความพร้อมเรื่องการหาข้อมูลความรู้และการปฏิบัติตนที่เหมาะสม และขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จจากการประกอบพิธีฮัจย์อย่างสมบูรณ์

นายอรุณ บุญชม ประธานคณะผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี กล่าวว่า พระอัลเลาะห์ผู้ประทานโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้กับพี่น้องทุกท่าน ทำให้ได้มีวันนี้ วันที่จะได้เดินทางไปยังแผ่นดินที่ศักดิ์สิทธิ์ นั่นก็คือ แผ่นดินอันเป็นที่ที่พระองค์กำหนดไว้สำหรับมุสลิมทุกคนที่มีความสามารถในการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ อันเป็นคุณค่าของศรัทธาที่ก้าวข้ามพรมแดนทางภูมิศาสตร์ เพื่อสร้างภราดรภาพในมนุษยชาติโดยไม่เลือกชั้นวรรณะ เชื้อชาติ ภาษา ภายใต้ร่มเงาแห่งรัก ทุกคนมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกัน ไม่มีใครส่งอภิสิทธิ์เหนือใคร ณ เบื้องพระพักตร์แห่งพระผู้เป็นเจ้า มุสลิมทุกคนถูกกำหนดให้ละทิ้งการสร้างพฤติกรรมต่าง ๆ อันอาจนำมาสู่ความร้าวฉานในสายสัมพันธ์ของพี่น้อง โดยให้มุ่งความตั้งใจทั้งหมดไปยังอัลเลาะห์ เพื่อละวางกิเลสตัณหาในตัวตนลงไป ผู้ที่ประกอบพิธีฮัจย์อย่างตั้งใจและเข้าใจ จึงเป็นผู้ที่สามารถสร้างความรัก สันติภาพ และภราดรภาพได้อย่างแท้จริง

นายอัษฎางค์ ขำคมกุล รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ สายปฏิบัติการ 2 กล่าวว่า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้จัดเตรียมความพร้อมเพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการด้านต่าง ๆ ให้กับพี่น้องชาวมุสลิมให้ได้รับความสะดวกมากที่สุด พร้อมทั้งได้ประสานความร่วมมือกับสายการบิน กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ศุลกากร เพื่อจัดช่องทางพิเศษในการตรวจบัตรโดยสารและหนังสือเดินทาง พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและให้คำแนะนำให้กับผู้เดินทางไป – กลับ จากการแสวงบุญในทุกเที่ยวบิน ให้การเดินทางเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

 

Leave a Reply