“ผู้เขียน” ได้รับคำเชิญและชวนจาก ดร.เพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล รองประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร จากพรรคเพื่อชาติ ให้ไปช่วยงานเรื่อง ศาสนา ความจริงชวนมานานแล้ว แต่ไม่มีเวลาไปร่วม ช่วงนี้ “พอมีเวลา” เลยตอบรับปาก และทั้งเห็นว่า ผลงานที่ผ่านมาของคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม มีผลงานโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจาก การเอาจริง เอาจังกับการแก้ไขปัญหาที่คณะสงฆ์ที่สะสมมานาน ทั้งเรื่องปัญหาที่ดินวัดที่ไปทับซ้อนกับที่ดินของรัฐ สำนักสงฆ์ ที่พักสงฆ์ที่ไปตั้งอยู่ในป่า บางแห่งมีเจ้าหน้ารัฐ มากวนการปฎิบัติธรรมอยู่ตลอด คณะกรรมาธิการชุดนี้ก็ไปพูดคุยและหาทางร่วมกันกับ กรมป่าไม้ และกรมอุทยาน หรือแม้กระทั้งที่ดินสาธารณะก็เดินเข้าไปคุยกับ กระทรวงมหาดไทย การจัดสร้างพุทธมณฑลที่เชียงราย เชียงใหม่ มีปัญหาก็สำเร็จลุล่วงไปได้..ด้วยการทำงานของคณะกรรมาธิการยุคนี้ที่เอาใจใส่กับการพระศาสนา

แม้แต่เรื่อง “งบประมาณ” ของ พ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรม คณะกรรมาธิการชุดนี้ก็ร่วมผลักดันและเกาะติดเรียกหน่วยงานมาชี้แจงหลายครั้ง มันจึงทะลุได้มา 16 ตำแหน่ง เฉพาะอัตราครูสอนพระปริยัติสามัญอย่างเดียวได้มา 3-4 พันอัตรา ส่วนครูสอนบาลีนักธรรมได้ค่าสอนชั่วโมงละ 200 บาท คณะกรรมาธิการชุดนี้ก็มีส่วนมิใช่น้อย แต่ทั้งนี้ พ.ร.บ.การศึกษาพระปริยัติธรรมมาถึงจุดนี้ได้ “ผู้เขียน” ต้องขอชื่นชม พระเทพเวที เจ้าคณะภาค 6 และ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ อดีตผอ.สำนักงานพุทธ ฯ
“ผู้เขียน” ไปประชุมวันแรกก็เจอคนที่มักคุ้นพอรู้จักกันบ้าง ไม่ว่าจะเป็น ดร.บำรุง พันธุ์อุบล รุ่นพี่ มจร ดร.ปิง หรือ ดร. ณพลเดช มณีลังกา พี่สัมพันธ์ เสริมชีพ รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐสภา ซึ่งส่วนใหญ่ก็จบมาจาก มจร และถามไปถามมาเป็นรุ่นน้องคณะเดียวกัน ซ้ำจบสาขาเดียวกันคือ รัฐศาสตร์ เอกบริหารรัฐกิจ

วันที่ไปร่วมประชุมมีการเชิญรองผู้อำนวยการสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ,กรมที่ดินรวมทั้งท้องถิ่นเข้าร่วมประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินวัดตั้งอยู่ในเขตสาธารณะต้องการออกโฉนดที่ดินเพื่อเป็นที่ “ธรณีสงฆ์” เท่าที่คุยไม่น่ามีปัญหา ส่วนอีกแห่งน่าสนใจคือเจ้าคณะตำบลมาจากจังหวัดเชียงใหม่ต้องการยกวัดร้างเป็นวัดมีพระภิกษุจำพรรษา แต่ติดปัญหาคือ พื้นที่วัดมีชาวบ้านบุกรุกเข้าไปอยู่อาศัยหมดแล้ว แม้ชาวบ้านจะบอกว่าเขาอยู่มาก่อน แต่ไม่มีเอกสารสิทธิอะไรเลย “โฉนดที่ดิน” เป็นที่ธรณีสงฆ์ อยู่กับสำนักงานพุทธเชียงใหม่ หากสำนักงานพุทธ “ฟ้องศาล” เท่าที่ฟังจากผู้ร่วมประชุมเคยเจอแบบนี้มาหลายครั้งหลายวาระด้วยกัน ชาวบ้าน “แพ้วันยังค่ำ” อีกวัดหนึ่งชื่อ “วัดจำลอง” ต.บ้านกาด อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ วัดนี้มีโบราณสถานทั้งโบสถ์เก่าสร้างมาตั้งแต่ปี 2490 มีพระพุทธรูปไม้สานจำนวน 7 องค์ เป็นวัดที่สร้างขึ้นโดยชาวไทใหญ่ที่อพยพมาจากรัฐฉานกลุ่มหนึ่งมาตั้งถิ่นฐานที่นี้และสร้างวัดไว้เพื่อเป็นสถานที่ทำบุญด้วย ท่านเจ้าอาวาสต้องการบูรณะแต่ไม่มีงบประมาณ จะของบประมาณจากกรมศิลปากร ชุมชนบ้านกาดมีเรื่องราวมีประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นชุมชนไทใหญ่เก่าแก่ ทหารญี่ปุ่นเคยมาตั้งทัพ เมื่อทางคณะกรรมาธิการเชิญ “กรมศิลป์” มาให้ข้อมูล กรมศิลป์บอกว่าอุโบสถอายุยังไม่ถึง 100 ปี “ไม่เข้าข่าย” ขึ้นทะเบียน จนหมดทางช่วยเหลือ จะทำพิพิธภัณฑ์ ก็ต้องเริ่มต้นจากวัดและชุมชน สรุปกรณี “วัดจำลอง” ต้องช่วยกัน ทอดผ้าป่า ทอดกฐิน ระดมทุนกันเอง


Leave a Reply