องคมนตรีเป็นประธานประชุมจัดพิธีทอดผ้าป่าสมทบทุนโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย

“พลากร สุวรรณรัฐ” องคมนตรี เป็นประธานการประชุมการจัดพิธีทอดผ้าป่าสมทบทุนโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย เพื่อให้พระภิกษุและสามเณรได้มีโอกาสศึกษาพระพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง และแตกฉาน

วันพุธที่ 28 กันยายน 2565 เวลา 13.30 น. ที่ ห้องประชุมราชสีห์ ชั้น 2 อาคารศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย กระทรวงมหาดไทย โดยมี นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดพิธีทอดผ้าป่าสมทบทุนโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย และคณะอนุกรรมการจัดพิธีทอดผ้าป่าสนับสนุนโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทยระดับจังหวัด พร้อมด้วย นายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ในฐานะผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนกรุงเทพมหานคร ผู้แทนสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานทำเนียบองคมนตรี โดยมี เจ้าประคุณ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (สุชิน อคฺคชิโน) เลขานุการในสมเด็จพระสังฆราช พระพรหมโมลี (สุชาติ ธมฺมรตโน) รักษาการเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ พระสรภาณโกศล (ภานุพงษ์ สมจิตฺโต) เลขานุการเจ้าคณะใหญ่หนกลาง และ หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง ผู้แทนหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการในระดับจังหวัด ข้าราชการที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุมผ่านการประชุมทางไกล

นายพลากร ได้กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้สำนักงานทำเนียบองคมนตรี ตั้งโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทยขึ้น เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2547 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสนับสนุนพระภิกษุและสามเณรให้มีโอกาสศึกษาพระพุทธศาสนาจากสถาบันพุทธศาสนาภายในประเทศ โดยพระราชทานทุนการศึกษาผ่านโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย อย่างต่อเนื่อง ประกอบไปด้วยทุนการศึกษาในประเภทต่าง ๆ ได้แก่ 1) ทุนศึกษาบาลี ระดับเปรียญธรรม 6 – 9 ประโยค 2) ทุนระดับอุดมศึกษา ระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก ด้านพระพุทธศาสตร์ 3) ทุนหลักสูตรอบรมพระนักเทศน์ 4) ทุนหลักสูตรอบรมพระวิปัสสนาจารย์ และ 5) ทุนหลักสูตรอบรมพระธรรมจาริก

องคมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทาน พระบรมราชานุญาตให้จัดพิธีทอดผ้าป่า เพื่อสนับสนุนและเผยแพร่การดำเนินงานของโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย ซึ่งในปี 2565 พระราชทานผ้าไตร จำนวน 105 ไตร พิธีทอดผ้าป่าสนับสนุนโครงการทุนเล่าเรียนหลวงฯ โดยในส่วนกลาง กำหนดจัดพิธีในวันที่ 13 ตุลาคม 2565 ณ วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร โดยมี พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี เป็นประธานในพิธีทอดผ้าป่า สำหรับในส่วนภูมิภาค กำหนดจัดพิธีระหว่างวันที่ 14 ตุลาคม 2565 ถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 โดยเป็นวัดที่เจ้าคณะหน เลือก 4 วัด และให้องคมนตรี เป็นประธานในพิธี

วัดที่ส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า เลือก 23 วัด โดยให้หัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวง เป็นประธานในพิธี และเป็นวัดที่จังหวัดและกรุงเทพมหานคร เลือก 77 วัด โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดและปลัดกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธี ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจะจัดพิธีมอบผ้าไตรพระราชทานให้กับผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เพื่อนำไปจัดพิธีทอดผ้าป่าสนับสนุนโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทยในแต่ละจังหวัด และให้เป็นไปอย่างถูกต้องสมพระเกียรติ ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยได้นำเสนอเรื่องดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีทราบแล้ว ในคราวประชุมเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2565

นายสมคิด จันทรมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า การประชุมในวันนี้มีมติที่สำคัญคือ 1) มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติประสานกับเจ้าคณะหน เพื่อพิจารณาคัดเลือกวัดพร้อมกับแจ้งจังหวัดให้เตรียมการด้วย 2) กำหนดจัดพิธีรับผ้าไตรพระราชทานทั้ง 105 ไตร ในวันที่ 5 ตุลาคม 2565 เวลา 13.30 น. ณ สำนักงานทำเนียบองคมนตรี และ 3) ให้ทุกส่วนราชการระดับกระทรวงและทุกจังหวัดคัดเลือกวัดและแจ้งให้กับสำนักงานองคมนตรีทราบ ในวันที่ 5 ตุลาคม 2565

นายพลากร กล่าวตอนท้ายว่า โครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย เป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดพิธีทอดผ้าป่า เพื่อสนับสนุนและเผยแพร่การดำเนินงานของโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย ประกอบกับ มหาเถรสมาคมได้มีมติให้คณะสงฆ์สนับสนุนและขอความร่วมมือจากจังหวัดต่าง ๆ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ ให้จัดพิธีทอดผ้าป่าฯ ในวันที่ 13 ตุลาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ผู้ทรงพระราชทานจัดตั้งโครงการฯ เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมพระภิกษุและสามเณร ให้ได้มีโอกาสศึกษาพระปริยัติธรรมและพระธรรมอย่างลึกซึ้ง และแตกฉาน เพื่อเป็นหลักในการจรรโลงพระพุทธศาสนาสืบไป

Leave a Reply