สมเด็จพระสังฆราชทรงให้กำลังใจ ผู้แทนพระสงฆ์พื้นที่ “จชต.” และเครือข่ายพุทธศาสนิกชน ในโอกาสเข้าเฝ้า

สมเด็จพระสังฆราชทรงให้กำลังใจ ผู้แทนพระสงฆ์พื้นที่ “จชต.” และเครือข่ายพุทธศาสนิกชน ในโอกาสเข้าเฝ้า เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้คณะสงฆ์และชาวไทยพุทธในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้มั่นคง 

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2565 เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จลงพระวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ประทานพระวโรกาสให้ พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) พร้อมด้วย นายชนธัญ แสงพุ่ม รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นำผู้แทน พระภิกษุสงฆ์จำนวน 11 รูป พร้อมเครือข่ายชาวไทยพุทธในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เฝ้ากราบทูลรายงานการดำเนินงานของศอ.บต ในการสนับสนุนพระพุทธศาสนาและวิถีความเป็นอยู่ ของพี่น้องชาวพุทธในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมถวายข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตและความเป็นอยู่ของพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้

โอกาสนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกเสด็จลงพระวิหาร วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ได้รับสั่งให้กำลังใจคณะพระสงฆ์และเครือข่ายไทยพุทธในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีใจความตอนหนึ่งว่า พระพุทธศาสนาไม่อาจดำรงอยู่บนโลกนี้ได้ หากปราศจาก “พระสงฆ์” ซึ่งเป็นองค์แห่งพระรัตนตรัย ทำหน้าที่สืบทอดและเผยแผ่พระธรรมวินัย อันสมเด็จพระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้ว การที่สหธรรมมิกทุกท่านเสียสละตน ปฏิบัติหน้าที่ประจำอยู่ในท้องที่อันอาจมีประเด็นอันละเอียดอ่อนและหลากหลาย โดยไม่ย่อท้อต่อปัญหาและอุปสรรค นับได้ว่าท่านกำลังกระทำปฏิบัติบูชาอย่างสูงยิ่งต่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ซึ่งมีพระดำรัสสั่งไว้แก่คณะสงฆ์ว่า “ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงจาริกไป เพื่อประโยชน์สุขแก่ชนจำนวนมาก เพื่ออนุเคราะห์ชาวโลก เพื่อประโยชน์เกื้อกูล และความสุขแก่ ทวยเทพและมนุษย์” ดังนี้ จึงขออาราธนาให้พระภิกษุสามเณรทุกรูปจงมั่นคงในหลักการเผยแผ่ ตามที่สมเด็จพระบรมศาสดาโปรดประทานไว้ แต่ก็ขอให้เพิ่มเติมวิธีการให้เหมาะสมกับกาละและเทศะ ซึ่งสมด้วยสมณธรรมอันสุจริตอยู่เสมอ ส่วนบรรดาสาธุชนผู้คอยสนับสนุนเกื้อกูลกิจการคณะสงฆ์ซึ่งเป็นเนื้อนาบุญของโลก อาตมภาพก็ขออนุโมทนาสาธุการอย่างยิ่ง กับทั้งขอฝากให้หน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนทุกหมู่เหล่าช่วยกันทำนุบำรุงและถวายอารักขาพระพุทธศาสนาและพระภิกษุสามเณร ให้ดำรงอยู่คู่แผ่นดินไทยในทุกภูมิภาคตลอดไป ในนามคณะสงฆ์ ขอถวายกำลังใจและขอเป็นกำลังใจ ให้พุทธบริษัทในจังหวัดชายแดนภาคใต้ บริบูรณ์ด้วยสรรพกำลัง ในอันที่จะเชิดชูสันติสุขของสังคม อีกทั้งพิทักษ์รักษาพระบวรพุทธศาสนา ให้วัฒนาสถาพรอยู่คู่ชาติไทยสืบไปไม่มีวันเสื่อมสูญ

ทั้งนี้ พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการ ศอ.บต. ได้กราบทูลถวายรายงานการดำเนินงานของ ศอ.บต. ในการสนับสนุนพระพุทธศาสนา และวิถีความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวไทยพุทธในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอ ของจังหวัดสงขลา รวมจำนวน 368,810 คน คิดเป็นร้อยละ 17 ของประชากรทั้งหมด มีวัดและสำนักสงฆ์ จำนวน 378 แห่ง และมีพระสงฆ์และสามเณรจำนวน 1,412 รูป ในห้วง 19 ปีที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่อง

ส่วนราชการทุกภาคส่วน ได้ร่วมกันดูแลความปลอดภัยและพัฒนาคุณภาพชีวิตของพระสงฆ์และชาวพุทธ ได้แก่ การสนับสนุนอาหารกลางวันในศูนย์อบรมพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ การจัดค่ายการเรียนรู้การอยู่ร่วมกัน (ค่ายพุทธบุตร) การบูรณปฏิสังขรณ์วัดและโบราณสถานที่มีอายุเกินกว่า 100 ปี จำนวน 10 แห่ง และวัดที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล จำนวน 7 แห่ง การปฏิบัติธรรมและศึกษาแหล่งสังเวชนียสถาน ณ ประเทศอินเดีย และเนปาล ควบคู่กับการส่งเสริมการอยู่ร่วมกันภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมจนทำให้สถานการณ์ในปัจจุบันดีขึ้นตามลำดับ

สำหรับการนำคณะสงฆ์และเครือข่ายไทยพุทธจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชในครั้งนี้ เป็นกิจกรรมที่ ศอ.บต.จัดขึ้นภายใต้ชื่อ กิจกรรมนำคณะสงฆ์และเครือข่ายไทยพุทธจังหวัดชายแดนภาคใต้เข้าเฝ้า สมเด็จพระสังฆราชและศึกษาดูงานชุมชนต้นแบบพหุวัฒนธรรม ณ พื้นที่ภาคกลาง ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้คณะสงฆ์และชาวไทยพุทธตลอดจนเครือข่ายมีความเข้มแข็งและทำหน้าที่ในการสืบทอดทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มั่นคงถาวร โดยมีกำหนดการเดินทางตั้งแต่วันที่ 12-18 ธันวาคม 2565

ข้อมูลข่าวและที่มา https://thainews.prd.go.th/th/news/detail/TCATG221214192058004

Leave a Reply