ปลัดมหาดไทย ให้โอวาทแก่ครูและนักเรียนทุนฯ ม.ท.ศ. เน้นย้ำ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขอให้ทำคุณประโยชน์เพื่อส่วนรวมและประเทศชาติ

วันที่ 27 ธ.ค. 65  เวลา 13.30 น. ที่โรงแรมรอยัลริเวอร์ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นวิทยากรบรรยายพิเศษในการประชุมเตรียมความพร้อมและสร้างความเข้าใจแก่คณะครูและนักเรียนผู้รับทุนพระราชทานในโครงการทุนการศึกษาพระราชทาน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ.) โดยนางณัฐฎ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นายสุทิน แก้วพนา รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นายธีร์ ภวังคนันท์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และนางจตุพร โรจนพานิช อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน และคณะครูผู้ดูแลนักเรียนทุนฯ พร้อมด้วยนักเรียนผู้รับทุนฯ รุ่นที่ 14 ปีการศึกษา 2564 นักเรียนทุนฯ ดีเด่น ประจำปี 2565 รุ่นที่ 11 ครูดีเด่น ประจำปี 2565 และนักเรียนทุนเฉลิมพระเกียรติฯ รวม 200 คน ร่วมรับฟัง

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า นับเป็นความโชคดีของนักเรียนทุนพระราชทานโครงการทุนการศึกษาพระราชทาน ม.ท.ศ. ทุกคนที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระผู้ทรงมีพระราชดำริให้จัดทำโครงการทุนการศึกษาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ.) ด้วยพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์และเงินจากผู้บริจาคโดยเสด็จพระราชกุศล เพื่อให้โอกาสแก่เยาวชนไทยที่มีการเรียนดี ความประพฤติดี แต่มีฐานะยากจนขัดสนในทุกจังหวัดทั่วประเทศ ตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายต่อเนื่องจนถึงปริญญาตรีหรือเทียบเท่า อันเป็นการทรงลงทุนเพื่อพัฒนาความรู้ความสามารถและศักยภาพแก่เยาวชนไทย โดยได้พระราชทานโครงการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 จนถึงปัจจุบัน รวม 14 รุ่น มีนักเรียนได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวม 2,220 ราย

“กระทรวงมหาดไทยน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และมีปณิธานอันมุ่งมั่นในการสนองพระราชดำริด้วยการให้โอกาสในการศึกษาซึ่งถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักเรียนที่ได้รับทุนพระราชทาน ซึ่งนักเรียนผู้ได้รับพระมหากรุณาธิคุณทุกคนต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจและพัฒนาความรู้ความสามารถ เพื่อนำความรู้ไปใช้ในการประกอบอาชีพ ในการทำงาน ภายหลังจากสำเร็จการศึกษา ดังนั้น ในการเข้ารับการศึกษา จึงต้องได้รับการแนะนำ การดูแลจากคุณครูและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้นักเรียนสามารถเติบโตไปเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ ซึ่งในการเรียนระดับที่สูงขึ้นนี้ น้อง ๆ ทุกคนจะต้องเรียนรู้การเข้าสังคมที่ต้องพบเจอเพื่อน พบเจออาจารย์ พบเจอเจ้าหน้าที่ ที่มีอุปนิสัย มีการใช้ชีวิตที่หลากหลาย สิ่งที่สำคัญ คือเรื่อง “การปรับตัว” เพราะว่าชีวิตของนิสิต นักศึกษาในมหาวิทยาลัย เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านของชีวิต ต้องมีสติในการที่จะวางแผนตารางชีวิตให้ดี ถัดมา คือ เรื่องการเรียนก็จะต้องเตรียมพร้อมที่จะศึกษาเรียนรู้ขวนขวายด้วยตัวเอง การที่เราได้รับพระมหากรุณาธิคุณได้รับเลือกเป็นนักเรียนทุนพระราชทานนั้นก็ถือว่าโชคดีกว่าคนอื่นแล้ว ยิ่งต้องดูแลตัวเอง ให้มีกำลังกาย กำลังใจที่ดี รำลึกนึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และพระคุณของผู้มีพระคุณที่ให้ความรักความเมตตา ทั้งคุณพ่อคุณแม่ ครูบาอาจารย์ที่อบรมสั่งสอนเรามา โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดของการศึกษาเล่าเรียน คือ “ต้องมีเป้าหมายและรักษาเป้าหมายของชีวิต มุ่งมั่นพัฒนาตนเอง เป็นแบบอย่างที่ดีให้สังคม ช่วยกันพัฒนาสังคมไทยให้เป็นสังคมที่มีการพัฒนาอย่างยั่งยืน” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าว

  นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ ต้องขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทุนพระราชทาน และคุณครูดีเด่น ที่ได้รับการคัดเลือกเป็นครูดีเด่นในปี พ.ศ. 2565 นี้ และขอบคุณที่ช่วยดูแลลูก ๆ หลาน ๆ ให้มีอนาคตที่ดี ด้วยการให้โอกาสแก่พวกเขา ช่วยเหลือดูแลลูกศิษย์ทุกคน สมกับคำว่า “คุณครู” อันเป็นคำที่สะท้อนความหมายลึกซึ้ง คือ เป็นผู้วางรากฐานการพัฒนาของชาติ เป็นผู้ให้ความรู้ควบคู่ความรัก ความเมตตา และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับนักเรียน ทั้งนี้ เพื่อให้การดูแลลูก ๆ เป็นไปตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คุณครูต้องเป็นผู้นำในการประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ในการเอาใจใส่ดูแลนักเรียนที่ได้รับทุนฯ ด้วยการสื่อสารให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงและสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของเด็กนักเรียน ทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอได้ทราบถึงความต้องการของนักเรียนในพื้นที่ เพื่อหาแนวทางในการส่งเสริมให้นักเรียนได้เข้าถึงการศึกษา พัฒนาตนเอง นำไปสู่การมีคุณภาพชีวิตของลูกหลานที่ดี และประการถัดมา คือ การศึกษามีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ จึงต้องให้ความสำคัญในการพัฒนาเรื่องการศึกษาให้ลูกหลานได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียม เพราะในสภาพความเป็นจริงนั้น ยังมีเด็กนักเรียนอีกจำนวนมากในพื้นที่จังหวัดที่ยังไม่ได้รับการศึกษา ด้วยสาเหตุจากการไม่มีทุนการศึกษา จึงฝากคุณครูทุกคนช่วยขยายผลด้วยการสื่อสารทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอในพื้นที่ได้ให้ความสำคัญของการศึกษาโดยการบูรณาการร่วมกันกับภาคีเครือข่ายทั้ง 7 ภาคีในพื้นที่ คือ ภาครัฐ ภาคผู้นำศาสนา ภาควิชาการ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ภาคประชาสังคม และภาคสื่อสารมวลชน ช่วยเหลือเด็กที่ไม่มีโอกาสได้ทุนให้ได้รับการศึกษาที่ดี และต้องสื่อสารให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และองค์กรที่เกี่ยวข้องทราบ เพื่อเป็นการแบ่งเบาพระราชภาระของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีพระราชปณิธานให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี นักเรียน นักศึกษา ได้มีอนาคต มีชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

     “ในวันพรุ่งนี้ (28 ธ.ค. 65) คณะกรรมการ ม.ท.ศ. คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนงาน ม.ท.ศ. ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด คณะครูผู้ดูแลนักเรียนทุนฯ นักเรียนผู้รับทุนการศึกษาพระราชทาน ครูดีเด่น นักเรียนทุนฯ ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี และนักเรียนทุนพระราชทาน ม.ท.ศ. จะได้มีโอกาสสำคัญของชีวิตในการเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงขอให้ทุกท่านทุกคนได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ด้วยการเป็นพลเมืองที่ดีที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และมีจิตใจที่มุ่งมั่นในการดำรงตนถึงพร้อมด้วยความรอบรู้และความดี พร้อมทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมและประเทศชาติ เพื่อตอบแทนบุญคุณแผ่นดินตลอดไป” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงท้าย

Leave a Reply