ปลัดมหาดไทย เยี่ยมชม “สวนแก้วคำเอ้ย” อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ชื่นชมเป็นต้นแบบการพัฒนาพื้นที่เพื่อสร้างประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม

วันที่ 12 ก.พ. 66  เวลา 09:09 น. ที่สวนแก้วคำเอ้ย ถ.สมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ต.สันทรายหลวง อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม โดยมี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายศักดิ์ชัย คุณานุวัฒน์ชัยเดช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายอาทร พิมชะนก ผู้ตรวจราชการกรมการพัฒนาชุมชน นายประยุกต์ สุดธัญญรัตน์ พัฒนาการจังหวัดเชียงใหม่ นายศิวะ ธมิกานนท์ นายอำเภอสันทราย นายภิญโญ พัวศรีพันธุ์ นายอำเภอสันกำแพง และนางสาวญาดาภา หอมหวล เลขานุการกรมการพัฒนาชุมชน ร่วมลงพื้นที่ โดย นายนที ดำรงค์ นายกเทศมนตรีตำบลสันทรายหลวง พร้อมด้วยผู้บริหาร พนักงานเทศบาล เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และผู้ดูแลสวนแก้วคำเอ้ย ให้การต้อนรับและนำชม

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ขอขอบคุณพันเอก (พ) ภมรวรรณ อยู่เย็น และครอบครัวอยู่เย็น ที่ได้ริเริ่มทำสิ่งที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนชาวสันทราย และชาวเชียงใหม่ ด้วยการปรับปรุงพื้นที่ที่ดินของบรรพบุรุษให้กลายเป็นปอดแห่งใหม่ที่เป็นพื้นที่สันทนาการ พื้นที่นันทนาการ ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินการพัฒนาพื้นที่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของครอบครัวอยู่เย็นที่เพิ่มพูนขึ้น จึงขอให้ท่านนายกเทศมนตรีตำบลสันทรายหลวง ได้หารือกับครอบครัวอยู่เย็น ได้ประยุกต์แนวทาง “สนามเด็กเล่นสร้างปัญญา” ทำบันไดลิง เพื่อให้เด็ก ๆ ได้โลดโผนในกิจกรรมที่เสริมสร้างปัญญา เสริมสร้างการมีมนุษยสัมพันธ์ รวมทั้งพิจารณาจัดทำห้องสมุดต้นไม้ มีกระดานไวท์บอร์ด มีหนังสือการ์ตูน ให้เด็กได้ฝึกวาดเล่น เพื่อสามารถเติบโตตามวัยอย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ ในส่วนระบบโซล่าเซลล์ที่ได้ติดตั้งอยู่ถือเป็นแนวคิดที่ดีอย่างมาก ซึ่งสามารถพิจารณาปรับพื้นที่ติดตั้งเพื่อรับแสงเพิ่มเติม และติดตั้งป้ายนิทรรศการขนาดเล็กเสริมองค์ความรู้ด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม หลักการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ มี diagram เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ได้อีกด้วย

“เพื่อเป็นการแสดงออกซึ่งพลังความรัก สามัคคี ท่านนายกเทศมนตรีตำบลสันทรายหลวง สามารถประสานเรียนเชิญครอบครัวอยู่เย็นร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ และจิตอาสา ร่วมกันลงแขก จัดทำแปลงผักสวนครัวโดยรอบพื้นที่ ทำให้พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ต้นแบบด้านความมั่นคงด้านอาหาร โดยทำแปลงผักและปลูกผักจากตำหรับอาหารไทย เช่น “แปลงต้มยำ” มีป้ายบอกสรรพคุณอะไรบ้าง ต้องใส่ส่วนผสมอะไรบ้าง เช่น ตะไคร้ หัวข่า พริก ใบมะกรูด มะนาว มีคุณค่าทางยา ทำให้ระบบหายใจ ระบบหมุนเวียนโลหิต เลือดไม่ออกตามไรฟัน “แปลงส้มตำ” มะละกอ พริก มะนาว ถั่วฝักยาว มะเขือเทศ ปลูกผักบุ้งในน้ำ เป็นต้น โดยทุกแปลงก็จะมีป้ายกำกับบอกชนิดของพืชผัก ซึ่งจะทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้ และจะทำให้สวนหย่อมแห่งนี้กลายเป็นตักศิลาแห่งผักสวนครัวสร้างความมั่นคงด้านอาหาร พร้อมทั้งจัดทำป้ายเชิดชูเกียรติเจ้าของพื้นที่ เพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณให้ประชาชนที่มาใช้พื้นที่ได้รับรู้รับทราบ ถึงการเป็นต้นแบบการพัฒนาที่ยั่งยืน มีจิตใจเสียสละ ด้วยการทำพื้นที่ส่วนตัวให้เป็นพื้นที่สาธารณะ ทำให้เป็นพื้นที่สีเขียว เป็นปอดของคนสันทราย” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติม

นายนที ดำรงค์ นายกเทศมนตรีตำบลสันทรายหลวง กล่าวว่า “สวนแก้วคำเอ้ย” เป็นสวนสาธารณะของครอบครัวอยู่เย็น โดยนำเอาพื้นที่ของบรรพบุรุษกว่า 12 ไร่ มาทำเป็นสาธารณะประโยชน์ให้ประชาชนทั่วไปใช้ออกกำลังกายและสันทนาการ เปิดให้ใช้พื้นที่ตั้งแต่เวลา 05.00 – 19.00 น. มีที่มาของชื่อจาก คุณทวดผู้ชาย ชื่อ “แก้ว” และคุณทวดผู้หญิง ชื่อ “คำเอ้ย” ทั้งนี้ ในบริเวณพื้นที่ มีต้นจามจุรีใหญ่ 2 ต้นที่มีมาแต่เดิมและได้รับการฟื้นฟู มีร่มเงาขนาดใหญ่  มีสระน้ำใหญ่ ที่ปลูกกระจูด บอน กระจับ และกกต่าง ๆ เลียนแบบเหมือนกับบึงในธรรมชาติ พร้อมด้วยทุ่งดอกไม้ ผักสวนครัว และโซนสนามเด็กเล่น

“ด้วยสภาพที่ตั้งของเขตเทศบาลตำบลสันทรายหลวงตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ด้านทิศเหนือของเมืองเชียงใหม่ เทศบาลตำบลสันทรายหลวง จึงมีแนวคิดในการบริหารจัดการด้านการส่งเสริมสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ประชาชนได้มีพื้นที่พักผ่อน สันทนาการ มีอากาศที่ดี สภาพแวดล้อมที่ดี โดยริเริ่มพัฒนาคลองลำน้ำโจ้ ที่ไหลผ่านกลางเขตพื้นที่เทศบาลประมาณ 8.4 กิโลเมตร ซึ่งเป็นลำน้ำที่สำคัญในการแก้ปัญหาน้ำท่วมขัง น้ำเสีย และน้ำแล้ง ด้วยวิสัยทัศน์ “สันทรายสังคมดี สิ่งแวดล้อมดี คุณภาพชีวิตดี ประชาชนมีส่วนร่วม” ซึ่งเทศบาลตำบลสันทรายหลวง จะได้นำคำแนะนำของท่านปลัดกระทรวงมหาดไทย มาประสานกับเจ้าของสวนแก้วคำเอ้ย เพื่อพัฒนาพื้นที่ให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชน มีสัดส่วนพื้นที่ที่เหมาะสม สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของเจ้าของพื้นที่ อันจะยังประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนสามารถใช้ในการจัดกิจกรรมสาธารณะต่างๆ เสริมสร้างสัมพันธ์อันดี อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมให้เกิดความยั่งยืน” นายนทีฯ กล่าวเพิ่มเติม

Leave a Reply