ผู้ว่าฯ ราชบุรี รวมพลัง บวร “หิ้วปิ่นโตเข้าวัด เอามื้อสามัคคี” ปลูกผักสวนครัว “จากวัดสู่ชุมชน”

วันที่ 15 พ.ย. 66 นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี พร้อมด้วยนางพรศรี ตรงศิริ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดราชบุรี นำส่วนราชการและพี่น้องประชาชนร่วมกันทำกิจกรรม “หิ้วปิ่นโตเข้าวัด เอามื้อสามัคคี” สร้างความมั่นคงทางอาหาร การปลูกพืชผักสวนครัวจากวัดเข้าสู่ชุมชน ณ วัดหินกอง ต.หินกอง อ.เมืองราชบุรี พร้อมเปิดเผยว่า จังหวัดราชบุรีมุ่งเสริมสร้างความยั่งยืนในทุกมิติ โดยนำนโยบายของกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการน้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหาร เพื่อขับเคลื่อนขยายผลให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้บริโภคผักปลอดสารพิษ และลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ซึ่งสอดคล้องกับหลักการพึ่งพาตนเอง ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้วยการลดค่าใช้จ่ายจากการนำเข้าวัตถุดิบที่อยู่นอกพื้นที่ อาทิเช่น การปลูกพืชปลูกผักไว้รับประทานเอง ซึ่งจะทำให้แต่ละครัวเรือนมีอาหารรับประทานที่เพียงพอทั้งยังสามารถแบ่งปันให้กับชุมชนได้อีกด้วย

“จังหวัดราชบุรี ได้น้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการส่งเสริมความมั่นคงด้านอาหาร โครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” โดยยึดแนวทางที่ว่า “ผู้นำต้องทำก่อน” ตนจึงได้เปิดพื้นที่ในจวนผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อให้ผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ และพี่น้องประชาชนได้เห็น และเพื่อให้ในอนาคตได้ช่วยกันเชื้อเชิญมาร่วมกันปลูกพืชผักสวนครัวอย่างพร้อมเพรียงกัน และสำหรับกิจกรรมในวันนี้พืชผักสวนครัวที่นำมาปลูกเป็นชนิดที่ดูแลได้ง่าย สามารถใส่ปุ๋ยอินทรีย์ที่มาจากธรรมชาติแทนปุ๋ยเคมี ทำให้ลดต้นทุนสำหรับการปลูกและการดูแล ไม่จำเป็นต้องใช้ยาฆ่าแมลงหรือสารเคมีชนิดต่าง ๆ พืชผักก็ยังเจริญเติบโตได้ดี เช่น มะกรูด มะนาว พริก ข่า ตะไคร้ ใบโหระพา กะเพรา มะเขือ เป็นต้น และภายหลังจากนี้จะมีการติดป้ายแนะนำการปลูกพืชผักสวนครัว ปลูกพืชผักสมุนไพร ไม้ดอกไม้ประดับ การจัดทำสถานที่นั่งเล่น จุด Landmark บริเวณลานกลางสวน จัดทำเป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจและเรียนรู้การปลูกพืชผักสวนครัวให้เห็นผลเป็นรูปธรรม เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้แก่ส่วนราชการ และประชาชนที่มาติดต่อราชการ พร้อมทั้งช่วยกันการบูรณาการทุกหน่วยงานร่วมกันรณรงค์และสร้างการรับรู้ให้ประชาชนในพื้นที่ได้ตระหนักในเรื่องของการสร้างความมั่นคงทางอาหาร มีผักสวนครัวที่ปลอดภัยและมีคุณภาพดีปลูกไว้รับประทานเองภายในครัวเรือน” นายเกียรติศักดิ์ฯ กล่าว

นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการทำกิจกรรม “หิ้วปิ่นโตเข้าวัด เอามื้อสามัคคี” ครั้งนี้ ตนพร้อมด้วย นางพรศรี ตรงศิริ นายกเหล่ากาชาดราชบุรี และส่วนราชการได้ร่วมกันปลูกไม้ 3 อย่าง เช่น ลูกหว้า ยางนา โมกมัน โดยเตรียมพื้นที่ปลูกทั้งแบบยกแปลง ลองวงกลม เสวียน กระถาง แปลงอิฐบล็อค บนเนื้อที่ประมาณ 1 งาน ภายในวัดหินกอง และยังรณรงค์ส่งเสริม สนับสนุน ให้ทุกครัวเรือนปลูกพืชผักสวนครัว ไม้ผล พืชสมุนไพร ทุกครัวเรือน อีกทั้งให้ทุกหมู่บ้านสร้างคลังอาหารชุมชนโดยใช้พื้นที่สาธารณประโยชน์ปลูกผักสวนครัว ไม้ผล พืชสมุนไพร ตามโครงการ “ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน” หมู่บ้านละ 1 เส้นทาง ตลอดจนรณรงค์ส่งเสริมและบูรณาการความร่วมมือปลูกผักในวัด สถานศึกษา และศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทุกแห่ง ได้ตระหนักในเรื่องของการสร้างความมั่นคงทางอาหาร มีผักสวนครัวที่ปลอดภัยและมีคุณภาพดีปลูกไว้กินเอง นอกจากจะได้อาหารที่มีคุณภาพปลอดสารพิษ ยังสามารถลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนได้

นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี กล่าวต่ออีกว่า การจัดกิจกรรม “หิ้วปืนโตเข้าวัด เอามื้อสามัคคี” ในวันนี้จะเป็นต้นแบบในการขยายผลการใช้พื้นที่ว่างเปล่า พื้นที่สาธารณะให้เกิดประโยชน์ในการสร้างความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งจะก่อให้เกิดการแบ่งปัน เกิดความรักความสามัคคีในพื้นที่ ตามแนวทางของโครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” และ โครงการ”ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน” อย่างต่อเนื่องของจังหวัดราชบุรี ซึ่งเป็นการรวมพลังตามหลัก “บวร” คือ บ้าน วัด และราชการ ที่ร่วมพบปะหารือ ร่วมคิด ร่วมทำ และร่วมรับผลประโยชน์ เป็นพลังที่เป็นกลไกสำคัญในการประสานกับทุกภาคีเครือข่ายเพื่อการพัฒนาพื้นที่ เพื่อมุ่งสู่การเป็น “หมู่บ้านยั่งยืน (Sustainable Village)” เพื่อพัฒนาพี่น้องประชาชนให้ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงกับหลักการสากลที่ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดได้ลงนามประกาศเจตนารมณ์เพื่อประเทศไทยที่ยั่งยืน “76 จังหวัด 76 คำมั่นสัญญาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ด้วยการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ทั้ง 17 ข้อของสหประชาชาติ

 

“ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกบ้าน ทุกชุมชน ร่วมกันปลูกผักสวนครัว พืชสมุนไพร ไม้ผล เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร พร้อมหันมาใส่ใจในชีวิตของตนเอง โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน ที่ส่งผลกระทบโดยตรงกับสุขภาพของตนเอง ด้วยการลงมือ ลงแรง และสานพลังสมาชิกในครอบครัว อันจะทำให้พี่น้องประชาชนทุกครัวเรือนมีความรัก ความผูกพัน ความอบอุ่น ที่สำคัญ มีผักสวนครัวที่ปลอดภัยและมีคุณภาพดีหลากหลายชนิด ช่วยสร้างเสริมสุขภาพให้แข็งแรง และยังสามารถลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ใช้ชีวิตแบบพึ่งพาตนเองได้อย่างมีความสุขและยั่งยืน” นายเกียรติศักดิ์ฯ กล่าวทิ้งท้าย

Leave a Reply