ปลัดเก่ง พบนักเรียนทุนในหลวง ย้ำขอให้นักเรียนมีความอดทนดั่ง “พระมหาชนก” พร้อมฝากข้อคิด 4 ประการ

วันที่ 27 ธ.ค. 66  เวลา 13.30 น. ที่โรงแรมรอยัล ริเวอร์ เขตบางพลัด กรุงเทพฯ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นวิทยากรให้ข้อคิด ข้อแนะนำ และร่วมแสดงความยินดีกับนักเรียนทุนฯ พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่คณะครูผู้ดูแลนักเรียนทุนฯ และร่วมแสดงความยินดีกับคณะครูดีเด่น ตามโครงการทุนการศึกษาพระราชทาน ม.ท.ศ. ปี 2566 ภายใต้ “มูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ.)” โดยมี คณะครูผู้ดูแลนักเรียนทุนฯ พร้อมด้วยนักเรียนผู้รับทุนฯ รุ่นที่ 15 นักเรียนทุนฯ ดีเด่น ครูดีเด่น ผู้รับทุนเฉลิมพระเกียรติฯ และผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี รวม 200 คน ร่วมรับฟัง

ในช่วงแรก นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้พบปะกับคณะนักเรียนทุนฯ โดยกล่าวว่า วันนี้เป็นโอกาสที่ดีอีกครั้งหนึ่งที่ได้มาพบปะกับน้อง ๆ นักเรียนผู้มีโอกาสที่ดี เป็นสิริมงคลแก่ชีวิตที่ได้รับพระราชทานทุนการศึกษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ซึ่งนับเป็นปีที่ 3 ที่ได้มาพบกับน้อง ๆ ทำให้ตนรู้สึกดีใจทุกครั้งที่ได้เห็นอนาคตของชาติ ผู้มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการศึกษาเล่าเรียน น้อมนำพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นหลักชัยในการตั้งใจศึกษาเรียนรู้ ทำหน้าที่นักเรียนที่ดี นิสิตที่ดี นักศึกษาที่ดี เพื่อสำเร็จการศึกษาออกมาเป็น “พลเมืองที่ดีของประเทศชาติ” เลือกงานที่เหมาะกับตัวเรา สิ่งที่พวกเราอยากจะทำ โดยหากน้อง ๆ ท่านใดมีความปรารถนาที่จะทำงานเพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยในทุกพื้นที่ ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในชนบทห่างไกล หรือในชุมชนเมือง ใน 76 จังหวัด 878 อำเภอ 7,849 องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก็สามารถร่วมทำงานกับกระทรวงมหาดไทย อาทิ กรมการพัฒนาชุมชน เปิดรับสมัครบุคคลที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีทุกวุฒิการศึกษา กรมการปกครอง รับวุฒินิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ บริหารรัฐกิจ และกรมอื่น ๆ ที่รับวุฒิตามคุณสมบัติเฉพาะของแต่ละตำแหน่งหน้าที่ จึงขอให้พวกเราได้พิจารณา และอยากจะทำอะไรก็ขอให้ได้ทำในสิ่งที่ชอบ

“ขอฝากข้อคิด 4 ข้อ เพื่อให้น้อง ๆ ทุกคนซึ่งมีความมุ่งมั่นตั้งใจทำหน้าที่ของตนเองอย่างสมบูรณ์อยู่แล้ว ให้มีความมั่นใจและพุ่งสู่เป้าหมายที่พวกเราคิดไว้ ได้แก่ 1) ต้องรำลึกนึกถึงอยู่ตลอดเวลาว่า ทุกย่างก้าว ทุกลมหายใจ พวกเรา คือ นักเรียนทุนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราเป็นนักเรียนทุนของพระราชา พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ผู้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อพวกเรา ต่ออนาคตของพวกเรา และต่อครอบครัวของพวกเรา ดังนั้น เราทุกคนต้องประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างให้กับผู้อื่น แต่งกายสุภาพเรียบร้อย ถูกกาลเทศะ มีมนุษยสัมพันธ์ พูดจาไพเราะอ่อนหวาน มีกิริยามารยาทเรียบร้อย มีน้ำใจไมตรี มีจิตเสียสละ ช่วยเหลือส่วนรวม ทำหน้าที่นักเรียน นิสิต นักศึกษาให้ดีที่สุด เป็นบัณฑิตที่ดี เป็นคนดีของสังคมไทย 2) ต้องมี “ความอดทน ความเพียรพยายาม” โดยน้อมนำแนวคิดตามบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เรื่อง “พระมหาชนก” ว่าชีวิตเราจะถึงฝั่งฝัน จะถึงจุดมุ่งหมายจนประสบความสำเร็จได้ เราต้องมีความเพียร มีความวิริยะ มานะ อดทน ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก ดังอักษรจีน เหริ่น 忍 ที่ประกอบด้วยอักษรสองคำ คือคำว่า เตา 刀 กับคำว่า ซิน 心 เตา คือ มีด ซิน คือ หัวใจ เหริ่น คือ มีดที่ปักบนหัวใจ มีดปักกลางใจ นั่นคือความหมายของคำว่า “ความอดทน” เราต้องอดทน ต้องทุ่มเทให้มากกว่าคนอื่น เราก็จะประสบความสำเร็จได้ และจดจำไว้เสมอว่า “คนเก่งแต่ขี้เกียจย่อมสู้คนไม่เก่งแต่ขยันไม่ได้” 3) หากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เรามีความสงสัย ไม่สบายใจ ขอให้พูดคุย บอกเล่าเก้าสิบกันกับเพื่อน กับรุ่นพี่ กับครูอาจารย์ ปรึกษาหารือซึ่งกันและกัน เพราะการที่เราได้พูดคุย ได้เจรจา ได้หารือกัน จะทำให้เกิดสิ่งที่ดีขึ้นเสมอ และ 4) พี่ ๆ ชาวกระทรวงมหาดไทย โดยผู้ว่าราชการจังหวัด นายกเหล่ากาชาดจังหวัดและประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด และนายอำเภอ จะเป็นธุระดูแลเยี่ยมเยือนครอบครัวของน้อง ๆ ทุกคน ดูแลคุณพ่อ คุณแม่ และสมาชิกในครอบครัวให้ได้รับสิ่งที่ดีในชีวิต ทั้งนี้ ขอแสดงความยินดีกับพวกเราและขอให้ทุกคนได้ตั้งอกตั้งใจในการทำหน้าที่ของนักเรียนทุนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ดีที่สุด เป็นลูกที่ดีของคุณพ่อ คุณแม่ จงรักภักดีและยึดมั่นในสถาบันหลักของชาติ อันประกอบด้วยสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ให้คงอยู่เป็นเสาหลัก เป็นศูนย์รวมจิตใจ ของพวกเราคนไทยอย่างยั่งยืนสืบไป” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเน้นย้ำ

จากนั้น นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้พบปะกับคณะครู โดยกล่าวว่า ขอให้คณะครูทุกท่าน ทั้งคุณครูผู้มีอายุราชการอีกหลายปี และคุณครูผู้ที่กำลังจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ได้ยึดถือพระราชดำรัสของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่พระราชทานแก่คณะครูผู้เกษียณอายุราชการ เมื่อปี 2553 เมื่อครั้งตนเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก คนที่ 42 ความโดยสังเขปว่า “เราจะเกษียณอายุราชการได้แต่ “อย่าเกษียณจากการทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม”” ทั้งนี้ ตนมั่นใจว่าคุณครูที่มีลูกศิษย์ได้รับทุน ม.ท.ศ. เป็น “ครูชั้นเยี่ยม” ผู้มี Passion ในการถ่ายทอดองค์ความรู้ไปสู่ลูกศิษย์แล้ว ทุกท่านยังทำหน้าที่ “พ่อแม่ดูแลลูกศิษย์” ให้เป็นนักเรียนที่ดี คือ มีความประพฤติดีควบคู่การเรียนดี อันเป็นการ Change for Good ช่วยทำสิ่งที่ดีให้กับชีวิตนักเรียนทุน รวมถึงนักเรียนทุกคนในโรงเรียน

“คนมหาดไทย ให้ความสำคัญกับประโยคที่ว่า “การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญที่สุดกับชีวิตมนุษย์” ซึ่ง “ตนเอง” ก็ได้ดีเพราะการศึกษา ทุกคนก็ได้ดีเพราะการศึกษา จึงดีใจกับคุณครูทุกท่านที่มีโอกาสดีของชีวิต เป็นผู้ให้การศึกษากับลูกหลาน เยาวชน ทุกท่าน คือ บุคคลสำคัญที่ได้มีโอกาสทำหน้าที่ของท่านควบคู่กับการสั่งสมบุญเพื่อจะได้ทำให้ลูกหลานคนไทยได้มีสิ่งที่ดีในทุกโอกาสของชีวิต และด้วยเพราะเราทำหน้าที่ด้วยความทุ่มเท เต็มใจ เอาใจใส่ จึงปรากฏผลทันตา นั่นคือ “ลูกศิษย์เราได้ดี” ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทย ได้เน้นย้ำให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัด และท่านนายอำเภอทั่วประเทศ เป็นผู้รับใช้คุณครูผู้แลนักเรียนทุน ม.ท.ศ. ทุกท่าน แต่สิ่งที่สำคัญนั้นคือเรื่อง “การสื่อสารข้อมูล” ดังนั้น หากมีสิ่งใดให้คนมหาดไทยในทุกพื้นที่ได้ดูแลก็ขอให้บอกกล่าว ให้แจ้ง ให้แนะนำ ไม่ต้องเกรงใจ ขอให้เมตตาใช้คนมหาดไทยเป็นเสมือนทาสในเรือนเบี้ย เพื่อส่งเสริมการศึกษา ดูแลลูกหลาน โดยครูผู้แลนักเรียนทุนฯ ทุกท่านจะต้องช่วยกันให้ข้อมูลข่าวสารกับผู้ว่าฯ นายอำเภอ เพื่อช่วยกันดูแลเด็กให้มีความสุขตามอัตภาพ เพื่อที่ว่าเมื่อเขาจบการศึกษาจะได้ทำงาน มีเงิน มีรายได้ มีความสุขในชีวิต นอกจากนี้ ห้วงเวลาที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยโดยผู้ว่าราชการจังหวัด และประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัด ทุกจังหวัด ได้มีการจัดกิจกรรมระดมทุนผ่านมูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯ เพื่อเยาวชน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เพื่อดูแลเด็กยากจนในพื้นที่จังหวัด ตั้งแต่ประถมศึกษาถึงมหาวิทยาลัย ควบคู่กับการสำรวจ Re X-ray ข้อมูลความเดือดร้อนทุกเรื่องผ่านแฟลตฟอร์ม ThaiQM เพื่อรวบรวมปัญหาของคนทั้งจังหวัด และระดมสรรพกำลังทุกภาคีเครือข่ายร่วมกันแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ซึ่งคุณครูทุกท่านสามารถเป็นส่วนหนึ่งด้วยการให้ข้อมูลนักเรียนผู้ยากไร้ต่อทางจังหวัด หรือทางอำเภอ เพื่อเราจะได้ร่วมกันทำให้ประชาชนคนไทยทุกครัวเรือนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติม

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวอีกว่า กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการเรียนรู้วิชาประวัติศาสตร์ชาติไทยและประวัติศาสตร์ท้องถิ่น วิชาศีลธรรม และหน้าที่พลเมือง ที่ต้องกำหนดให้เป็นรายวิชาหลัก มิใช่ไปแทรกในวิชาใดวิชาหนึ่ง โดยโรงเรียนสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ดำเนินการครบทุกแห่งแล้ว ซึ่งขณะนี้ทุกจังหวัดได้รับสมัครคนเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทยและประวัติศาสตร์ท้องถิ่น (ครู ก) กว่า 2,000 คน โดยได้รับการสนับสนุนวิทยากรจากศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน (ศอญ.) ที่จะมีการฝึกอบรม และไปขยายผลถ่ายทอดในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ จึงขอฝากโรงเรียนสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ทั้งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.ศธ.) ได้ร่วมกันขับเคลื่อนขยายผล กำหนดให้มีวิชาประวัติศาสตร์ วิชาศีลธรรม และวิชาหน้าที่พลเมือง เป็นวิชาแยกเฉพาะ เพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้ให้กับนักเรียนทุกคนได้มีความรักชาติ รู้จักประวัติศาสตร์ ทราบถึงความลำบากยากเข็ญของบรรพบุรุษที่สละเลือดเนื้อ สละสิ่งต่าง ๆ เพื่อคงประเทศชาติไว้ให้สถาพรถึงทุกวันนี้ โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานกรรมการศึกษาธิการจังหวัดเป็นผู้นำการบูรณาการส่งเสริมการเรียนรู้ในเรื่องดังกล่าว

 “ในวันพรุ่งนี้ (28 ธ.ค. 66) คณะกรรมการ ม.ท.ศ. คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนงาน ม.ท.ศ. ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด คณะครูผู้ดูแลนักเรียนทุนฯ นักเรียนผู้รับทุนการศึกษาพระราชทาน ครูดีเด่น นักเรียนทุนฯ ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี จะได้มีโอกาสสำคัญของชีวิตในการเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงขอให้ทุกท่านทุกคนได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ด้วยการเป็นพลเมืองที่ดีที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และมีจิตใจที่มุ่งมั่นในการดำรงตนถึงพร้อมด้วยความรอบรู้และความดี พร้อมทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมและประเทศชาติ เพื่อตอบแทนบุญคุณแผ่นดินตลอดไป” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวในช่วงท้าย

Leave a Reply