เปิดที่มา..”ศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก”

“เปรียญสิบ” ในฐานะพลเมืองคนพุทธของประเทศไทย เวลานานาชาติพูดถึงประเทศไทย ว่าเป็น ศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก ในหัวใจ “ปลื้มใจ” ทุกครั้ง อารมณ์แบบนี้ หลายคนอาจมองว่าเป็นพวก “อนุรักษ์นิยม” ซึ่งยอมรับว่า..เป็นจำพวกอนุรักษ์นิยม โดยเฉพาะความกตัญญูกตเวที ที่มีต่อพระพุทธศาสนาและแผ่นดินเกิด..ดีกว่าพวกที่คิดว่าตนเอง “หัวก้าวหน้า” อดีตก็ว่างเปล่า อนาคตก็มองไม่เห็น กลายเป็นคนประเภท “ครึ่งบกครึ่งน้ำ”

ความเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลกนี้ ชาวพุทธเราหลายคนยังไม่รู้ “ได้มาอย่างไร” และหลายคนมักแขวะว่า “ศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก” คณะสงฆ์ ชาวพุทธ บางกลุ่มในประเทศไทยเราตั้งกันเอง!!

กลุ่มคนจำพวกนี้ ทำตัวเหมือนเสรีนิยม แต่ “ไม่ยอมเปิดกะลา” ปฎิเสธทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับศาสนา แขวะทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถาบันหลักของชาติ ไม่สนใจจารีตประเพณีนิยมอันเป็นรากเหง้าสำคัญของความเป็นชาติยึดมั่นแต่ “ตัวตน” ภาษาพระ เรียกความคิดคนประเภทนี้ว่าพวกจิต “หยาบกระด้าง”

บางคน “ฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียอด” ฟังไม่ทันจบ อ่านไม่ครบทุกข้อความ โพสต์บ้างสัมภาษณ์บ้าง เหมือนกับ “เจ้าคุณบางรูป” ตอนนี้ “เก่งทุกเรื่อง” ไมล์จ่อปากไม่ได้ เหมือน “ประจาน” ให้สังคมรับรู้ความโง่ของตัวเอง

กลับมามูลเหตุ ต้นเรื่องประเทศไทยที่นานาชาติยกให้เป็น..ศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก

เรื่องนี้สืบเนื่องมาจากการประชุม “วันวิสาขบูชาโลก” เมื่อปี พ.ศ.2548 ซึ่ง “พระสังฆราช” ประมุขสงฆ์ นักปราชญ์ชาวพุทธจากทั่วโลก มีมติเอกฉันท์ให้ประเทศไทยเป็น “ศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก” พร้อมกับขอให้มีการจัดตั้งสำนักงานใหญ่เพื่อเป็นศูนย์ประสานงานอยู่ที่ พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม เพื่อรองรับการเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก

“พระพรหมบัณฑิต” กรรมการมหาเถรสมาคม ในฐานะประธานสภาสากลวันวิสาขบูชาโลก กล่าวไว้ว่า เหตุผลสำคัญที่พระสังฆราช-ประมุขสงฆ์ นักวิชาการ รวมทั้งชาวพุทธนานาชาติ ยกให้ประเทศไทยเป็น “ศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก” เนื่องจาก หนึ่ง ประเทศไทยประชากรส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนา สอง ประเทศไทยมีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ทรงเป็นพุทธมามกะ และ สาม ผู้นำของประเทศเป็นพุทธศาสนิกชน

สอดคล้องกับคำถามเรื่อง “วันวิสาขบูชาโลก” ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพระหว่าวงวันที่ 19-20 พฤษภาคม 2567 นี้ ซึ่งจัดขึ้น ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพมหานคร และ พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ซึ่งภายในงานนี้มีผู้นำประเทศ พระสังฆราช ประมุขสงฆ์ และชาวพุทธจากนานาชาติมาร่วมมากว่า 1,300 รูป/คน จาก 73 ประเทศ ที่หลายคนอาจมีคำถามว่า ทำไมประเทศไทยต้องจัดทุกปี

ข้อความที่กล่าวมาข้างต้น “รองรับ” แล้ว และทั้งอีกประการหนึ่ง พระพรหมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม ดำรงตำแหน่งประธานสภาสากลวันวิสาขบูชาโลก

ความจริงปีที่แล้ว..ที่ประชุมเคยมีการพูดคุยว่าการจัดงานวิสาขบูชาโลกครั้งที่ 19 นี้ เจ้าภาพคือ “ประเทศศรีลังกา” เนื่องจากปีที่แล้วประธานาธิบดีศรีลังกาเดินทางมาร่วมประชุมวิสาขบูชาโลก เห็นการจัดงานของประเทศไทยแล้วมีความประสงค์ “ขอจัด” บ้าง

แต่ด้วยเหตุผลประการใดก็ตาม..ปีนี้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพวันวิสาขบูชานานาชาติ หรือ “วันวิสาขบูชาโลก”

การจัดงาน “วิสาขบูชาโลก” มีผู้นำและชาวพุทธเดินทางมาจากทั่วโลก พร้อมสื่อมวลชน รัฐบาลไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ไม่ต้องจ้างบริษัทพีอาร์ ไม่ต้องออกไปโรดโชว์แนะนำประเทศไทยให้เปลืองงบประมาณเป็นร้อย ๆ  ล้านบาท

หากคิดเป็น กิจจกรรมงานวิสาขบูชาโลกนี้..ประเทศไทยได้กับได้??

…………………………………..

คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง

Leave a Reply