อธิการบดี “มจร” ขอนิสิตปฎิบัติศาสนกิจ ยกระดับปฎิบัติศาสนกิจ “ประเทศเพื่อนบ้าน” ด้วย

วันที่ ๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ ณ ห้องประชุมเธียเตอร์ โซนซี อาคารเรียนรวม มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พระพรหมวัชรธีราจารย์  อธิการบดี มจร ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการปฐมนิเทศนิสิตปฏิบัติศาสนกิจ และนิสิตปฏิบัติงานบริการสังคม รุ่นที่ ๗๐ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๗ เพื่อพัฒนาศักยภาพนิสิตปฏิบัติศาสนกิจในการขับเคลื่อนสนองงานในกิจการคณะสงฆ์ และช่วยพัฒนาสังคมในสถานการณ์ปัจจุบัน จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๙ – ๑๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ และบรรยายพิเศษหัวข้อ เรื่อง “การปฏิบัติศาสนกิจ และการบริการสังคมของนิสิต มจร ในทศวรรษที่ ๒๑”  โดยมี พระธรรมวชิโรดม รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต ถวายรายงานการจัดโครงการปฐมนิเทศนิสิตปฏิบัติศาสนกิจ และนิสิตปฏิบัติงานบริการสังคม รุ่นที่ ๗๐ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๗ เพื่อพัฒนาศักยภาพนิสิตปฏิบัติศาสนกิจในการขับเคลื่อนสนองงานในกิจการคณะสงฆ์ และช่วยพัฒนาสังคมในสถานการณ์ปัจจุบัน ความว่า

มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้กำหนดให้นิสิตปฏิบัติศาสนกิจ และนิสิตปฏิบัติงานบริการสังคม เพื่อเป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนา สนองงานในกิจการคณะสงฆ์ พัฒนานิสิตให้มีคุณสมบัติที่พึงประสงค์ ให้การสงเคราะห์ประชาชน เพื่อสนองนโยบายและงานตามพันธกิจของ มหาวิทยาลัย ในปีการศึกษา ๒๕๖๗ มีนิสิตปฏิบัติศาสนกิจ จำนวน ๑,๐๗๙ รูป และมีนิสิตปฏิบัติงานบริการสังคม จำนวน ๘๕๗ คน รวมทั้งสิ้นจำนวน ๑,๙๓๖ รูป/คน ทั้งส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค

ด้าน พระครูสุตรัตนบัณฑิต หรือ พระมหาประยูร โชติวโร  ผู้อำนวยการกองกิจการนิสิต ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “การส่งพระนิสิตที่จบการศึกษาปีที่ ๕ ไปปฎิบัติงานสนองกิจการคณะสงฆ์ทั้ง ๖ ภารกิจ เป็นปณิธานที่สมเด็จพระพุฒาจารย์ หรือ หลวงพ่ออาจ อาสภาเถระ ได้ริเริ่มไว้ ตั้งแต่ยุคของท่าน เนื่องจากเห็นว่า กระแสสังคมในวงการสงฆ์ยุคนั้นมองว่า การเรียน มจร ของพระภิกษุ เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม มีกระแสด้าน จึงความเป็นฉลาดของพระผู้ใหญ่ที่มองการไกล จึงมีนโยบายว่า พระรูปใด ใครจบ มจร ต้องปฎิบัติศาสนกิจ สนองกิจการคณะสงฆ์ ตอบแทนโยมผู้ถวายข้าวปลาเราด้วย  ๑ ปี ซึ่ง ทาง มจร ก็สืบทอดปณิธานของบุรพาจารย์ของ เรา จนถึงปัจจุบัน

“วันนี้พระพรหมวัชรธีราจารย์ อธิการบดี มจร ท่านได้เสนอแนวคิดเชิงนโยบายเพิ่มเติมว่า ต่อไปนิสิตปฎิบัติศาสนกิจ ไม่ควรจำกัดอยู่ในเฉพาะประเทศไทยเท่านั่น ควรจับมือกับนิสิตนานาชาติ ที่มาเรียน มจร หรือให้นิสิตนานาชาติ ที่จบการศึกษานั่นแหละ ซึ่งตอนนี้ไม่บังคับว่าต้องปฎิบัติศาสนกิจเหมือนนิสิตไทยด้วย ๑  ปี  ให้ร่วมกันทำโครงการตามความสมัครใจแบบไม่บังคับ ซึ่งแนวคิดนี้ ทางฝ่ายกิจการนิสิตก็พร้อมปฎิบัติตาม แต่อาจจะต้องเขียนโครงการเพื่อหาทุนมาดูแลเรื่องโครงการต่าง ๆ ที่จะต้องทำ เพราะปีที่แล้วนิสิตปฎิบัติศาสนกิจของเรามีโครงการลงพื้นที่ทั่วประเทศถึง 1,140 โครงการ หาเพิ่มโครงการไปยังประเทศเพื่อนบาทด้วย ต้องหาแหลงทุนและภาคีสนับสนุนเพิ่มเติม..”  

Leave a Reply