วัดมหาพฤฒารามออกประกาศฉบับที่ 2  ซัด “อดีตเจ้าอาวาส” มีส่วนรู้เห็นนำบุคคลภายนอกเข้ามาอาศัยในวัด ด้าน “พระสมาน” ยกสุภาษิตฝรั่งโต้ทนายกองทัพธรรม “เจตนาดีอาจพาลงนรก”

วันที่ 29 สิงหาคม 2567  มีคำประกาศจากวัดมหาพฤฒาราม ฉบับที่ ๒/๒๕๖๗  ลงวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๗  เรื่อง ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นภายในวัดมหาพฤฒาราม  มีความดังนี้

สืบเนื่องจากเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากการกระทำของกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้อง และใกล้ชิดกับพระราชวชิราภรณ์ ที่ถูกยกเป็นกิตติมศักดิ์ในตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดมหาพฤฒารามแล้ว  ในการประชุมมหาเถรสมาคมครั้งที่ ๑๖/๒๕๖๖  ตามข้อ ๓๙ แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๔  (พ.ศ. ๒๕๔๑) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ ออกตามความใน พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ จึงถือว่าพ้นจากตำแหน่งหน้าที่เจ้าอาวาสไปแล้ว  ตามข้อ ๓๖ (๕) โดยมีการแต่งตั้งให้  พระธรรมสุธี (นรินทร์ นรินฺโท) เจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง  เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส  และคณะสงฆ์กรุงเทพมหานครได้สอบสวนอธิกรณ์พระราชวชิราภรณ์ ฐานละเมิดจริยาพระสังฆาธิการ  อยู่ในระหว่างการสอบสวน

ต่อมาในช่วงเดือนสิงหาคม ๒๕๖๗ ได้มีพระภิกษุ แม่ชีและฆราวาสซึ่งเป็นบุคคลภายนอกหลายรูป/คน เข้ามาพำนักภายในกุฏิพระราชวชิราภรณ์ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส  ขัดต่อระเบียบ  วัดมหาพฤฒาราม และผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสได้มีหนังสือคำสั่งให้กลุ่มบุคคลดังกล่าวออกไป เสียจากวัดภายในเวลาที่กำหนด  แต่ไม่ปฏิบัติตาม และยังละเมิดคำสั่งฯ โดยเข้ามาอาศัยภายในกุฎิพระราชวชิราภรณ์อย่างต่อเนื่อง สร้างสถานการณ์ความวุ่นวายให้เกิดขึ้นภายในวัด และพยายาม          ให้ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ อันเป็นการบิดเบือนและให้ร้ายหมิ่นประมาทคณะสงฆ์  ผ่านระบบสื่อสารออนไลน์อย่างต่อเนื่อง  ทำให้วัดมหาพฤฒาราม คณะสงฆ์กรุงเทพมหานครได้รับความเสียหาย เป็นการนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จทั้งสิ้น  โดยที่กลุ่มพระสงฆ์ แม่ชีและฆราวาสดังกล่าว    เคยถูกขับไล่ออกมาจากจังหวัดกาญจนบุรี  แล้วมารวมตัวกันสร้างความวุ่นวายที่อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี  จนถูกคณะสงฆ์จังหวัดปทุมธานีแจ้งความดำเนินคดีจับสึกและขับไล่ออกมา          เป็นผู้ต้องหาที่เคยถูกแจ้งความดำเนินคดีในหลายข้อหา เช่น ข้อหาแต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ ข้อหาบุกรุกประท้วงหน้าสถานทูตรัสเซีย  ข้อหาบุกรุกสถานทูตอเมริกา  ข้อหาบุกรุกสถานที่ส่วนบุคคลของผู้อื่น เป็นต้น หลบหนีหมายศาลเข้ามาก่อความวุ่นวายภายในวัดมหาพฤฒาราม โดยพระราชวชิราภรณ์ และพระที่ดูแลใกล้ชิดมีส่วนรู้เห็นในพฤติกรรมของกลุ่มพระสงฆ์  แม่ชี    และฆราวาสเหล่านี้

  โดยพฤติกรรมที่ปรากฏภายในวัดมหาพฤฒาราม คือ ๑.ฝ่าฝืนเข้ามาอาศัยภายในวัดโดยมิได้รับอนุญาตจากผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส   ๒.ออกบิณฑบาตเรี่ยไรชาวบ้าน  ๓.ออกประกาศจัดสร้างพระบรมรูปในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ทองคำในลักษณะเรี่ยไรรับบริจาค  ซึ่งไม่ทราบว่ามีการขอพระบรมราชานุญาตหรือไม่   ๔.นำบุคคลภายนอกเข้ามาประชุมไลฟ์สดปลุกระดม  กล่าวจาบจ้วงเจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราชฯ   มหาเถรสมาคม  และคณะสงฆ์อย่างต่อเนื่อง     ๕.พยายามให้ข้อมูลข่าวสาร ต่อสาธารณะอันเป็นการบิดเบือนและให้ร้ายหมิ่นประมาทคณะสงฆ์วัดมหาพฤฒารามผ่านระบบสื่อสารออนไลน์นำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ   ๖.ด่าทอว่าร้ายทะเลาะวิวาทกับประชาชนรอบวัดจนมีการกระทบกระทั่งทำร้ายร่างกายสร้างความเสียหายต่อวัดมหาพฤฒารามโดยวัดมหาพฤฒารามได้แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลบางรักถูกตำรวจจับดำเนินคดีแต่ได้รับการประกันตัวในชั้นศาลและออกมาสร้างความวุ่นวายเช่นเดิม

ข้อเท็จจริงต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในวัดมหาพฤฒารามตั้งแต่ ปี พ.ศ.๒๕๖๖ ที่ผ่านมา คือ   พระภิกษุ-สามเณร รวม ๔๕ รูป รวมถึงประชาชนโดยรอบวัดได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำโดยตรงและโดยอ้อมของบุคคลใกล้ชิดพระราชวชิราภรณ์  เจ้าอาวาสวัดมหาพฤฒารามในขณะนั้น ต่างกรรมต่างวาระกัน จึงได้ร้องเรียนไปยังคณะสงฆ์กรุงเทพมหานคร  สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และมูลนิธิทนายกองทัพธรรมว่า  พระภิกษุรูปที่ทำหน้าที่ดูแลเจ้าอาวาสวางตัวกีดกันไม่ให้ใครเข้าใกล้เจ้าอาวาส ทั้งได้นำบุคคลจากองค์กรภายนอกเข้ามาควบคุมภายในวัด และแต่งตั้งบุคคล จากองค์กรดังกล่าวเป็นไวยาวัจกรโดยมิชอบด้วยกฎมหาเถรสมาคม เข้ามาควบคุมและบริหารวัด ทำให้สร้างความเดือดร้อนแก่พระภิกษุสามเณร และผู้อาศัยอยู่ในวัด รวมถึงพุทธศาสนิกชนจนไม่กล้า เข้ามาภายในวัด  และพระใกล้ชิดอดีตเจ้าอาวาสเคยถูกชาวบ้านร้องเรียนพฤติกรรมโดยกล่าวหาว่ากระทำการทุจริต  มีพฤติการณ์ยักยอกทรัพย์ที่เป็นเงินบริจาคและการสร้างความแตกแยกภายใน วัดมหาพฤฒารามไปที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ตรวจสอบเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๖๕  ใน  ๔ เรื่อง คือ ๑. เรื่องการซ่อมเมรุเผาศพไม่โปร่งใส ๒. เรื่องการสร้างความแตกแยกในวัด ๓. เรื่องการสร้างวิหารพระแม่กวนอิมบังหน้าพระอุโบสถ  และ ๔. เรื่องการปิดบังบัญชี รายรับ–รายจ่าย การก่อสร้างวิหารพระแม่กวนอิม  มีพฤติการณ์เชื่อถือไสยศาสตร์คนทรงเจ้าเข้าผี พูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง  เคยพาอดีตเจ้าอาวาสหายออกไปจากวัดโดยไม่บอกกล่าวพระภิกษุสามเณรเป็นระยะเวลารวม เกือบ ๒๐ วัน อ้างภายหลังว่า มีคนทำของใส่เจ้าอาวาสและพาไปเพื่อพักผ่อนรักษาตัว

จากดังกล่าวสร้างความเดือดร้อนวุ่นวายให้เกิดขึ้นเพราะอดีตเจ้าอาวาสหายตัวไปไร้ร่องรอย  จนกระทั่ง ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ร่วมกันออกติดตามหาจนพบและนิมนต์กลับวัด   ต่อมาอดีตเจ้าอาวาส ได้แต่งตั้งบุคคลจากองค์กรภายนอกเข้ามาเป็นไวยาวัจกร โดยไม่ผ่านมติที่ประชุมคณะสงฆ์ส่วนใหญ่  ไม่ถูกต้อง     ตามกฎมหาเถรสมาคม  อีกทั้งบุคคลที่อ้างว่าเป็นไวยาวัจกรนั้น  ยังได้ก่อความวุ่นวายสร้างความเดือดร้อนแก่พระภิกษุสามเณรภายในวัด  ปรากฏกลุ่มบุคคลชายชุดดำที่ชักนำเข้ามาได้อ้างคำสั่ง เจ้าอาวาสให้ติดตั้งวงจรปิดภายในวัด  ดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลงระบบการติดตั้งกล้องวงจรปิดใหม่ทั้งหมด  ให้รื้อถอนกล้องวงจรปิดที่มีอยู่เดิมทั้งหมดภายในวัด  ใช้เครื่องขยายเสียงประกาศภายใน วัดและติดประกาศอ้างหนังสือคำสั่งเจ้าอาวาสให้พระสงฆ์และผู้ที่อาศัยอยู่ในวัดรับทราบรับปฏิบัติตามตลอดทั้งกลุ่มชายชุดดำยังขับรถเปิดไฟฉุกเฉินตรวจตรารอบวัดวันละหลายรอบ  สร้างความตื่นตระหนกให้แก่พระภิกษุสามเณรและประชาชนที่เข้ามาบำเพ็ญกุศล และยังมีการขนย้ายเครื่องขยายเสียงออกจากพระอุโบสถ    ซึ่งเป็นเครื่องเสียงประจำสถานที่โดยอ้างคำสั่งเจ้าอาวาส เป็นต้น      ยังมีข้อเท็จจริงอีกหลายประการที่ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนอธิกรณ์ฐานะละเมิดจริยาพระสังฆาธิการโดยคณะสงฆ์กรุงเทพมหานคร ต่ออดีตเจ้าอาวาสและพระใกล้ชิดซึ่งเป็นกิจการภายในที่อยู่ในระหว่างดำเนินการของคณะสงฆ์ที่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้

ดังนั้น เหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นภายในวัดมหาพฤฒาราม  จึงเป็นการกระทำละเมิดของกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเจ้าอาวาสกิตติมศักดิ์ซึ่งพ้นหน้าที่ไปแล้ว โดยวัดมหาพฤฒารามไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ทั้งนี้วัดมหาพฤฒารามขอสงวนสิทธิดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมาย  ต่อกลุ่มบุคคลที่กระทำละเมิดดังกล่าว โดยชอบด้วยพระธรรมวินัย กฎหมาย กฎมหาเถรสมาคม ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง มติ ประกาศฯ จนถึงที่สุด

ขณะที่ พระสมาน ศรีงาม ซึ่งเป็นพระภิกษุรูปหนึ่งที่อยู่กับ พระราชวชิราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดมหาพฤฒาราม ได้โพสต์เฟชบุ๊คส่วนตัวในนาม สภาประชาชนแห่งชาติ สภาพระภิกษุสงฆ์และพุทธบริษัทสี่แห่งชาติ สถาบันสันติภาพโลกถาวร  มีใจความสำคัญว่า

ถึง..โยมอนันตชัย กองทัพธรรม ที่นับถือยิ่ง  ว่าด้วยปัญญาการแก้ไขปัญหาพระพุทธศาสนาในประเทศไทย  ตามที่ ท่านอนันตชัย ได้แสดงบทบาทให้การแก้ไขปัญหาพระพุทธศาสนาในประเทศไทยมาโดยตลอดนั้น  ต้องยอมรับในความมีเจตนาดียิ่งต่อพระพุทธศาสนาและประเทศชาติ แต่ถ้ามีแต่เจตนาดีอย่างเดียวแต่ไม่ประกอบด้วยความรู้ที่ถูกต้องแล้ว ก็จะไม่บรรลุความสำเร็จตามเจตนาอันดียิ่งอย่างน่าเสียดาย

แต่อาจจะเป็นไปได้ตามภาษิตฝรั่งที่ว่า..”Good intentions paves the way to hell” แปลความว่า..”เจตนาดีพาลงนรก”

จึงขอแสดงทัศนคติต่อปัญหานี้มาเพื่อแก้ปัญหาพระพุทธนาและประเทศชาติบ้านเมืองที่ถูกต้องให้บรรลุความสำเร็จให้จงได้ตามเจตนาดีของท่านดังต่อไปฯลฯ

Leave a Reply