“พระมหานรินทร์” เล่น “ดร.บรรจบ บรรณรุจิ” เสียแล้ว!! ฟาดแรง.คนเสียสัตย์ -ไม่มีสัจจะ

วันที่ 16 ตุลาคม 2567 พระมหานรินทร์ นรินฺโท ป.ธ. 9 อดีตแอดมินเพจ alittlebuddha เจ้าอาวาสวัดไทยลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา พระนักวิจารณ์สังคมสงฆ์ชื่อดังได้โพสต์เฟชบุ๊คส่วนตัวว่า บรรจบ “พบ” พระต้น เปิดตัว “ประธานที่ปรึกษา” โครงการธรรมนาวาวัง

อลังการงานสร้าง อา..และแล้วกฎอนิจจังก็ทำงาน ผ่านกาลเวลามาไม่นาน นับจากวันที่ 24 กันยายน ถึงวันที่ 14 ตุลาคม ปีนี้ ก็แค่ 20 วันเท่านั้นเอง ความอนิจจังก็ดลบันดาลให้ “ศ.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ ราชบัณฑิต” อดีตสามเณรนาคหลวง จากปราชญ์หลวง ก็กลายร่างเป็น “ศรีธนญชัย” ไปในพริบตา
เพราะว่า เมื่อวันที่ 24 กันยา ที่ผ่านมานั้น ศ.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ ได้รับเชิญให้ไปร่วมเวทีสัมมนาในวาระครบรอบ 77 ปี แห่งการก่อตั้งคณะพุทธศาสตร์ มจร. ณ มหาวิทยาลัยสงฆ์ มจร. วังน้อย ซึ่งวันนั้น ศ.ดร.บรรจบ ได้ประกาศ “ไม่ยอมไปพบพระต้น กลัวซวย” ซึ่งแปลว่า พระต้นคือตัวซวย

แต่เมื่อวานนี้เอง ศ.ดร.บรรจบ ก็เผยผ่านเฟซบุ๊คของตัวเองว่า ได้แอบไปพบกับพระต้นตัวซวยแล้ว คุยกันชื่นมื่นนานถึง 4 ชั่วโมง และได้ตกลงใจในอันที่จะช่วยเหลือกิจการงานของพระอาจารย์ทวีวัฒน์ ในโครงการธรรมนาวาวัง ให้เดินหน้าต่อไป ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใดๆ

พฤติกรรมแบบนี้ก็มิใช่เรื่องแปลกอะไร มันเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ถ้านะ ถ้าบุคคลที่มีพฤติกรรมเช่นนั้นเป็นนักการเมือง แต่..แต่สำหรับนักการศาสนา ผู้ถือสัจจะ จะไม่ละเมิดกฎแห่งสัตบุรุษ คือพูดคำไหนก็ต้องคำนั้น จะกลับคำหน้าเป็นหลังหรือหลังเป็นหน้านั้น ท่านมิเรียกว่าสัตบุรุษ แต่เรียกว่าอะไร คนระดับศาสตราจารย์ ดร. และราชบัณฑิต ก็คงรู้ดี เผลอๆ อาจารย์บรรจบอาจจะมองเห็นตัวเองมีสีเงินสีทองติดมาจากพระต้น ผู้ที่ตัวเองเรียกว่า “ตัวซวย” ไปก่อนหน้านั้น มาแล้วก็ได้

 

ก็แรกนั้น ศ.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง “ราชบัณฑิต” เรียกเป็นภาษาปากว่า นักปราชญ์หลวง แต่เมื่อเสียสัจจะ ประกาศว่าจะไม่ยอมไปพบพระต้น แต่สุดท้ายก็ไปจนได้ ก็เลยกลายเป็น “ศรีธนญชัย” ในสมัยรัชกาลที่ 10 ไป

โชคดีนะจานจบ ขอให้เรือหลวงแห่งธรรมนำไปสู่เส้นชัยในชีวิต เพราะลงถึงขนาดว่า “ยอมเสียสัตย์” เพื่อรับตำแหน่งที่ปรึกษาโครงการธรรมนาวาวังแล้ว ก็คงไม่มีอะไรจะเสียแล้ว
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า กิเลสของคนมีหลายระดับ บ้างอยากได้ทรัพย์สินเงินทอง บ้างสูงขึ้นไปกว่านั้น อยากได้ยศถาบรรดาศักดิ์ เกียรติยศชื่อเสียง บ้างเป็นถึงราชบัณฑิต ยังยอมขายตัว ขายจิตวิญญาณ ยอมเสียสัตย์เพื่อชาติ

ถ้าชาติไทยมีคนเสียสัตย์แล้วได้ดิบได้ดีเป็นจำนวนมากๆ เช่นอาจารย์บรรจบ ก็คงพบกับความเจริญรุ่งเรืองกว่าชาติใดๆ ในเรือหลวงแห่งธรรมก็คงมีแต่คำกะล่อน เพราะคนที่พูดโกหกนั้น จะไม่ทำความชั่วอย่างอื่นย่อมไม่มี

ข่าวที่เสนอออกมานั้น บรรดาศิษย์สายธรรมนาวาวัง ต่างกระดี้กระด้าดีใจที่ได้ ศาสตราจารย์ ดร. ราชบัณฑิต มาเป็นที่ปรึกษาให้พระอาจารย์ใหญ่ แต่นักศึกษาปัญญาชนทั่วโลก ได้เห็นได้ฟังต่างก็เศร้าใจ สมเพชเวทนา ว่าโครงการธรรมนาวาวัง หาคนดีไม่ได้อีกแล้วหรือ ถึงไปเอาคนอาสัตย์มาเป็นที่ปรึกษา
เมื่อที่ปรึกษาไม่มีสัจจะ โครงการนี้จะมีสัจจะได้อย่างไร มันก็เหลวไหลไปกันหมดเท่านั้นเอง

การพบกันระหว่างจานจบกับพระตันนั้น มีคำพังเพยเปรียบเปรยอยู่คำหนึ่งว่า “ฝนตกขี้หมูไหล….”
วันนั้น ตีตราพระต้นว่า “เป็นตัวซวย” วันนี้ คนพูด แอบไปพบ ไปกราบ ไปนอบน้อม และยอมเป็นผู้รับใช้ ก็คงยิ่งกว่าซวย เป็นซวยยกกำลังสอง ซึ่งคนจีนเรียกว่า “เฮงซวย”

Leave a Reply