บุคคล 6 ประเภท “พระภิกษุ” ไม่พึงเข้าไปคลุกคลี?? รวมทั้ง “นักการเมือง-นักบวชต่างศาสนา”

วันที่ 12 พฤษภาคม 2566  ดร.อดิเทพ ผาทา อาจารย์ประจำคณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้โพสต์เฟชบุ๊ค ว่าด้วยเรื่อง “พระกับความคลุกคลี”  ว่า หลายท่านอาจจะโวยวายก็ได้ว่า “ไอ้นี่มันบังอาจสั่งสอนพระมันเป็นใครว่ะ” ก็ไม่ต้องโวยวายก็ได้ครับเพราะที่ว่ามามันคือ “เรื่องจริง”โดยอาชีพของผมมันก็ “สอนพระ“อยู่แล้วดังนั้น การที่ผมจะเขียนข้อเขียนในเชิงสอนพระก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกแต่อย่างใด ก็ให้รีบๆทำใจ..เวลาอ่านมาเจอบทความหรือข้อเขียนของผมจะได้ปรับความรู้สึกถูก เพราะผมมีอาชีพสอนพระมากว่าค่อนชีวิตแล้วนั่นเอง

ใครบ้างที่พระภิกษุไม่ควรเข้าไปคลุกคลี ?

สำหรับคนที่พระภิกษุไม่ควรเข้าไปคลุกคลีนั้นก็มีอยู่หลายประเภท โดยคนที่ไม่ควรเข้าไปคบลุกคลีนี้เรียกว่า อโคจร หมายถึงสถานที่/บุคคลที่พระภิกษุไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือไปคลุกคลีนั้นก็สามารถแบ่งได้เป็น ๖ ประเภท ดังนี้ (๑) มีหญิงแพศยาเป็นโคจร (๒)มีหญิงหม้าย เป็นโคจร (๓)มีสาวเทื้อเป็นโคจร (๔)มีบัณเฑาะก์เป็นโคจร (๕)มีภิกษุณีเป็นโคจร (๖) มีร้านสุราเป็นโคจร (ขุ.ม.(ไทย)๒๙/๑๙๖/๕๗๑)

นอกจากนั้นทรงอธิบายเพิ่มเติมว่า เป็นผู้อยู่คลุกคลีกับพระราชา มหาอำมาตย์ของพระราชา เดียรถีย์สาวกเดียรถีย์ ด้วยการคลุกคลีกับคฤหัสถ์ที่ไม่สมควร หรือเสพ คบ เข้าไปนั่งใกล้ตระกูลที่ไม่มีศรัทธา ไม่เลื่อมใส ซึ่งข้อนี้จะพบว่าทรงไม่สนับสนุนให้ไปคลุกคลีกับ “นักการเมือง”และ “นักบวชต่างศาสนา”มากนัก รวมไปถึงตระกูลหรือครอบครัวที่ไม่เห็นด้วยหรือไม่เชื่อในคำสอนของพระพุทธศาสนา เป็นครอบครัวที่กระด้าง เป็นอันตรายต่อพระพุทธศาสนา ซึ่งนั่นก็จัดว่าเป็น “อโคจร”หรือสถานที่/บุคคลที่ไม่ควรเข้าไปคลุกคลีด้วย

นอกจากนั้น คำว่าคลุกคลียังรวมไปถึง การไปสนุกสานกับการขวนขวายดูการละเล่นอันเป็นข้าศึกแก่กุศลเห็นปานนี้ คือ การฟ้อน การขับร้องการประโคมดนตรี การดูมหรสพ การเล่านิทาน การเล่นปรบมือ การเล่นปลุกผี

การเล่นตีกลอง การสร้างฉากบ้านเมืองให้สวยงาม การละเล่นของคนจัณฑาล การเล่นกระดานหก การละเล่นหน้าศพ การแข่งชนช้าง การแข่งม้า การแข่งชนกระบือการแข่งชนโค การแข่งชนแพะ การแข่งชนแกะ การแข่งชนไก่ การแข่งชนนกกระทาการรำกระบี่กระบอง การชกมวย มวยปล้ำ การตรวจพลสวนสนาม การจัดกระบวนทัพ ..เป็นต้น(ขุ.ม.(ไทย)๒๙/๑๙๖/๕๗๒)

เอาเฉพาะอโครจร ๖ ประการถามว่าทำไมพระพุทธองค์จึงทรงห้ามไม่ให้พระภิกษุเข้าไปคลุกคลีหรือไปสนิทสนมจนเป็นที่อโคจรหรือที่เราเรียกว่าไปจนเป็น “ญาติสนิท เป็นขาประจำ”อันได้แก่

(๑) มีหญิงแพศยาเป็นโคจร ที่ทรงห้ามก็เพราะมีหลายกรณีที่พระถูกหญิงโสเภณีทำให้สึกเพราะการไม่สำรวมอินทรีย์ ถูกมารยาหญิงครอบงำจนต้องสึก การไปทำความสนิทสนทมกับโสเภณีถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควร เพราะมันล่อแหลม เป็นอันตรายต่อพรหมจรรย์ได้

(๒)มีหญิงหม้าย เป็นโคจร ที่ห้ามก็เพราะ หญิงหม้ายนั้นคือ สาวที่ถูกสามีทอดทิ้งหรือสามีตายจาก สิ่งที่หญิงหม้ายต้องการก็คือ “ต้องการมีสามี”ดังนั้น หากเธอเห็นพระภิกษุที่ไม่มีคู่เธออาจจะหวังทำให้พระสึกไปเป็นสามีเธอก็ได้ ซึ่งความเป็นไปได้นั่นมีอยู่ค่อนข้างสูง

(๓) มีสาวเทื้อเป็นโคจร สำหรับสาวเทื้อ พูดในภาษาปัจจุบันก็คือ สาวแก่ ขึ้นคาน ไม่มีสามี ก็อารมณ์มักไม่แตกต่างไปจาก “หญิงหม้าย” คือเทอก็ต้องการผู้ชายมาเป็นสามี หากพระภิกษุไปสนิทสนมคุ้นเคยมากๆเธอก็อาจจะจับพระภิกษุมาทำสามีเธอก็ได้ อันนี้ก็เปอร์เซ็นต์ความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง

(๔) มีบัณเฑาะก์เป็นโคจร สำหรับหญิงหม้าย สาวเทื้อ และบัณเฑาะก์นั้นก็มีอันตรายสำหรับนักบวชในอัตราส่วนที่พอ ๆ กันเพราะคนเหล่านี้ก็ต้องการ “สามี”ที่เป็นผู้ชาย การที่พระภิกษุไปทำความสนิทสนมมากก็อาจจะทำให้เกิดการ “จับพระสึก”เพราะอะไรสักอย่างก็ได้ อัตราที่จะเป็นไปได้ก็ค่อนข้างสูง

(๕) มีภิกษุณีเป็นโคจร คือ การที่พระภิกษุไปเทียวไล้เทียวขื่อกับเธอมากๆความรักแท้แพ้ความใกล้ชิดก็อาจจะสปาร์คขึ้นมาได้ ดังนั้นเพื่อความไม่ประมาทก็ไม่ควรไปสนิทสนมกับแม่ชีหรือภิกษุณีมากเกินไป

(๖) มีร้านสุราเป็นโคจร (ขุ.ม.(ไทย)๒๙/๑๙๖/๕๗๑) ข้อนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรไปคลุกคลีอย่างชัดเจน โรงสุราหรือร้ากินดื่มในทุกวันนี้มีเยอะมาการที่พระไปร้านเหล้าบ่อยๆทำให้เสียภาพลักษณ์ที่สุดก็จะนำปสู่การหลุดไปจากความเป็นพระได้ง่ายๆจะมามีข้ออ้างโน่นนี่นั่นมันก็ไม่สามารถช่วยได้

นอกจากนั้นในส่วนอื่นๆก็จะมี  (๑) กลุ่มนักการเมือง ที่พระไม่ควรไปยุ่งมากเพราะนักการเมืองนั้น “มีแต่ผลประโยชน์และการแย่งชิงอำนาจ” ดังนั้น พระภิกษุก็ไม่ควรจะไปคลุกคลีมาก แต่ยุคปัจจุบันนี้ โดยมากพระผู้ใหญ่จะนิยมเอานักการเมืองมาเป็นโยมอุปัฏฐาก หรือยิ่งมีนักการเมืองวิ่งเข้าหามากก็ยิ่งมีชื่อเสียงมากหรือดังมาก ดังเร็วกว่า ก็เป็นเอาเสียแบบนั้น ค่านิยมเปลี่ยนคนก็เปลี่ยน อันนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ควรระมัดระวัง (๒) กลุ่มนักบวชต่างศาสนา พระภิกษุไม่ควรเข้าไปคลุกคลีมากเพราะจะทำให้ถูกครหาได้ว่าทำตัวไม่เหมาะสม ซึ่งก็ถือว่านั่นเป็นเรื่องจริงที่พระภิกษุไม่ควรเข้าไปคลุกคลีมากนัก

นอกจากนั้น ปัจจุบันนี้สิ่งที่พระภิกษุบ้านเรา (โดยมาก)จะมีค่านิยมกัน ซึ่งข้อนี้หากมีมากยิ่งกลายมาเป็นเรื่องที่แสดงถึง “ความเป็นผู้มากบารมี”ของพระภิกษุรูปนั้นๆ สิ่งที่ผมว่านี้ก็คือ การมีญาติโยมผู้หญิงเที่ยวล้อมหน้าล้อมหลังไปไหนไปด้วย ขึ้นรถลงรถไปด้วยตลอด อันนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่เห่อเหิมกันมาก แต่แม้ทุกท่านจะทราบดีว่าการที่มีผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังนี้ ที่สุดมันก็จะนำมาซึ่ง “ข่าวฉาว”เกือบทุกเกจิ เพราะเนื้อกับเสือมันอยู่ใกล้กันไม่ได้ “ไม่มีเสือตัวไหนที่ไม่ยอมกินเนื้อยิ่งเป็นเนื้อสดยิ่งแล้ว แบบนี้ไม่มีพลาด” ก็ฝากพระเกจิ เจ้าคณะผู้ปกครองที่นิยมพาสตรีห้อมหน้าห้อมหลังไปแสดงความเป็นผู้มากบารมีนั้นให้ไปศึกษาให้ดี..อย่าลืมว่า “รุ่นพี่ที่ทำแบบนี้มาก่อนล้วนตายห่ากันมานักต่อนักแล้ว”

Leave a Reply