ไทยกับกัมพูชามีความสัมพันธ์ในมิติศาสนา สังคม วัฒนธรรม มาอย่างยาวนาน เช่น ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) มีเหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับราชสำนักกัมพูชา นั่นคือ สมเด็จพระหริรักษรามาอิศราธิบดี ได้ขอพระราชทาน “ธรรมยุติกนิกาย” ซึ่งรัชกาลที่ 4 ทรงก่อตั้งขึ้นเมื่อครั้งทรงเป็นวชิรญาณภิกขุ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาในกัมพูชา
รศ.ดร.ศานติ ภักดีคำ รองเลขาธิการราชบัณฑิตยสภา เล่าเรื่องนี้ในหนังสือ “มองเขมรแลสยาม” (สำนักพิมพ์มติชน) ว่า
คราวนั้น รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้ พระอมราภิรักขิต (เกิด) และ พระมหาปาน ซึ่งต่อมาเป็น สมเด็จพระสุคนธาธิบดี พระสังฆราชฝ่ายธรรมยุติกนิกายในกัมพูชา ไปเผยแผ่ธรรมยุติกนิกายที่นั่น
พระประวัติของ สมเด็จพระสุคนธาธิบดี น่าสนใจไม่น้อย พระองค์ประสูติเมื่อ พ.ศ. 2370 ในจังหวัดพระตะบอง เมื่ออายุ 12 ปี ได้บวชเป็นสามเณรในคณะมหานิกาย ที่วัดโพธิ์ ในจังหวัดบ้านเกิด ต่อมาเดินทางเข้ามาอยู่ที่วัดสระเกศ กรุงเทพฯ ในคณะมหานิกาย
อายุ 21 ปี ท่านก็อุปสมบทเป็นพระภิกษุ คณะมหานิกาย จำพรรษาที่วัดสระเกศได้ 4 พรรษา เวลานั้นได้ถวายตัวเป็นศิษย์ วชิรญาณเถระ หรือรัชกาลที่ 4 เมื่อครั้งผนวช ซึ่งโปรดให้ท่านศึกษาพระวินัยในสำนักเจ้าคุณพระญาณรักขิต (สุด) เจ้าอาวาสวัดบรมนิวาส คณะธรรมยุติกนิกาย
จากนั้นเมื่อพระมหาปานอายุ 24 ปี ได้บวชแปลงเป็นพระธรรมยุติกนิกาย โดยมีพระวชิรญาณเถระเป็นพระอุปัชฌาย์ พระญาณรักขิตเป็นกรรมวาจาจารย์ และพระอมราภิรักขิตเป็นอนุสาวนาจารย์ มีฉายาว่า “ปัญญาสีโล” ต่อมาสอบได้ความรู้เปรียญธรรมเป็น “พระมหาปาน”
พ.ศ. 2398 สมเด็จพระหริรักษรามาอิศราธิบดีขอพระราชทานธรรมยุติกนิกาย เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาธรรมยุติกนิกายในกัมพูชา รัชกาลที่ 4 จึงโปรดให้พระมหาปานพร้อมด้วยพระอมราภิรักขิต พระสงฆ์ 8 รูป อุบาสก 4 คน เดินทางไปสืบพระศาสนายังกัมพูชา
เมื่อรัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้นำธรรมยุติกนิกายไปเผยแผ่ในกัมพูชา ต่อมาพระองค์ก็ทรงจัดการผนวชกษัตริย์กรุงกัมพูชา 2 พระองค์ คือ พระองค์ราชาวดี (สมเด็จพระนโรดมบรมรามเทวาวตาร) ใน พ.ศ. 2399 และ พระองค์ศรีสวัสดิ์ (สีสุวัตถิ์ หรือสมเด็จพระศรีสวัสดิ์) ใน พ.ศ. 2406 ซึ่งทั้ง 2 พระองค์ทรงเป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระหริรักษรามาอิศราธิบดี
ทั้งนี้ การผนวชทั้ง 2 พระองค์ เกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ แสดงถึงความใกล้ชิดระหว่างราชสำนักสยามกับราชสำนักกัมพูชา
เอกสาร “ร่างศุภอักษร ถึงเมืองอุดงค์มีชัย” ให้รายละเอียดเหตุการณ์ครั้งนั้นไว้ว่า พระองค์ราชาวดีผนวชในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2399 และจากนั้นเสด็จไปจำพรรษาที่วัดบวรนิเวศวรวิหาร
ส่วน “ราชพงษาวดารกรุงกัมพูชา ฉบับพระองค์นพรัตน์” บันทึกเรื่องการผนวชพระองค์ศรีสวัสดิ์ ใน พ.ศ. 2406 ว่า
“ลุ ณ เดือน 8 ปีกุน เบญจศก (จ.ศ. 1225 พ.ศ. 2406) สมเด็จพระหริราชรัตไนไกรแก้วฟ้า จะเสด็จเข้าไปทรงพระผนวช ณ กรุงเทพฯ พระยาราชวรานุกูลข้าหลวงจะเป็นผู้พาเสด็จเข้าไป พระองค์จึงทรงนำพระธิดา พระมารดา แลพระสนมนางในของพระองค์ไปให้พักอยู่ที่เมืองพระตะบอง ส่วนพระองค์กับพระยาราชวรานุกูลได้เลยเข้าไปกรุงเทพฯ เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แล้วก็ทรงพระผนวชประทับอยู่ในกรุงเทพฯ ต่อไป…”
การที่รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้ผนวชกษัตริย์กัมพูชาทั้ง 2 พระองค์นี้ในคณะธรรมยุติกนิกาย ทำให้ในเวลาต่อมา เจ้านายของกรุงกัมพูชาผนวชในคณะธรรมยุติกนิกายเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.silpa-mag.com/history/article_153804
ขอบคุณ ผู้เขียน สุทธาสินี จิตรกรรมไทย เจียจันทร์พงษ์…
Leave a Reply