คณะศิษย์”หลวงปู่ศรี มหาวีโร” ยื่นจดหมายถึง “คปภ.-ธปท.”เรียกเงินมูลนิธิคืน 1,354 ล้านบาท จากธนาคารดัง??

วันที่ 9 กรกฏาคม 2568  คณะศิษยานุศิษย์หลวงปู่ศรี มหาวีโร กรรมการมูลนิธิ พร้อมด้วยทนายความ ได้เดินทางไปยัง ยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) ประจำจังร้อยเอ็ด และธนาคารแห่งประเทศไทย สาขาจังหวัดขอนแก่น เพื่อยื่นหนังสือติดตามเงินฝากมูลนิธิพระอาจารย์ศรี มหาวีโร  และบัญชีของมูลนิธิอนุสรณ์พระกฐินต้น วัดประชาคมวนาราม จังหวัดร้อยเอ็ด เบื้องต้นประมาณ ๘๐๐ ล้านบาท กลับคืนมา โดยเนื้อหาในจดหมาย มีความว่า

เรียน ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ผ่าน ผอ.ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือสิ่งที่ส่งมาด้วย ๑.หนังสือมอบอำนาจพร้อมด้วยสำเนาเอกสารที่เกี่ยวข้อง ๑ ชุด  ๒.สำเนาคำฟ้องคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ผบ ๓๐๙/๒๕๖๘ ของศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ๑ ชุด

สืบเนื่องมาจากนางสาว………………….พนักงานธนาคารกับพวก ได้ร่วมกันวางแผนถอนเงินออกจากบัญชีของมูลนิธิพระอาจารย์ศรี มหาวีโร  และบัญชีของมูลนิธิอนุสรณ์พระกฐินต้น วัดประชาคมวนารามร้อยเอ็ด โดยความรู้เห็นเป็นใจของ……. เพื่อนำเงินที่ถอนดังกล่าวไปซื้อหน่วยลงทุนของบริษัท  และนำไปซื้อกรมธรรม์หรือชำระเบี้ยประกันชีวิตรวม ๒๖๘ กรมธรรม์ โดยในระยะเวลาที่ต่อเนื่องกัน ๑๐ ปี มีการกระทำเสมือนหนึ่งบัญชีของมูลนิธิทั้งสองเป็นบัญชีของพนักงานและธนาคาร ด้วยการนำเงินโอนกลับเข้าบัญชีของมูลนิธิทั้งสอง แล้วถอนออกไปซื้อหน่วยลงทุนและชำระเบี้ยประกันชีวิตซ้ำวนเวียนกันเข้าออกไป-มาหลายครั้ง ในลักษณะของการกระทำเป็นปกติธุระ ซึ่งเข้าข่ายเป็นการฟอกเงินตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

ทั้งนี้ การกระทำของพนักงานและธนาคาร ดังกล่าว เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนหรือขัดต่อวัตถุประสงค์และข้อบังคับของมูลนิธิทั้งสอง ฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๑๐ วรรคหนึ่ง และมาตรา ๘๖๓ ฝ่าฝืนแนวนโยบายธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ ธปท. ฝนส.(๒๓) ว.๑๘๘๙/๒๕๕๕ เรื่อง การนำส่งแนวนโยบายการกำกับดูแลการขายผลิตภัณฑ์ด้านหลักทรัพย์และด้านประกันภัยผ่านธนาคารพาณิชย์ ฝ่าฝืนประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกส. ๑/๒๕๖๑ และที่ สกส.๒ ๔/๒๕๖๓ เรื่อง การบริหารจัดการด้านการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างเป็นธรรม (Market Conduct) นอกจากนี้ ยังเป็นความผิดต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕(๗) วรรคสองฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกันชีวิตฯ มาตรา ๓๓(๑๕) มาตรา ๕๓ และมาตรา ๕๖ พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๓๐๖ และพระราชบัญญัติป้องกันปราบปรามการฟอกเงิน ฯ

จากการกระทำดังกล่าว ทำให้มูลนิธิทั้งสองได้รับความเสียหายเป็นต้นเงินกว่า ๘๐๐ ล้านบาท มูลนิธิทั้งสองได้ยื่นฟ้องเป็นคดีผู้บริโภคแล้ว รายละเอียดตามสำเนาคำฟ้องที่ส่งมาด้วย ๒

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา ๑๐ ปี ที่นางสาว…………….พนักงานธนาคาร กระทำความเสียหายในคดีนี้ มูลนิธิทั้งสองไม่สามารถใช้เงินดอกผลของมูลนิธิและไม่มีเงินดอกผลเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เนื่องจากบัญชีของมูลนิธิทั้งสองอยู่ในการครอบครองของ………กับพวก ในทางตรงกันข้ามธนาคาร ตลอดจนพนักงานกลับได้ประโยชน์จากการนำเงินของมูลนิธิไปหมุนเวียนในกลุ่มธุรกิจของตนอย่างมากมายมหาศาล โดยไม่ได้ลงทุนลงแรงแต่อย่างใด

อันเป็นการทำธุรกรรมที่เอาเปรียบผู้บริโภค ส่งผลให้ธนาคาร ฯ ด้รับประโยชน์  นอกจากนี้ ยังทำให้พนักงานของสถาบันการเงินดังกล่าวได้ประโยชน์จากการถอนเงินและทำธุรกรรม อันเป็นการให้สินเชื่อหรือการทำธุรกรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทแม่ หรือบริษัทร่วมได้รับประโยชน์ ซึ่งถือว่าเป็นการให้สินเชื่อหรือการทำธุรกรรมกับบริษัทด้วย ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๕๙ (๓)

เนื่องจากการถอนเงินและการทำธุรกรรมดังกล่าวมีหลักฐานชัดแจ้งตามรายการเดินบัญชีหรือStatement ตลอดจนหลักฐานเกี่ยวกับการซื้อหน่วยลงทุนและการซื้อกรมธรรม์ ดังนั้น แม้มูลนิธิทั้งสองได้ยื่นฟ้องเรียกเงินคืนเป็นคดีดังกล่าวก็ตาม แต่ก็เป็นใช้สิทธิทางศาลของมูลนิธิในฐานะผู้บริโภคและได้รับความเสียหายอันเป็นสิทธิที่ได้รับการคุ้มครองโดยชอบตามรัฐธรรมนูญและบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ส่วนมาตรการทางปกครองหรือทางวินัยอันเป็นเรื่องของความรับผิดชอบที่ธนาคารฯ และบริษัทลูกทั้งสองมีอยู่ตามบทกฎหมายโดยเฉพาะก็ควรดำเนินมาตรการควบคู่กันไปโดยเร่งด่วน เพื่อเป็นการลงโทษธนาคารฯ อันเป็นสถาบันการเงินผู้ประกอบวิชาชีพอันเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน และเป็นการเร่งเยียวยาแก่มูลนิธิทั้งสองเป็นผู้บริโภคและได้รับความเสียหายตลอดระยะเวลา ๑๐ ปี

ด้วยเหตุนี้ มูลนิธิพระอาจารย์ศรี มหาวีโร และมูลนิธิอนุสรณ์พระกฐินต้น วัดประชาคมวนารามร้อยเอ็ด โดยนายพงษ์ศักดิ์ บุญใหญ่ ประธานกรรมสภาทนายความภาค ๔ ประจำจังหวัดสกลนคร  นายประภาส แสงสุกวาว ประธานสภาทนายความจังหวัดสกลนคร นายสว่าง จิตรเพียร ทนายความ และนายบดินทร์ สมบัติดี ทนายความ ผู้รับมอบอำนาจ จึงใคร่ขอความอนุเคราะห์ธนาคารแห่งประเทศไทย ในฐานะองค์กรที่มีบทบาทหน้าที่หลักในการบริหารและดูแลรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเงินของประเทศ รวมทั้งมีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ ได้โปรดดำเนินการตรวจสอบ สอบสวนแล้วดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงินฯ มาตรา ๙๐ อนุมาตรา (๑) ที่บัญญัติว่า “มีคำสั่งให้สถาบันการเงินแก้ไขฐานะหรือการดำเนินงาน และ อนุมาตรา (๕) ที่บัญญัติว่า มีคำสั่งควบคุมสถาบันการเงิน หรือ มีคำสั่งปิดกิจการของสถาบันการเงินนั้น” โดย มาตรา ๙๐(๑)(๕) ดังกล่าวเมื่อนำมาพิจารณาประกอบมาตรา มาตรา ๕๙ (๓) วรรคหนึ่ง วรรคสอง และ มาตรา ๙๒ (๒) แล้วถือว่า การถอนเงินและการทำธุรกรรมโดยธนาคารฯ เป็นการดำเนินงานของสถาบันการเงินที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของประชาชนตามบทกฎหมายดังกล่าวแล้ว และโปรดแจ้งธนาคารฯ ดำเนินการดังต่อไปนี้

๑.ชดใช้เยียวยาแก่มูลนิธิทั้งสองโดยเร็ว ธนาคารฯ ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะอ้างว่า ต้องรอคำพิพากษาของศาล เพราะตลอดระยะเวลา ๑๐ ปี ธนาคารในฐานะสถาบันการเงินผู้ประกอบวิชาชีพอันเป็นที่ไว้วางใจของประชนชาชน ได้กระทำการอย่างอุกอาจไม่ยำเกรงด้วยการฝ่าฝืนทั้งศีลธรรมและกฎหมายบ้านเมือง โดยไม่ได้อาศัยคำพิพากษาของศาลใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้น ความรับผิดชอบของธนาคาร ในขณะเวลาที่ต้องคืนเงินแก่ผู้บริโภค คือมูลนิธิทั้งสอง ก็ไม่ควรอาศัยคำพิพากษามาเพื่อประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว ทั้งนี้ การถอนเงินและการทำธุรกรรมกับบริษัทลูกมีหลักฐานปรากฏชัดแจ้งอยู่แล้วว่า เงินของมูลนิธิทั้งสองถูกถอนออกไปวันเวลาใด จำนวนเท่าไหร่และทำธุรกรรมประเภทไหน อย่างไร ดังนั้น การเรียกร้องให้ธนาคารฯ คืนเงินแก่มูลนิธิโดยเร็วโดยไม่ต้องรอคำพิพากษาของศาลจึงหาใช่เป็นการกระทำที่ปราศจากเหตุผลไม่

๒.หากธนาคารแห่งประเทศไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ได้ ขอได้โปรดแจ้งแก่มูลนิธิเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อจะได้ดำเนินการต่อไปทั้งในทางกฎหมายปกครองและดำเนินมาตรการทางสังคมต่อไป

ขณะที่ในช่วงเช้า คณะลูกศิษย์หลวงปู่  มหาวีโร กรรมการมูลนิธิ และทนายความ ได้ยื่นหนังสือต่อ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) ผ่านสำนักงาน คปภ.ร้อยเอ็ด เพื่อเรียกร้องเงินคืนเช่นเดียวกัน..

Leave a Reply