“หญิงรับจ้างสึกพระ” สมัย “พุทธกาล” ก็มี??

วันที่ 22 กรกฏาคม 2568 เพจ ” ธรรมะในพระไตรปิฎก” เปิดเผยข้อมูลพระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฎราชวิทยาลัย เล่ม 43 หน้า 512 – 518 เล่าเรื่อง “หญิงรับจ้างสึกพระ” ว่า มีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อสุนทรสมุทร เกิดในตระกูลใหญ่ มีสมบัติ 40 โกฏิ (1 โกฏิ = 10 ล้าน) อาศัยอยู่ในกรุงสาวัตถี วันหนึ่งเขาได้ฟังธรรมที่วัดพระเชตวันแล้วอยากบวชมาก จึงขออนุญาตบิดามารดา แต่ท่านทั้งสองไม่อยากให้บวช ต้องการให้ครองเรือนเนื่องจากที่บ้านมีสมบัติมาก แต่ไม่อาจห้ามลูกชายได้จึงอนุญาตให้บวชโดยไม่ค่อยเต็มใจนัก

วันหนึ่ง มารดาของท่านนั่งร้องให้เพราะคิดถึงพระลูกชาย โสเภณีคนหนึ่งมาเห็นเข้าจึงสอบถามสาเหตุ เมื่อทราบแล้ว นางจึงถามว่า ถ้าดิฉันทำให้ท่านสึกได้ คุณแม่จะให้อะไร ? แก่ดิฉัน.

มารดาของพระสุนทรสมุทร กล่าวว่า พวกฉันจะทำเจ้าให้เป็นเจ้าของขุมทรัพย์ตระกูลนี้.
หญิงนั้นกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นคุณแม่จงให้ค่าจ้างแก่ดิฉันบางส่วนก่อน”

เมื่อนางได้ค่าจ้างแล้วจึงไปกรุงราชคฤห์ ตรวจดูเส้นทางที่พระสุนทรสมุทรบิณฑบาตแล้วไปพักอยู่ในเรือนหลังหนึ่ง จัดเตรียมอาหารอย่างประณีตไว้แต่เช้าตรู่ เมื่อพระสุนทรสมุทรมาบิณฑบาตจึงใส่บาตรท่าน ผ่านไป 3 วัน นางนิมนต์ว่า “ท่านเจ้าข้า ขอท่านจงนั่งฉันที่นี่แหละ”
นางนิมนต์พระเถระให้นั่งฉันที่ระเบียงบ้าน 3 วัน ต่อมานางเอาขนมให้เด็กๆแถวนั้นแล้วพูดว่า “พวกเจ้าจงมาในเวลาที่พระเถระมาฉันภัตตาหาร แม้ฉันห้ามอยู่พวกเจ้าก็จงคุ้ยธุลีให้ฟุ้งขึ้น” วันรุ่งขึ้นเด็กๆก็ทำตามนั้น

นางจึงเรียนพระเถระว่า “แม้ดิฉันห้ามอยู่พวกเด็กๆก็ไม่เชื่อฟัง ยังคุ้ยธุลีให้ฟุ้งขึ้นในที่นี้ ขอท่านเข้าไปนั่งในเรือนเถิด” เมื่อผ่านไป 3 วัน นางเกลี้ยกล่อมเด็กๆอีกว่า “แม้ถูกฉันห้ามอยู่ พวกเจ้าก็จงทำเสียงอึกทึกในเวลาที่พระเถระฉัน” เด็กเหล่านั้นก็ทำอย่างนั้น

วันต่อมานางกล่าวว่า “ท่านเจ้าข้า ในที่นี้มีเสียงอึกทึกเหลือเกิน แม้ดิฉันห้ามอยู่พวกเด็กก็ไม่ฟัง นิมนต์ท่านขึ้นไปนั่งฉันบนปราสาทชั้น 7 เถิด” เมื่อพระเถระขึ้นไปแล้ว นางก็ปิดประตูทุกบาน แล้วเข้าไปหาพระสุนทรสมุทร แสดงมารยาหญิงหลายวิธีเพื่อยั่วยวนท่าน

ในบรรดามารยาหญิงนั้นโดยทั่วไปมี 40 วิธี ดังนี้ คือ ทำสะบัดสะบิ้ง, ก้มลง, กรีดกราย, ชมดชม้อย, เอาเล็บดีดเล็บ, เอาเท้าเหยียบเท้า, เอาไม้ขีดแผ่นดิน, ชเด็กขึ้น, ลดเด็กลง, เล่นเอง, ให้เด็กเล่น, จูบเอง,

ให้เด็กจูบ, รับประทานเอง, ให้เด็กรับประทาน, ให้ของเด็ก, ขอของคืน, ล้อเลียนเด็ก, พูดดัง, พูดค่อย, พูดคำเปิดเผย, พูดลี้ลับ, ฟ้อน ขับ ประโคม ร้องไห้ เยื้องกราย แต่งตัว, ซิกซี้, จ้องมองดู, สั่นสะเอว, ยังของลับให้ไหว, ถ่างขา, หุบขา, แสดงถัน, แสดงรักแร้, แสดงสะดือ, ขยิบตา, ยักคิ้ว, เม้มริมฝีปาก, แลบลิ้น, เปลื้องผ้า, นุ่งผ้า, สยายผม และเกล้าผม

จากนั้นได้กล่าวว่า “ท่านก็เป็นชายหนุ่มสำหรับดิฉัน และดิฉันก็เป็นหญิงสาวสำหรับท่าน, เราทั้งสองแก่แล้ว มีไม้เท้าไปข้างหน้าจักบวช”
ความสังเวชใหญ่ได้เกิดขึ้นแก่พระเถระ ท่านคิดว่า “โอหนอ ! กรรมที่เราไม่ใคร่ครวญแล้วทำ หนัก” ในขณะนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับนั่งอยู่ที่วัดพระเชตวัน ห่างไปประมาณ 45 โยชน์ ทรงเห็นเหตุการณ์นั้นแล้วทรงแย้ม.

พระอานนท์ทูลถามพระองค์ว่า “อะไรหนอแล? เป็นเหตุเป็นปัจจัยแห่งการแย้ม” พระพุทธองค์ตรัสว่า อานนท์ สงครามของภิกษุชื่อสุนทรสมุทรและของหญิงแพศยา กำลังเกิดขึ้นบนพื้นปราสาทชั้น 7 ในกรุงราชคฤห์.

พระอานนท์ทูลถามว่า ความชนะจักมีแก่ใคร? ความปราชัยจักมีแก่ใคร? พระเจ้าข้า. พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “อานนท์ ความชนะจักมีแก่สุนทรสมุทร ความปราชัยจักมีแก่หญิงแพศยา” จากนั้นทรงแผ่พระรัศมีไปให้พระสุนทรสมุทรเห็นพระองค์แล้วตรัสว่า “โยธะ กาเม ปะหันตะวานะ อะนาคาโร ปะริพพะเช กามะภะวะปะริกขีณัง ตะมะหัง พฺรูมิ พฺราหฺมะณัง. แปลว่า บุคคลใดละกามทั้งหลายในโลกนี้แล้ว เป็นผู้ไม่มีเรือน งดเว้นเสียได้ เราเรียกบุคคลนั้นผู้มีกามและภพสิ้นแล้วว่า เป็นพราหมณ์ (เป็นพระอรหันต์)”

เมื่อพระสุนทรสมุทรเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและได้ฟังพระคาถานั้น ท่านก็มีใจสงบนิ่งไปตามลำดับ ในเวลาจบพระธรรมเทศนา ก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้วเหาะทะลุช่อฟ้าไปกราบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่วัดพระเชตวัน

คำอธิบาย และอ้างอิง

1. ผู้หญิงไม่ได้มีมารยาและใช้มารยาอย่างนี้ทุกคน ผู้ที่ใช้มารยาเหล่านี้เป็นผู้ที่ยังมีกรรมกาเมฯอยู่มาก แต่ผู้ที่มีกรรมเบาบางแล้ว จะมีศรัทธา รักบุญกลัวบาป จะตั้งใจสั่งสมบุญเพื่อความบริสุทธิ์หลุดพ้นอย่างเต็มกำลัง
2. ผู้ที่ใช้มารยาหรือใช้กลอุบายล่อลวงและสึกพระภิกษุที่ตั้งใจบวชจนสำเร็จ ได้บาปมาก ก่อนตายหากใจเศร้าหมองเพราะกรรมนี้จะไปอบายยาวนานและทุกข์ทรมานมาก เมื่อพ้นกรรมมาเกิดเป็นมนุษย์แล้วจะอายุสั้น เพราะพระภิกษุที่ตั้งใจบวชคือผู้สืบทอดอายุพระพุทธศาสนา การสึกพระภิกษุเป็นการตัดอายุพระพุทธศาสนา
ส่วนผู้ที่เป็นเจ้าภาพงานบวชหรือสนับสนุนโครงการบวช หรือ บวชเอง เมื่อบุญนี้ส่งผลจะทำให้มีอายุยืน เพราะได้สืบทอดอายุพระพุทธศาสนา จะได้เกิดในร่มเงาพระพุทธศาสนาไปยาวนาน ละโลกแล้วเมื่อนึกถึงบุญนี้ได้ก็จะไปสุคติยาวนาน
3. พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฎราชวิทยาลัย เล่ม 43 หน้า 512 – 518.
——————————
ที่มา ธรรมะในพระไตรปิฎก

Leave a Reply