“สมเด็จพระมหาธีราจารย์” เปิดงาน “อ.ป.ต.” สมุทรสาคร ย้ำ!! การสร้างความมั่นคงและสันติสุขแก่ชุมชนต้องร่วมมือร่วมใจกัน!!

วันที่ 24 กรกฏาคม 2568 ที่วัดหลักสี่ราษฎร์สโมสร ต.ยกกระบัตร อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ ในฐานะประธานกรรมการอบรมประชาชนกลาง (อ.ป.ต.)  เป็นประธานเปิดนิทรรศการการแสดงผลงานหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล (อ.ป.ต.) ของจังหวัดสมุทรสาคร  เนื่องในสัปดาห์เทิดพระเกียรติพระมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมี พระพรหมเสนาบดี ที่ปรึกษามหาเถรสมาคม พระเทพสาครมุนีที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 14  พระราชวชิรโมลี รก.การแทนเจ้าคณะภาค 14  พระราชวัชรสาครคณี เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร พระรามัญมุนี เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร (ธ) พร้อมด้วยพระสังฆาธิการ คณะสงฆ์ และภาคข้าราชการ ผู้บริหารท้องถิ่น กำนันผู้ใหญ่บ้าน และตัวแทนหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลประมาณ 40 ตำบล มาร่วมจัดแสดงนิทรรศการ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก

สมเด็จพระมหาธีราจารย์ ได้กล่าวตอนหนึ่งว่า ในฐานะประธานกรรมการอบรมประชาชนกลาง ของมหาเถรสมาคม ขออนุโมทนาชื่นชม ต่อคณะสงฆ์จังหวัดสมุทรสาคร และส่วนราชการจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งมีกุศลสมานฉันท์ร่วมกันประสานพลังบวร ผ่านกระบวนการพหุภาคี ดำเนินการส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินงานหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลให้เป็นศูนย์กลางของชุมชน มาอย่างต่อเนื่องเป็นรูปธรรมด้วยดีตลอดมาในสถานการณ์ปัจจุบัน วัดที่มีความพร้อม พึงร่วมกันสงเคราะห์ เกื้อกูล ชุมชนรอบวัด ผ่านกิจกรรมหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล   ประสานพลังบวร พหุภาคี ร่วมกันสงเคราะห์ เกื้อกูลชุมชนผ่านงานสาธารณสงเคราะห์ ช่วยเหลือเยียวยา ผู้ป่วยติดเตียงผู้เปราะบาง ส่งเสริมให้พระภิกษุสามเณร มีทักษะในการเผยแผ่ สงเคราะห์ประชาชนด้วยการให้ธรรมะ แสดงธรรมในการบำเพ็ญกุศลต่างๆ จัดการศึกษาสงเคราะห์ จัดพื้นที่ในวัดให้เป็นอาวาสสัปปายะ จัดกิจกรรมเข้าวัดวันอาทิตย์ ใกล้ชิดพระรัตนตรัย รักษาศีล ปฏิบัติธรรม แก่คนทุกกลุ่มวัย เป็นต้น

“ท่านทั้งหลาย การจะช่วยกันทำให้อุบาสก อุบาสิกา สาธุชน เด็ก เยาวชน มีศรัทธาในพระรัตนตรัย มีความมั่นคง ในพระบวรพุทธศาสนา หรือทำให้คนรอบวัด มีความรักวัด และช่วยกันดูแลวัดในท้องถิ่นนั้นๆ พระสงฆ์และพุทธศาสนิกชน ต้องร่วมกันสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เกี่ยวกับคำสอน ธรรมะ และวัตรปฏิบัติพร้อมทั้งปรับปรุงแก้ไข สิ่งที่ทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดี เพื่อให้วัดเป็นศูนย์รวมจิตใจ เป็นที่พึ่งทางปัญญาจักเป็นแนวทางในการเผยแผ่ธรรมะอย่างแท้จริงการทำงานหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลนั้นประกอบด้วยคนหลายวัย หลายความคิด หลายหน้าที่ซึ่งทั้งหมด จะต้องอาศัยซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ว่าคนหนึ่งคนใดจะอยู่ได้โดยลำพัง..”

พร้อมกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า  ท่านทั้งหลาย งานคณะสงฆ์ตามภารกิจทั้ง 6 ด้าน ที่เราช่วยกันดำเนินการอยู่ในปัจจุบันนี้ โดยเฉพาะงานสาธารณสงเคราะห์ อาจจะมองว่า เป็นเพียงงานการกุศล หรืองานอาสาสมัคร ที่เน้นเยียวยา ความเดือดร้อนเฉพาะหน้า แต่ความจริงแล้ว งานสาธารณสงเคราะห์นั้น มีบทบาท ที่ลึกซึ้ง และเฉพาะเจาะจงมากกว่านั้นโดยเฉพาะ การทำงานกับกลุ่มเปราะบางที่ต่อเนื่อง มากกว่าการเยียวยาเฉพาะจุด หรือช่วยบรรเทาปัญหาชั่วคราว แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาหลัก ในระยะยาวได้  การทำงานด้วยความรู้ ความสามารถ ด้วยความตั้งใจและเอาใจใส่ศึกษานั้น เป็นการพัฒนาศาสนบุคคล ให้มีคุณภาพสูงขึ้นโดยแท้ และศาสนบุคคลที่มีคุณภาพอันพัฒนาแล้วย่อมสามารถ จะพัฒนางานส่วนรวม ของคณะสงฆ์และสังคมให้เจริญก้าวหน้าได้ดังประสงค์

“การที่จะทำงานเพื่อความมั่นคงและสันติสุขแก่ชุมชน สังคม ประเทศชาตินั้น มิใช่ว่าจะก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตนเท่านั้น จะต้องมีความร่วมมือ ปรานสัมพันธ์กันระหว่างหน่วยงาน ทุกหน่วย เพื่อให้งานก้าวหน้าไปพร้อมเพรียงกัน ซึ่งโดยที่สุดแล้ว วัดและพระสงฆ์ จักเป็นที่พึ่งทางปัญญาแก่สังคม สามารถให้คำแนะนำ ในสิ่งที่เป็นประโยชน์สุขแก่ประชาชนได้ ฉะนั้น การส่งเสริม การพัฒนา หน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลให้มีประสิทธิภาพ นับเป็นการพัฒนาคน และสังคมให้มีความสุขร่วมกัน เป็นการสร้างประโยชน์ และความยั่งยืนของวัด ชุมชน สังคม ประเทศชาติ โดยบูรณาการผ่านกิจกรรมทั้ง 8 ด้าน ของหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล..”

ด้าน พระราชวัชรสาครคณี เผยว่า การจัดนิทรรศการการแสดงผลงานหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล หรือ “อ.ป.ต.” ริ่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2561 แล้ว ขณะที่ตนเองดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอบ้านแพ้ว เพื่อกระตุ้นให้คณะสงฆ์และชาวบ้านมีแรงบันดาลในการทำงาน และทั้งเพื่อให้ประชาชนประจำตำบลนั่น ๆ ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับคณะสงฆ์ในการขับเคลื่อนภารกิจ 8 ประการ ของ อ.ป.ต.

“ทุกวันนี้กิจกรรมหลัก ๆ ที่เน้นที่คือความสามัคคี ซึ่งเป็น 1 ใน 8 ของเป้าหมายของ อ.ป.ต. ที่วัดหลักสี่ราษฎรสโมสร เรามีประชุมร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกเดือน ซึ่งเครือข่ายที่มาร่วมมีทั้งตัวแทนภาคราชการ กำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารท้องถิ่น  พระสงฆ์ เอกชน และตัวแทนภาคประชาชน มีอะไรปรึกษาหารือกัน มีอะไรเกื้อหนุนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อย่างคณะสงฆ์เราร่วมกับภาคีเครือข่ายลงพื้นที่เยี่ยมประชาชนผู้สูงอายุบ้าง ผู้ป่วยติดเตียงบ้าง พร้อมมอบอุปกรณ์ยังชีพ อันนี้คือสิ่งที่คณะสงฆ์จังหวัดสมุทรสาครเราทำมาต่อเนื่อง..”

หน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล มีชื่อย่อเป็นทางการว่า อ.ป.ต. เป็นหน่วยเผยแผ่พระพุทธศาสนาตัวอย่างในระดับตำบลของคณะสงฆ์ไทย ภายใต้การกำกับของมหาเถรสมาคม ก่อตั้งครั้งแรกในปี พ.ศ. 2518 โดยใช้สถานที่อันเป็นวัดที่ตั้งของเจ้าคณะปกครองคณะสงฆ์ระดับตำบล หรือวัดที่มีความพร้อมในการเผยแพร่พระพุทธศาสนาในตำบลนั้น ๆ เป็นที่ตั้งหน่วย ปัจจุบันหน่วย อ.ป.ต. มีจำนวนกว่า 5,922 หน่วย กระจายอยู่ในเกือบทุกตำบลในประเทศไทย

หน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2518 โดยดำริของ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น ชุตินฺธโร) อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นผู้เสนอโครงการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในระดับตำบลต่อที่ประชุมมหาเถรสมาคม และมหาเถรสมาคมได้มีมติเห็นชอบ โดยได้มีการตราระเบียบมหาเถรสมาคม ว่าด้วยการตั้งหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล พ.ศ. 2518 ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ให้พระสงฆ์เป็นผู้นำในการเผยแพร่พระพุทธศาสนา โดยใช้วัดเป็นศูนย์กลางในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ของชุมชน เพื่อช่วยประชาชนให้สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ตามสมควรในด้านต่าง ๆ ตามกรอบการดำเนินงานที่กำหนดไว้ 8 ด้าน คือ 1.ศีลธรรมและวัฒนธรรม2.สุขภาพอนามัย 3.สัมมาชีพ 4.สันติสุข 5.ศึกษาสงเคราะห์ 6. สาธารณสงเคราะห์ 7.กตัญญูกตเวทิตาธรรม และ 8.  สามัคคีธรรม

Leave a Reply