ต้นกำเนิด : ซานต้าคลอส ชายอ้วนผู้ส่งความสุข

นายจงเจริญ ล้มเกิด นักศึกษาชั้นปีที่ 3

โครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา ม.ธรรมศาสตร์

วันที่ 25 ธันวาคมของทุกปีทุกประเทศทั่วโลกจะจัดงานสำคัญคือ “งานวันคริสต์มาส” ซึ่งนับว่าเป็นเทศกาลที่สร้างความสุขให้กับผู้คนมานานหลายปีซึ่งบุคคลสำคัญของเทศกาลคริสต์มาสคงหนีไม่พ้ชายชรารูปร่างอ้วนใหญ่ใส่ชุดสีแดงที่นำของขวัญไปแจกจ่ายให้กับเด็ก ๆ เขาคนนั้นคือ “ซานต้าคลอส” นับว่าเป็นบุคคลที่มีอิทธิต่อเด็กทั่วทั้งโลก แต่แท้จริงแล้วเรื่องราวของซานต้าคลอสนั้น มีความเป็นมาที่ผู้อ่านบางท่านอาจยังไม่ทราบ ซึ่งจะถูกเปิดเผยในบทความฉบับนี้

คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวของซานต้าคลอสหรือจะเรียกได้ว่าเป็น “เจ้าพ่อวันคริสต์มาส” นั้นคือท่าน “เซนต์นิโคลัส ” ซึ่งเป็นบาทหลวงที่อาศัยอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 4 ในสถานที่ที่เรียกกันว่า Myra ซึ่งปัจจุบันคนเรียกกันว่า “ตุรกี”    ท่านเซนต์นิโคลัสนับว่าเป็นบุคคลที่มีฐานะร่ำรวยมาก เพราะพ่อแม่ของเขานั้นมีมรดกให้กับเขาจำนวนมหาสารแต่เสียดายที่พ่อแม่ของเขากลับเสียชีวิตเสียก่อนท่านเซนต์นิโคลัสเป็นคนที่มีนิสัยดีและมีชื่อเสียงอย่างมากในการช่วยเหลือเด็กที่ยากจนและชอบมอบของขวัญให้กับเด็กๆซึ่งของขวัญที่มอบแต่ละชิ้นนั้นล้วนเป็นของขวัญที่เป็นปริศนาให้พวกเด็กๆที่ได้รับต่างเดากันว่าของในกล่องของขวัญนั้นคืออะไร

หนึ่งในเรื่องราวที่โด่งดังที่สุดที่เกี่ยวข้องกับท่านเซนต์นิโคลัสคือ “การแขวนถุงเท้าหรือถุงน่อง” ที่ภายในจะมีของขวัญอยู่ซึ่งเรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้คือ

” เรื่องราวที่เกิดขึ้นครั้งแรกที่เกี่ยวกับการแขวนถุงเท้า เรื่องราวของชายยากจนคนหนึ่งที่มีลูกสาวสามคน ซึ่งชายผู้นั้นยากจนมากและไม่มีเงินมากพอที่จะเป็นค่าสินสอดสำหรับลูกสาวเขา (สินสอดในที่นี้คือต้องให้สินสอดกับฝ่ายชาย)  ในค่ำคืนวันหนึ่งท่านเซนต์นิโคลัสได้แอบเดินขึ้นไปบนปล่องไฟบ้านของชายผู้ยากจนคนดังกล่าวและเขาได้แอบใส่ทองคำลงในปล่องไฟ ซึ่งในขณะนั้นเองชายผู้จนได้แขวนถุงน่องเอาไว้ที่ปล่องไฟเพื่อตากถุงน่องนั้นให้แห้ง แต่ทองคำที่หล่นลงไปกลับตกลงไปในถุงน่องนั้นพอดี และเช้าวันต่อมาชายยากจนคนดังกล่าวก็นำทองไปเป็นสินสอดให้กับลูกสาว ซึ่งต่อมาหลายครั้งก็ยังมีทองหล่นลงมาจากปล่องไฟจนสามารถเอาไปเป็นสินสอดให้กับลูกคนที่สองได้ ชายจึงเริ่มคิดอยากจะรู้ว่าใครเป็นผู้มอบทองดังกล่าวให้เขา คืนหนึ่งเขาได้ซ่อนอยู่เพื่อดูปล่องไฟซึ่งจากนั้นก็มีทองตกลงมาในปล่อง เขาจึงเดินออกนอกบ้านและมองไปที่หลังคา เขาก็พบว่าคนที่มามอบทองให้เค้าคือ ท่านเซนต์นิโคลัส แต่ท่านเซนต์นิโคลัสขอร้องชายคนดังกล่าวว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับใคร เพราะไม่อยากให้คนมาสนใจว่าใครเป็นคนมอบทองคำให้ แต่ไม่นานชาวบ้านก็เริ่มรู้ว่าคนที่มอบทองให้เขาคือ ท่านเซนต์นิโคลัส…”

แต่ท้ายสุดแล้วนั้นในช่วงการเบียดเบียนคริสต์ศาสนิกชนในจักรวรรดิโรมัน คือ โรมัน คริสต์ศาสนิกชน ถูกทำร้ายโดยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเป็นช่วง ๆ นอกจากนั้นในบางครั้งก็ยังมีการเบียดเบียนไปทั่วทั้งจักรวรรดิโดยคำสั่งโดยตรงจากรัฐบาลกลางในกรุงโรมและมีการมรณสักขี จึงทำให้เซนต์นิโคลัสถูกเนรเทศจาก Myra และ ถูกประหารชีวิตโดยจักรพรรดิดิออเกลติอานุส แต่ไม่มีผู้ใดทราบว่าเขาถูกประหารชีวิตเมื่อไหร่ แต่คาดว่าน่าจะเป็น วันที่ 6 ธันวาคมในช่วงปีคริสศตวรรษที่ 345 หรือ 352 โดยในปี 1087 กระดูกของเขาขโมยจากตุรกีโดยนักเดินเรือชาวอิตาลี ปัจจุบันกระดูกของท่านเซนต์นิโคลัสถูกเก็บรักษาไว้ในโบสถ์ที่ชื่อว่าโบสถ์นิโคลัสในประเทศอิตาลี

แม้ว่าท่านเซนต์นิโคลัสจะเสียชีวิตไปแล้วแต่เรื่องราวของท่านก็ถูกปรับแต่งมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทุกคนจะรู้จักท่านในนามของซานต้าคลอสชายผู้ส่งความสุขไปทั่วโลก โดยเรื่องราวตำนานที่เล่ามาข้างต้นนั้นบ่งบอกบอกถึงความมีเมตตาของท่านและความกล้าหาญที่จะยืนหยัดทำสิ่งที่ดีให้กับผู้คนซึ่งสิ่งเหล่านี้ที่ท่านได้ทำไม่ได้หายไปไหนแต่กลับกลายมาเป็นเทศกาลที่ทำให้ทุกคนเกือบทั่วทุกมุมโลกมีความสุขอีกทั้งท่านยังคงครองใจเหล่าพวกเด็กๆที่แต่ละคนจะทำตัวดีกับครอบครัว เพื่อรอของขวัญปริศนาจากลุงซานต้าคลอส สิ่งนี้คือสิ่งที่ท่านเซนต์นิโคลัสมอบให้กับโลกในทุกยุคทุกสมัย  Santa claus is coming to town and merry christmas…

******************

 

 

Leave a Reply