วันที่ 21 ธ.ค.2561 เฟซบุ๊ก Phramaha Boonchuay Doojai ได้โพสต์ข้อความว่า ‘สัจจะ+อธิษฐานบารมี : โอกาสดีที่การเมืองสร้างได้’
เช้าวันนี้(21ธ.ค.2561) ปฏิบัติหน้าที่ผู้แทนศาสนาพุทธ ร่วมกับผู้แทนศาสนาหลักในประเทศไทย รวมทั้งผู้สังเกตการณ์จากองค์กรทั้งไทยและต่างชาติ ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนาม “สัญญาที่พรรคการเมืองขอให้ไว้แก่ประชาชน” ของพรรคการเมืองที่จดทะเบียนกับ กกต. พร้อมเข้าสู่การเลือกตั้ง ณ โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร ซึ่งจัดขึ้นโดยสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล และมูลนิธิสันติภาพและวัฒนธรรม เพื่อให้การหาเสียงเลือกตั้งเป็นกระบวนการที่มีจรรยาบรรณ และให้การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งเป็นไปโดยเคารพเสียงและความต้องการของประชาชน
สาระสำคัญของข้อสัญญาที่แต่ละพรรคได้ร่วมลงนามนั้น พรรคการเมืองจะปฏิบัติตามจรรยาบรรณตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ โดยก่อนเลือกตั้ง จะไม่มีการซื้อเสียง หาเสียงด้วยวิธีสันติ เคารพสิทธิพรรคการเมืองโดยปลอดจากความหวาดกลัว ส่วนหลังการเลือกตั้ง พรรคการเมืองที่จะร่วมจัดตั้งรัฐบาล จะต้องนำนโยบายที่หาเสียง มาจัดทำนโยบายร่วมกันก่อนการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี สนับสนุนพุดคุยสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ให้ท้องถิ่นมีอำนาจตัดสินใจการบริหารด้วยตนเอง ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
“สัญญาที่พรรคการเมืองขอให้ไว้แก่ประชาชน”
ในโอกาสการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 โดยที่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยมาจากการเห็นชอบของประชาชน ซึ่งแสดงออกผ่านการเลือกตั้งที่เสรี สุจริต และเที่ยงธรรม
ในการนี้ รัฐ ซึ่งหมายรวมถึงรัฐบาลและคณะกรรมการการเลือกตั้งจะต้องไม่ปิดกั้นเสรีภาพ เปิดให้ การสังเกตการณ์การเลือกตั้งอย่างกว้างขวาง และต้องปฏิบัติต่อพรรคการเมืองทุกพรรคตามกฎหมาย และกฎระเบียบอย่างเท่าเทียมกัน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องหวงแหนสิทธิการเลือกตั้งของตนและใช้สิทธินี้ หลังจากที่ได้ไตร่ตรองอย่างดีที่สุด และที่สำคัญพรรคการเมืองต้องมีน้ำใจนักกีฬาและแข่งขันกันอย่างยุติธรรม
ในโอกาสการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมาถึงในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 เพื่อให้การหาเสียงเลือกตั้งเป็นกระบวนการที่มีจรรยาบรรณ และให้การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งเป็นไปโดยเคารพเสียงและความต้องการของประชาชน พรรคการเมืองจึงได้จัดทำ “สัญญาที่พรรคการเมืองขอให้ไว้แก่ประชาชน” ฉบับนี้ขึ้น และขอให้คำมั่นว่าจะปฏิบัติตามสัญญาที่ลงนามร่วมกันนี้อย่างเคร่งครัดและจริงใจ
ก่อนการเลือกตั้ง พรรคการเมืองขอให้สัญญาว่าจะปฏิบัติตามจรรยาบรรณการหาเสียงเลือกตั้ง ดังนี้
1) จะปฏิบัติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ กฎหมายเลือกตั้ง และกฎระเบียบของคณะกรรมการ การเลือกตั้งที่กำหนดขึ้นตามหลักนิติธรรม และตามมาตรฐานสากล
2) จะไม่กระทำการใด ๆ ที่เป็นการซื้อเสียง จะไม่ใช้และพร้อมที่จะต่อต้านการใช้กลไกหรือ ทรัพยากรของรัฐ เพื่อประโยชน์ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงเลือกตั้ง
3) จะรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งด้วยสันติวิธี และไม่ใช้ความรุนแรงใด ๆ
4) จะไม่ใช้ถ้อยคำและภาษาที่ร้อนแรง จะไม่ให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะไม่ใช้การข่มขู่ และไม่ใช้วาจาที่ปลุกเร้าให้เกิดความรุนแรง
5) จะเคารพสิทธิของพรรคการเมืองทุกพรรคที่จะรณรงค์หาเสียงโดยปราศจากความหวาดกลัวและการถูกข่มขู่ และขอยืนยันว่าจะไม่ไปก่อกวนการรณรงค์หาเสียงของพรรคการเมืองใด ๆ
หลังการเลือกตั้ง พรรคการเมืองขอให้สัญญาว่าจะเคารพเสียงของประชาชน และเร่งดำเนินการ เพื่อให้เกิดความสงบสุขและเป็นธรรม ดังนี้
1) พรรคการเมืองที่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลจะต้องมีเสียงสนับสนุนเกินกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
2) พรรคการเมืองที่จะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล จะนำนโยบายที่แต่ละพรรคใช้ในการหาเสียงมาบูรณาการกันอย่างจริงจัง และให้ความสำคัญแก่การจัดทำนโยบายร่วมกันนี้ ในลำดับก่อนการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี
3) จะสนับสนุนให้รัฐจัดให้มีกลไกที่ใช้หลักของความเป็นธรรมในช่วงเปลี่ยนผ่าน เพื่อเสนอแนะ การปรองดอง และเยียวยาผู้เสียหายจากการกระทำของรัฐและการกระทำด้วยเหตุจูงใจทางการเมือง
4) จะสนับสนุนกระบวนการพูดคุยสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ เพื่อให้บรรลุข้อตกลงของการอยู่ร่วมกันด้วยความเคารพซึ่งกันและกัน และอย่างสันติ
5) เพื่อความเป็นธรรมระหว่างการบริหารราชการส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น พรรคการเมืองจะ ดำเนินการให้องค์กรชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีอำนาจการตัดสินใจในเรื่องของท้องถิ่นเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และจะพิจารณาโอนงาน งบประมาณ และบุคลากร จากราชการ ส่วนกลางและส่วนภูมิภาคไปสู่ราชการส่วนท้องถิ่นมากขึ้นอย่างเพียงพอ
พรรคการเมืองเชื่อว่าการปฏิบัติตามสัญญาที่ให้ไว้ในที่นี้ จะมีส่วนช่วยสร้างความเข้มแข็งแก่สถาบันพรรคการเมือง และมีส่วนช่วยสร้างรากฐานที่แข็งแรงแก่ระบอบประชาธิปไตย
ร่วมลงนาม ณ ห้อง บีบี 201 (ชั้น 2) โรงแรมเซ็นทารา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะกรุงเทพฯ ในวันที่ 21 ธันวาคม 2561
อาจมีคนจำนวนไม่น้อย ที่มองว่าพิธีลงนามในครั้งนี้ อาจเป็นเพียงแค่ “พิธีกรรม” ที่อาจไม่เกิดผลจริงตามที่สัญญาไว้ ด้วยเชื่อว่า “ลมปาก” ของนักการเมือง เป็นสิ่งที่เชื่อถือไม่ได้
แต่หากมองปรากฏการณ์ครั้งนี้ด้วยจิตแห่งมนุษย์ผู้มีพื้นฐานของ “ความดีงาม” อยู่ในแต่ละปัจเจกบุคคลแล้วไซร้ ก็ย่อมมีความหวังว่าสัญญาที่ลงนามน่าจะได้รับการใส่ใจและนำไปสู่การปฏิบัติจริงไม่มากก็น้อย เพื่อเพิ่มพูน “สัจจบารมี” ของทั้ง “ปัจเจกนักการเมือง” รวมทั้งของ “พรรคการเมือง” ในการปฏิบัติ “กุศลกรรมหมู่ – collective good karma” ทั้งในช่วงการเลือกตั้งและหลังการเหลือกตั้ง ผ่าน “อธิษฐานบารมี” กล่าวคือการ “ตั้งมั่นในสิ่งที่ถูกต้องหรือเป็นความดี” ทั้งการเปล่งวาจาและลงนามเพื่อให้สัญญาในครั้งนี้
เพราะ ผู้แทนพรรคการเมืองที่มาร่วมพิธีลงนาม มีหน้าที่ + มีการงาน + เปล่งวาจา + ต่อหน้าผู้นำศาสนาและสักขีพยานจำนวนมาก คงไม่ปล่อยสิ่งที่ได้ตั้ง “สัจจะ + อธิษฐาน” ไว้นั้น ผ่านไปโดยไม่คำนึงถึงโอกาสในการสร้าง “บารมี” ของตนเองและของพรรคที่มาถึงมือแล้ว
ขอเป็นกำลังใจให้ “ปัจเจกนักการเมือง” และ “พรรคการเมือง” ได้ใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ในการสร้าง “บารมี” เพื่ออนาคตของประเทศที่สงบ สุข ร่มเย็น เทอญ
Leave a Reply