ดร.สันติศึกษา เสนอวิชาพระพุทธศาสนาเข้มข้น เพิ่มคำสอนศาสนาอื่นเพื่อความเท่าเทียมในสังคมพหุวัฒนธรรม พร้อมเสริมวิชาสันติศึกษา
วันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2565 ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาได้มีกระแสข่าวดังถึงกรณีที่โรงเรียนแห่งหนึ่งได้ออกมาเสนอปรับหลักสูตรการเรียนการสอนให้เปลี่ยนไปตามยุคสมัย และเพื่อให้นักเรียนได้นำความรู้ไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
“โดยส่วนตัวนั้นดิฉันมองว่าเป็นข้อเสนอที่ดี แต่จะขอเสนอเพิ่มเติมว่าหากจะมีการปรับเปลี่ยนสิ่งใด ควรคำนึงอยู่เสมอว่าประเทศไทยมีสถาบันหลักสำคัญของชาติ ประกอบด้วย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจ ที่นำพาประเทศชาติไปสู่ความมั่นคงปลอดภัย และความเจริญก้าวหน้าและเป็นเอกราชมาอย่างช้านาน ดังนั้นหากจะมีการปรับเปลี่ยนหรือพัฒนาหลักสูตรใด ดิฉันขอเสนอให้เริ่มจากวิชาพระพุทธศาสนาก่อน โดยพัฒนาหลักสูตรให้เข้มข้น ให้ความรู้ถึงที่มาที่ไปและแก่นแท้ มีการปฏิบัติธรรม ฝึกสติ และเนื้อหาการเรียนที่เข้าถึงหลักธรรมอย่างเป็นเหตุเป็นผลโดยง่าย สอดรับกับบริบทสังคมไทยในปัจจุบัน จะได้หักล้างข้อคิดที่กล่าวอ้างว่า วิชาพระพุทธศาสนาไม่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ เพราะความเป็นจริงแล้วศาสนาพุทธนับเป็นศาสนาสากลที่อาศัยสติปัญญาและความรู้ที่ถูกต้องเพื่อพ้นทุกข์ หลักธรรมมีเหตุมีผลสามารถอธิบายได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ โดยการตรวจสอบธรรมชาติตามความเป็นจริง ไม่ใช่ความเชื่อความศรัทธาที่กล่าวอ้างลอยๆ” ดร.บุณณดา กล่าวและว่า
ดังนั้นหากมีการเสริมความรู้ด้านพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้งจะเป็นการสร้างสติปัญญาให้กับนักเรียน เมื่อนักเรียนมีสติปัญญาเป็นพื้นฐาน ก็จะนำไปสู่การพัฒนาตนเองและประเทศชาติต่อไป และสิ่งที่ขอเสนอเพิ่มเติมคือการเรียนรู้ศาสนาคริสต์ อิสลาม และศาสนาอื่นๆ เพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจในหลักการและคำสอนของแต่ละศาสนา เพราะทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี แต่อาจมีหลักคิดและวิธีการที่แตกต่างกัน สิ่งเหล่านี้เป็นการสร้างความเท่าเทียมในสังคมพหุวัฒนธรรมอย่างประเทศไทย รวมถึงการเสริมวิชาสันติศึกษาให้เป็นวิชาพื้นฐานในการเรียนการสอน มิใช่เพื่อให้นักเรียนมาสร้างสันติภาพให้กับโลกแต่อย่างใด แต่เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้วิธีการสร้างสันติให้กับตัวเองได้ก่อน (inner peace) เมื่อมีสันติภายในแล้ว การสร้างสันติต่อผู้อื่น สังคม ประเทศชาติ และโลก หรือที่เรียกว่าการสร้างสันติภายนอก (outer peace) จะเกิดขึ้นตามมา และความวุ่นวานขัดแย้งรุนแรงต่างๆ จะลดลง ความสุขสงบจะเกิดขึ้นกับตนเองและสังคมอย่างแน่นอน อย่าให้คำว่าสันติที่เราได้ยินบ่อยๆ เป็นเพียงแค่คำพูดโลกสวย ถึงเวลาที่ต้องปลูกฝังอย่างจริงจัง เพื่อเป็นการแก้ปัญหาความแตกแยกและขัดแย้งในสังคมที่ต้นเหตุ
Leave a Reply