ลุ้น!! คำขอ 3 เรื่อง :สำเร็จหรือไม่??  

   “กิจการพระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์อันไหนไม่ถูกต้องต้องทำให้ถูกต้อง,ต่อไปคณะสงฆ์จะทำอะไรหรือจะเสนออะไร ต้องเป็นไปตามระเบียบขั้นตอนพระวินัย,กฎหมายและจารีตประเพณี  และ องค์กรมหาเถรสมาคมควรเป็นที่พึ่งเป็นที่ตั้งศรัทธาของคณะสงฆ์และชาวพุทธได้อย่างแท้จริงอย่าให้พระหนุ่มเณรน้อยชาวพุทธด้อยค่าว่าเป็นเพียงแค่ “ตรายาง” 

“เปรียญสิบ” ได้ยิน “คำขอ” ข่าวลือสะพัดข่าวหนาหูมาแบบนี้ ในลักษณะที่ว่าขอให้ “รัฐบาลและมหาเถรสมาคม” ไปดำเนินการแก้ไขปัญหาวิกฤตศรัทธาที่เกิดขึ้นในสถาบันสงฆ์ในรอบหลายปีมานี้ ให้เรียบร้อย เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกระทบสะเทือนต่อความมั่นคงของชาติยังหลีกเลี่ยงไม่ได้

“เปรียญสิบ” ชี้เป้ามาตลอดว่าประเทศไทยพลเมืองส่วนใหญ่นับถือพุทธศาสนา  “พระพุทธศาสนาอยู่ได้ ทุกสถาบันอยู่รอด” สถาบันสงฆ์วิกฤติ มันจะไปกระทบกับสถาบันหลักของชาติด้วยยังหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผลกระทบมันจะกินวงกว้างและลามไปไม่อยู่ โดยเฉพาะคนยุคใหม่ มักไม่เชื่อใน “การทำความดี”  และไม่เชื่อ “คนดี” มีอยู่จริงในสังคมพุทธแบบไทย

แม้แต่พระสงฆ์ยุคนี้ก็มีผู้คนจำนวนไม่น้อยมองว่าเป็น “กาฝาก” สังคม เอาเปรียบสังคม “บวชแล้วรวย” หรือแม้กระทั้ง “ผ้าเหลือง” ไม่สามารถให้ “คนกลายเป็นคนดี” ได้

อันนี้ไม่ต้องไปพูดถึงหลักธรรมเรื่อง “ทศพิธราชธรรม” ความเชื่อ “สมมติเทพ” หรือแม้กระทั้งหลักความเชื่อเรื่อง “พระโพธิสัตว์” จุติมาเกิด

ตั้งแต่รัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำเนินการผิดพลาดไปจับกุมพระมหาเถระระดับมหาเถรสมาคม 3 รูป ลองพิจารณาดูว่า ส่งผลดีต่อพระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์อย่างไรบ้าง

ทุกวันนี้ศูนย์กลางการศึกษาบาลีแห่งวัดสามพระยาของ “พระมหาเอื้อน” ซึ่งเคยเป็น “ตักศิลา” เป็นศูนย์กลางการศึกษาบาลีระดับประโยค 7-9 มีพระเณรจากต่างจังหวัดมาอาศัยเรียนช่วงเข้าพรรษา

ถามว่าทุกวันนี้เป็นอย่างไร ??

เคยเป็นสถานที่อบรม “พระอุปัชฌาย์” เป็นที่อบรม “พระสังฆาธิการ” เจ้าอาวาสใหม่  ทุกวันนี้ ศาลาหอพัก โรงเรียนพระปริยัติธรรม มีแต่  “หยากไย่และขี้ฝุ่น”

ทุกวันนี้องค์กรพระธรรมทูต แสดงผลงานให้ดูหน่อยว่า มีอะไรเป็น “รูปธรรม”  เป็นชิ้นเป็นอันบ้าง

คำยกย่องของนานาชาติว่า “ประเทศไทยศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก”  กลายเป็นอดีตไปแล้ว

หรือแม้กระทั้งงานขับเคลื่อนกิจการคณะสงฆ์ลองหลับตาตั้งสติแล้วนึกดูว่า ตั้งแต่จับกุมพระมหาเถระเหล่านี้แล้ว..มีอะไรดีขึ้นบ้าง

มีแต่ลงเหลว!!

ไม่แปลกจึงเกิดข่าวลือว่า ขอให้รัฐบาลและมหาเถรสมาคมไปดำเนินการ 3 เรื่องดังกล่าวข้างต้น ให้เรียบร้อย โดยเฉพาะ “คดีเงินทอนวัด” หากไม่ผิดก็ต้องทำให้ถูก กรณีถอดถอนเจ้าคณะจังหวัด 3 จังหวัด หากไม่ถูกต้องก็ไปทำให้มัน “ถูกต้อง”  โดยให้ยึดพระวินัย กฎหมายสงฆ์และจารีตประเพณี เป็นที่ตั้ง

จึงไม่แปลกตอนหลัง ๆ มานี้ จึงเกิดเหตุการณ์

@  ตั้งอดีตเจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทราเป็น “ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัด”

พระครูเล็กลาออก ตอนนี้ก็เหลือแต่ว่า คณะสงฆ์ธรรมยุตจะแก้ปัญหาอย่างไร เพราะล่าสุดหนังสือค้างอยู่ที่เจ้าคณะภาค 9 ธรรมยุต

@  ส่วนคดีเงินทอนวัด คดียังค้างอยู่ที่ศาล

@  มหาเถรสมาคม เสนอชื่อเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ตอนนี้เรื่องคงถูกแช่งแข็ง เพราะหากเป็นไปตามนั่นมันยิ่งสร้างรอยร้าวในคณะสงฆ์และชาวพุทธ

แม้แต่..กรณีนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ยอมตอบคำถามของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเหตุผล “ถอดถอนสมณศักดิ์” ที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญตามมาตรา 29 วรรค 2 หลังเลื่อนตอบมาแล้ว 2 ครั้ง  ที่เลี่ยงคงหาคำตอบยาก เพราะตอนถอดสมณศักดิ์ มันไม่มี พระวินัย กฎหมาย รองรับ

เอาเป็นว่าต่อจากนี้ไปให้พระภิกษุหนุ่มเณรน้อย รวมทั้งชาวพุทธต้องจับตาดูว่า คำขอทั้ง 3 เรื่องนี้จะสำเร็จหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาทั้งเรื่องเงินทอนวัดและเรื่องกรณีปลด 3 เจ้าคณะจังหวัด มีคนอ้างเยอะ!!

คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย…“เปรียญสิบ” : [email protected]

Leave a Reply