“ปลัดเก่ง” ชวนชมบูธมหาดไทยปันสุขปันบุญ ปันอิ่มจากผลิตผล “โคกหนองนา” งาน SX 2022 “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก” ศูนย์สิริกิติ์

เมื่อวันอังคารที่ 27 กันยายน 2565 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกิจกรรมมหาดไทยปันสุขของกระทรวงมหาดไทย ในงาน Sustainability Expo 2022 หรือ SX 2022 มหกรรมความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน ในแนวคิด “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก” (Sufficiency for Sustainability) สร้างสมดุลที่ดีเพื่อโลกที่ดีกว่า จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 กันยายน ถึง 2 ตุลาคม 2565 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ว่า ขณะนี้ได้รับผลิตผลจากแปลง โคก หนอง นา และผลผลิตอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมากมาจากภาคีเครือข่ายของกระทรวงมหาดไทยทั่วประเทศ

จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงาน Sustainability EXPO 2022 หรือ SX 2022 ในระหว่างวันที่ 26 ก.ย. – 2 ต.ค. 65 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และเชิญรับน้ำใจในกิจกรรม “มหาดไทยปันสุข” จากพี่น้องภาคีเครือข่ายในพื้นที่ทั่วประเทศ ภายใต้แนวคิด “Our Loss is Our Gain ขาดทุน คือ กำไร ยิ่งให้ไป ยิ่งได้มา” เพื่อให้ทุกคนที่เข้าเยี่ยมชมงานสามารถนำไปบริโภค รับประทาน หรือนำไปฝากพี่ ๆ น้อง ๆ ญาติผู้ใหญ่ ได้โดยไม่ต้องซื้อ เพียงร่วมบริจาคตามกำลังศรัทธาแทน

“ทั้งนี้ขอให้พกถุงผ้ามาด้วย เพื่อลดการใช้ถุงพลาสติก โดยจะนำรายได้จากการร่วมบริจาคทั้งหมด ไปสมทบทุนโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย ประจำปี พ.ศ. 2565 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในวันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เรียกได้ว่า อิ่มทั้งกายและอิ่มทั้งใจ ทั้งจากเครือข่ายผู้ให้ และผู้รับที่เข้าร่วมเยี่ยมชมงาน” ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าว

ทั้งนี้กระทรวงมหาดไทย ได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนในการร่วมสนับสนุนการจัดกิจกรรมมหาดไทยปันสุขเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2565 โดยได้น้อมนำพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่ว่า “เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป” มาเผยแพร่ข่าวสารเพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนและองค์กรต่าง ๆ มาร่วมใจกันสานต่อแนวพระราชดำริให้เป็นรูปธรรมต่อไป นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ที่องค์การสหประชาชาติได้ประกาศไว้


โดยชาวอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมนำผลิตผลทางเกษตรนอกจากที่ใช้ในการบริโภคภายในครัวเรือน จากพี่น้องเครือข่าย “ทฤษฎีใหม่ประยุกต์ สู่โคกหนองนาโมเดล” อำเภอแม่เเจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่ครัวเรือนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับครัวเรือน (Househole Lab Model for quality of life : HLM) ทั้งหมด 558 แปลง และชุมชนต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิต ระดับตำบล (Community Lab. Model for quality of life : CLM) ทั้ง 7 แห่ง ในพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ได้ส่งผลิตผลทางการเกษตรร่วมกับ “โครงการมหาดไทยปันสุข” ในงาน SUSTAINABILITY EXPO 2022 โดยส่งผลิตผลทางการเกษตรเข้าร่วมโครงการมหาดไทยปันสุข ดังนี้ 1.ข้าวสารจากดอยแม่แจ่ม 2.กะหล่ำปลี 3. ซาโยเต้ (ฟักแม้ว) 4. กล้วยน้ำว้า 5. มะเขือเทศ 6. อะโวคาโด และผลิตผลทางการเกษตรอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมากมาจากภาคีเครือข่ายของกระทรวงมหาดไทยทั่วประเทศ ซึ่งโครงการมหาดไทยปันสุขได้รับความสนใจจากพี่น้องประชนผู้เข้าชมงาน SUSTAINABILITY EXPO 2022 เป็นจำนวนมาก

ขณะที่ชั้น LG ฮออล์ 5-8 โซน Food Festival ภายในมีการจัดกิจกรรม Panel Discussion ในหัวข้อ Good Citizen : การเงินชุมชนที่เกื้อกูลกัน โดยพระอาจารย์มนัส ขันติธัมโม เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทอง และประธานกลุ่มเครือข่ายสัจจะสะสมทรัพย์ จ.จันทบุรี ร่วมพูดคุยกับ นายศิวโรฒ จิตนิยม ประธานธนาคารความดีชุมชนตำบลหนองสาหร่าย จ.กาญจนบุรี ในประเด็นเกี่ยวกับการจัดการองค์กรการเงินชุมชน ภาคประชาชน ที่มีการดำเนินการในการส่งเสริมการออมทรัพย์และให้บริการทางการเงินแก่ชุมชน และการจัดสวัสดิการของชุมชนในพื้นที่ โดยอาศัยความสัมพันธ์และการมีส่วนร่วมภายในชุมชน

โดยพระอาจารย์มนัส กล่าวว่า ตนเองได้ทำการศึกษาระบบการออมทรัพย์และนำมาประยุกต์ใช้ในจังหวัดจันทบุรี โดยบอกให้ชาวบ้านเข้าใจว่าเราต้องรวมตัวกันและทำอย่างไรเราจึงจะออมเงินได้ อย่างน้อยเดือนละ 50-100 บาท จึงได้คิดและทดลองทำที่บ้านเกิดของตนเองที่อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี จากที่ปกติคนในชุมชนจะต้องนำเงินไปฝากธนาคาร จึงได้คุยกับชาวบ้านว่าให้มารวมตัวกันนำเงินมาออม ใครที่เดือดร้อนก็มายืมไปใช้อย่างเป็นระบบ โดยเป้าหมายหลักคือทำอย่างไรถึงจะทำให้คนออมได้และยามเดือดร้อยยืมไปใช้ได้ กำไรที่ได้มาแทนที่จะไปเป็นของนายทุนก็นำมาเป็นกองกลางเอาไว้ช่วยคนเจ็บป่วยในชุมชนของเรากันเอง และได้ความสามัคคีช่วยเหลือกันอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้กลุ่มสัจจะเราใช้วัดเป็นหลักในการเป็นสำนักงาน เราไม่ต้องไปตั้งสำนักงานใหม่ ตนจึงไปคุยให้ชาวบ้านฟังว่าเราไม่ต้องฝากธนาคาร โดยทดลองทำในปี 2539 เมื่อมีผลลัพธ์ที่ดีก็เริ่มมีกาาขยายผลด้วยการไปชวนชาวบ้านเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลังจากทำมา 26 ปี มีชาวบ้านเอาเงินมาออมเดือนละ 100 บาท 100,000 คน ตอนนี้ทำให้ชาวบ้านออมเงินได้กว่า 11,000,000 บาท และได้นำมาจัดเป็นระบบการออมและการยืมให้กับชาวบ้าน

Leave a Reply