วันที่ 29 ก.ย. 65 ที่วัดเขาปกล้น จังหวัดลพบุรี ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช แม่ทัพทนายกองทัพธรรม พร้อมด้วยเจ้าคณะอำเภอบ้านหมี่ และคณะสงฆ์ในพื้นที่ รวมถึงฝ่ายปกครอง นำกำลังตำรวจ สภ.บ้านหมี่ บุกวัดเขาปกล้น ต.บ้านชี อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี เพื่อเชิญตัว “พระครูบาบุญเลิศ กิตฺติธโร” หรือพระครูปลัดมหาเถรานุวัตร หรือ นายเมธาศิษฐ์ อภิสิทธิ์เมธากุ มาให้ปากคำที่โรงพัก
หลังวานนี้ เจ้าคณะอำเภอบ้านหมี่ ได้แจ้งความดำเนินคดี ใน 3 ข้อหา คือ แจ้งความเท็จ แต่งกายเลียนแบบสงฆ์ พร้อมทั้งปลอมแปลงและใช้เอกสารปลอม

โดย ทนายอนันต์ชัย เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตนเองในฐานะเเม่ทัพทนายกองทัพธรรม ได้รับหนังสือร้องเรียนจากครูบาบุญเลิศ เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ที่ผ่านมา ว่าถูกคณะสงฆ์ อำเภอบ้านหมี่ กลั่นแกล้ง
จากนั้น จึงให้นายสิงห์ไชย์ เข็มทอง ทนายกองทัพธรรม ประจำจังหวัดลพบุรี และทนายกองทัพธรรม จังหวัดอุบลราชธานี เข้ามาสืบหาข้อมูล พบว่าหลักฐานไม่ชัดเจน ยังมีจุดที่น่าสงสัยหลายอย่าง แต่กลายเป็นว่าทนายสิงห์ไชย์ ได้นำหลักฐานเท็จมาให้ คือ ใบสุทธิสงฆ์ ปลอม 3 ชุด และวัดต้นสังกัดที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ จึงเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อหาข้อมูลจากวัดที่ครูบาบุญเลิศ อ้างว่า เป็นต้นสังกัด คือ วัดโสภณาราม จนทราบว่า ครูบาบุญเลิศ ได้ไปบวชที่นี้จริงตั้งแต่ปี 2529 แต่หลังจากนั้น ก็ไม่ทราบว่าไปจำพรรษาอยู่ที่วัดไหน
ส่วน ทนายสิงห์ไชย์ ทางทนายอนันต์ชัย ก็ได้สั่งปลดออกจากทนายกองทัพธรรมจังหวัดลพบุรี ล่าสุดทนายสิงห์ไชย ก็ได้ไปเป็นทนายประจำตัวของครูบาบุญเลิศ เรียบร้อยแล้ว
ขณะที่เจ้าคณะตำบลบ้านชีก็ได้ตรวจสอบและให้ข้อมูลกับตัวเองว่าครูบาบุญเลิศ ได้ทำบัตรประชาชนเมื่อปี 2560 โดยใช้คำนำหน้าว่านายบุญเลิศ ดังนั้นในส่วนของคณะสงฆ์ จึงมีมติให้พ้นสภาพจากการเป็นพระ และเเจ้งความดำเนินคดี
ส่วนกรณีที่ทนายกองทัพธรรมได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือก่อนหน้านี้ เพราะมีการติดต่อมาที่เจ้าคณะตำบลบ้านชีแล้วถึง3 ครั้ง แต่ไม่ได้รับคำชี้แจง เนื่องจากทางคณะสงฆ์ไม่รู้จักตัวเอง จุงไม่กล้าคุย จึงทำให้ไม่เข้าใจกัน ตนเองจึงนำพระครูบาบุญเลิศ มาเเจ้งความเอาผิดกับคณะสงฆ์บ้านหมี่ ตามที่เขากล่าวอ้าง
แต่มันมีจุดที่น่าสงสัย ชาวบ้านไม่ให้ความร่วมมือ และต่อว่าทนายกองทัพธรรม จึงได้สืบหาข้อมูล จนรู้ว่าพระครูบาบุญเลิศคือพระปลอม
ขณะที่เจ้าคณะอำเภอบ้านหมี่ บอกว่าพฤติกรรมของ ครูบาบุญเลิศ มักจะออกไปเรี่ยไร โดยให้พระจากวัดในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง เข้ามาเรี่ยไรเงินจากชาวบ้าน และได้รับเรื่องร้องเคียนกับชาวบ้านว่ามีพฤติกรรมแบบนี้ จึงให้พระปกรองเข้าไปตักเตือนแชะหยุดพฤติกรรมต่าง แต่ครูบาบุญเลิศไม่ยอมหยุดและยังกระทำต่อเนื่อง ทั้งในออนไลน์ และในจังหวัดต่างๆในพื้นที่ภาคกลางซึ่งรวมถึงกรุงเทพมหานครด้วย จึงได้ส่งพระปกครองเข้าไปตักเตือนให้หยุด
ล่าสุดเมื่อสองวันก่อน ก็มีคนจากพื้นทีตลิ่งชัน โทรศัพท์มาแจ้งว่า ครูบาบุญเลิศยังไม่หยุดออกเรี่ยไร เงินบริจาค โดยมึหลักฐานเป็นซองผ้าป่า
นอกจากนี้ยังได้ตรงจสอบที่วัดธรรมิการาม ตามที่ครูบาบุญเลิศ กล่าวอ้างว่า เป็นวัดต้นสังกัดที่ส่งมาจำพรรษา จึงทำการตรวจสอบ พบว่าไม่เป็นความจริง จึงมีมติให้พ้นสภาพพระ


Leave a Reply