ปลัดมหาดไทย พร้อมด้วยนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นำผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยและคณะกรรมการสมาคมแม่บ้านมหาดไทย 25 จังหวัดภาคกลาง ศึกษาดูงานพื้นที่ อบต.โก่งธนู ขยายผลสร้างความยั่งยืน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน
เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 เวลา 08:00 น. ที่พื้นที่ องค์การบริหารส่วนตำบลโก่งธนู อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นำคณะผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย คณะกรรมการบริหารสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ภาคีเครือข่ายของกระทรวงมหาดไทย และสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ภาคกลาง 25 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ชัยนาท ตราด สมุทรสงคราม นครนายก นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สระแก้ว สระบุรี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี และจังหวัดอ่างทอง ศึกษาดูงาน ณ ฐานการเรียนรู้โก่งธนูโมเดล อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี โดยได้รับเมตตาจากท่านเจ้าคุณพระปัญญาวิสุทธิโมลี เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี (ธ) เจ้าอาวาสวัดพระนางจามเทวี ร่วมในการศึกษาดูงานในครั้งนี้ด้วย โดยมี นายอำพล อังคภากรณ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี นางสุวจี ศิริปัญโญ ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดลพบุรี นายศุภภิมิตร เปาริก นายสุภกิณห์ แวงชิน รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี นายบรรหาร เนาวรัตน์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลโก่งธนู นางแสงจันทร์ ระวังกิจ ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลโก่งธนู ผู้บริหาร ข้าราชการ และภาคีเครือข่ายพี่น้องประชาชนชาวตำบลโก่งธนู ร่วมให้การต้อนรับและนำเยี่ยมชมศึกษาดูงาน
ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตำบลโก่งธนูแห่งนี้เป็นตำบลต้นแบบที่มีการน้อมนำพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเรื่องหลักการทรงงาน “บวร” “บรม” “ครบ” อันหมายถึง บ้าน พี่น้องประชาชน ผู้นำท้องถิ่น ท้องที่ ราชการ และภาคผู้นำศาสนา โดยมี ท่านนายอำเภอ ท่านปลัดอำเภอ ท่านพัฒนาการอำเภอ ทุกภาคส่วน ครูบาอาจารย์ คุณหมอ สาธารณสุข และหน่วยราชการอื่น ๆ และที่สำคัญที่สุดเป็นต้นแบบที่คณะสงฆ์ นับตั้งแต่ ท่านเจ้าคุณพระเทพเสนาบดี เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี เจ้าอาวาสวัดกวิศราราม ราชวรวิหาร พระปัญญาวิสุทธิโมลี เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี (ธ) เจ้าอาวาสวัดพระนางจามเทวี รวมถึงท่านเจ้าอาวาสวัดโบสถ์ โก่งธนู และทุกวัดในเขตตำบลโก่งธนู ซึ่งเมื่อชาวโก่งธนูนำหลักการทรงงานดังกล่าวมาใช้ก็ส่งผลทำให้หมู่บ้านโกงธนูเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เกิดความรัก ความสามัคคี ทุกภาคส่วนช่วยเหลือการขับเคลื่อนงานกันอย่างเต็มกำลัง
“ชาวโก่งธนูได้น้อมนำเอาแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในเรื่องของการน้อมนำเอาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การพึ่งพาตนเอง ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้วยการใช้ชีวิตอย่างมีเหตุมีผล และที่สำคัญที่สุดที่ เป็นต้นแบบทำให้โด่งดังไปทั่ว คือ “โครงการบ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง” และ “ทางนี้มีพ้นผู้คนรักกัน” ที่พระองค์พระราชทานแนวพระราชดำริไว้ให้ และทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมถึงที่โก่งธนู ทำให้เกิดขวัญกำลังใจ และน้อมนำมาใช้ในชีวิตประจำวันอย่างยั่งยืนทั้งเชิงปริมาณ ทุกบ้านปลูกผักสวนครัวบ้านละ 20-30 ชนิด ตามถนนหนทางก็ปลูกไม้ผล และในเชิงคุณภาพ ชาวบ้านที่นี่ลงมือทำด้วยตนเองไม่พอ ยังปลูกฝังไปถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน ประกอบกับทำมาเป็นระยะเวลายาวนาน ทำจนเป็นวิถีชีวิต จนลูกหลานรับเอาวัฒนธรรมการพึ่งพาตนเองและการสร้างความมั่นคงด้านอาหาร เป็น “อาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก” ด้วยเพราะลูกหลานเหล่านั้นเขาเห็นพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย และทุกบ้านปลูก จนเป็นสิ่งที่คนปกติทำจนเป็นปกติ เขาทำกัน จนเป็นนิสัยเป็นวัฒนธรรมที่ฝังอยู่ ดังเช่น “น้องจั๊ม” มัคคุเทศก์น้อย แข่งบ้านโก่งธนู ผู้เป็น อถล. ของชุมชน ซึ่งคาดหวังว่า พี่น้องคนไทยทั้งที่โก่งธนูและคนไทยทั่วประเทศจะมีความมั่นคงทางอาหารตลอดไป” นายสุทธิพงษ์ กล่าวในช่วงต้น
นายสุทธิพงษ์ ได้กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ คนโก่งธนูยังเป็นต้นแบบการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม โดยทุกครัวเรือนมีถังขยะเปียกลดโลกร้อน ซึ่งได้เริ่มทำไปพร้อมกับคนทั้งประเทศ จึงขอให้ได้ผู้นำในพื้นที่ ทั้งท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ท่านนายอำเภอ ท่านหัวหน้าส่วนราชการ ท่านผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ข้าราชการ ต้องเป็น “ผู้นำต้องทำก่อน” เมื่อเป็นผู้นำต้องทำก่อน ก็จะเป็นตัวอย่างให้กับประชาชน ทำให้มีผักปลอดภัย มีกิจกรรมที่ทำให้เกิดความรักความสามัคคี ในครอบครัวในชุมชน และจะทำให้ทุกครัวเรือนมีความมั่นคงด้านอาหาร และช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อม ทำให้ลูกหลานของทุกครอบครัวเป็นคนดีสำเร็จผลดังที่พวกเราทุกคนตั้งใจและเสียสละเวลามาศึกษาดูงานในวันนี้
“ขอให้ทุกท่านนำสิ่งที่ดูงานในวันนี้ไปขยายผล เพราะท่านได้มาดูตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมว่า สิ่งที่เป็น Amazing หรือความมหัศจรรย์ในโลกนี้มันเกิดขึ้นได้ ถ้าเรามี “ผู้นำ” ที่เอาจริงเอาจัง ช่วยกระตุ้นปลุกเร้าให้น้อง ๆ ในทีมงาน ทั้งข้าราชการและภาคีเครือข่าย อบต. เทศบาล ทั้งเรื่องการปลูกผักสวนครัวสร้างความมั่นคงด้านอาหาร การบริหารจัดการขยะ การลดโลกร้อนยืดอายุโลกของเราให้ยืนยาว “ทำได้จริง” ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ทำได้ ถ้าเราเอาจริงเอาจัง ช่วยกัน Change for Good ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ทั้ง 17 ข้อขององค์การสหประชาชาติ เพื่อให้ลูกหลานของเราได้อยู่ในโลกที่สวยงาม สะอาดสะอ้าน มีความอุดมสมบูรณ์ทางด้านอาหาร และเมื่อเขาเติบโตขึ้นก็สามารถเป็นคนที่ช่วยเหลือตัวเอง ช่วยเหลือครอบครัว ช่วยเหลือชุมชน ช่วยเหลือประเทศชาติ ให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างยั่งยืน” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติม
ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ กล่าวว่า ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ได้รับการสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชปณิธานโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า ฯ กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ทำให้ผืนแผ่นดินไทยทั่วทุกหนทุกแห่งเป็นแผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง โดยเฉพาะพื้นที่แห่งนี้ พี่น้องชาวโก่งธนูกว่า 2,000 คน ได้น้อมนำพระราชดำริมาใช้ในชีวิตประจำวัน เป็นคนดีของแผ่นดิน เป็นแบบอย่างของคนไทย ที่พวกเราควรจะได้มีโอกาสได้มาพบ ได้มาศึกษาวิถีชีวิต ซึ่งการศึกษาดูงานในในนี้ จะแบ่งการเรียนรู้ออกเป็นฐานการศึกษา ได้แก่ 1) ฐานการเรียนรู้ ตามแนวพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี โครงการ “บ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง” เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร 2) ฐานการเรียนรู้ตามแนวพระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี โครงการ “ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน” ซึ่งเป็นฐานที่ทุกคนจะได้ดูตัวอย่างการปลูกผักที่เป็นธรรมชาติของชีวิตของทุกครัวเรือน จะไม่มีครัวเรือนไหนเลยที่ไม่เห็นผักสวนครัวหน้าบ้าน ซึ่งเป็นแบบอย่างให้กับครัวเรือนทั่วไป รวมทั้งการปลูกผักไม้ผล บริเวณริมถนน ริมทางสาธารณะในพื้นที่ ดูแลโดยคนในชุมชน ซึ่งเป็นธรรมชาติของชีวิตพี่น้องโก่งธนูจริง ๆ 3) ฐานการเรียนรู้ การบริหารจัดการขยะต้นทางให้เกิดประโยชน์ ซึ่งกระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมกับทุกจังหวัดตั้งเป้า ดำเนินการเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกบ้านทุกครัวเรือน มีถังขยะเปียกลดโลกร้อน 100% ภายใน 31 ธันวาคม 2565 และดำเนินการคัดแยกขยะ โดยขยะเปียก ขยะเศษอาหารที่ลงในถังขยะเปียกลดโลกร้อน จะใช้เวลาไม่เกิน 2 เดือนก็จะกลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ชั้นยอดไปใส่ผักที่เราปลูกในแปลงทั้งหมด และ 4) ฐานการเรียนรู้ สนามเด็กเล่นสร้างปัญญา ตามแนวทางพระราชดำริ “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” การน้อมนำแนวพระราชดำริ ในการดูแลสุขภาพอนามัยแม่และเด็ก เพื่อลูกหลานของเราจะได้เติบโตตามวัย เพื่อนำไปขยายผลในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ให้เกิดความยั่งยืนต่อไป
Leave a Reply