อำเภอนำร่อง “บัดบัดทุกข์ บำรุงสุข” ด้วยพลัง 3 ป. สู่ความพอเพียง จังหวัดพิษณุโลกเดิมมีชื่อเรียกว่า “ เมืองสองแคว ” เนื่องจากเมืองนี้ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำน่าน และ แม่น้ำแควน้อย หรือบริเวณที่ตั้งของวัดจุฬามณีในปัจจุบันเมื่อประมาณปี พ.ศ.1900 สมเด็จพระมหาธรรมราชาลิไทยแห่งกรุงสุโขทัย ได้โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองมาตั้งอยู่ ณ ตัวเมืองปัจจุบัน โดยมีฐานะเป็นเมืองลูกหลวง สมัยอยุธยา เมืองพิษณุโลกทวีความสำคัญมากขึ้น เพราะเป็นเมืองกึ่งกลางระหว่างกรุงศรีอยุธยาและอาณาจักรฝ่ายเหนือ “สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ” ทรงปฏิรูปการปกครองและได้เสด็จมาประทับที่เมืองนี้ตั้งแต่ พ.ศ. 2006 จนสิ้นรัชกาลในปี พ.ศ. 2031 ช่วงนั้นพิษณุโลกเป็นราชธานีแทนกรุงศรีอยุธยาถึง 25 ปี หลังรัชสมัยของพระองค์ พิษณุโลกมีฐานะเป็นเมืองลูกหลวงเป็นหน้าด่านสำคัญ ที่จะสกัดกั้นกองทัพพม่า เมื่อครั้งพระนเรศวรมหาราชดำรงฐานะพระมหาอุปราชครองเมืองพิษณุโลก ระยะนั้นไทยตกเป็นเมืองขึ้นพม่า สมเด็จพระนเรศวรได้ทรงรวบรวมชายฉกรรจ์ชาวพิษณุโลกกอบกู้อิสรภาพชาติไทยได้ ในสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้ทรงดำรงให้รื้อกำแพงเมืองพิษณุโลกเพื่อไม่ให้ข้าศึกใช้เป็นที่มั่น ครั้นถึงปี พ.ศ. 2437 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ยกฐานะเมืองพิษณุโลกขึ้นเป็นมณฑล เรียกว่า มณฑลพิษณุโลก ต่อมาเมื่อยกเลิกการปกครองแบบมณฑลแล้ว พิษณุโลกจึงมีฐานะเป็นจังหวัดเรื่อยมาจนปัจจุบัน จังหวัดพิษณุโลก ปัจจุบันมีประชากรทั้งสิ้น 865,368 คน แบ่งออกเป็น ชาย 423,986 คน และ หญิง 411,382 คน แบ่งการปกครองออกเป็น 9 อําเภอ 93 ตําบล และ 1,048 หม่บ้าน ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม “อำเภอเมืองพิษณุโลก” เป็น 1 ใน 10 อำเภอจากทั่วประเทศ ที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นอำเภอนำร่องจากกระทรวงมหาดไทย เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับอำเภออื่น ๆ อีก 878 อำเภอ ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างความสุขแบบอย่างยืนให้กับประชาชนโดยใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นฐาน ในการแก้ไขปัญหาความยากจนและความรู้รักสามัคคีภายในชุมชน “ทีมข่าวพิเศษ” ได้ลงพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก เพื่อขอสัมภาษณ์ “แกนนำ” ขับเคลื่อนอำเภอนำร่อง “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” “นิสิต สวัสดิเทพ” อดีตนายอำเภอเมืองพิษณุโลกปัจจุบันเป็นปลัดจังหวัดพิษณุโลก “เจ้าของผลงาน” อำเภอนำร่อง บอกกับ “ทีมข่าวพิเศษ” ว่า ปัญหาหลักของเมืองพิษณุโลกมี 3 เรื่อง คือ หนึ่ง ผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ สอง ความยากจน และ สาม การขาดการมีส่วนร่วม เมื่อเรารู้ปัญหาเหล่านี้แล้ว เราจึงกำหนดกรอบหรือแผนงานที่จะขับเคลื่อนเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ โครงการอำเภอบำบัดทุกข์ บำรุงสุข เราตั้งชื่อว่า 3 ป สู่พอเพียง ชื่อเต็มคือ “โครงการปลุกพลังความคิด ปรับวิถีชีวิตด้วยเศรษฐกิจพอเพียง เปลี่ยนเมืองพิษณุโลกสู่ความยั่งยืน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน” ป.แรก คือ “ปลุกพลังความคิด” ป.ที่ 2 “ปรับวิถีชีวิตด้วยเศรษฐกิจพอเพียง” และ ป.ที่ 3 คือ “เปลี่ยนเมืองพิษณุโลกสู่ความยั่งยืน” ซึ่งโครงการอำเภอนำร่องเมืองพิษณุโลกทำตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถึง เดือนพฤศจิกายน 2565 แต่โครงการหลัก ๆ คือ โครงการปลุกพลังความคิดที่มาของโครงการคิดว่าทุกอำเภอก็คงคิดเหมือนกันคือเมื่อไปเห็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเราก็อยากจะเข้าไปช่วยแก้ไข ประกอบกับกระทรวงมหาดไทยมีโครงการนี้ขึ้นมา “โครงการอบรมอำเภอนำร่อง บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” เมื่ออบรมเสร็จก็นำภาคีเครือข่ายทั้ง 7 ฝ่ายไปเข้าร่วมอบรมด้วย เมื่อได้ฟังแล้วก็เกิดแรงบันดาลใจ และได้กลับมาคิดว่าจะแก้ไขปัญหาคนพิษณุโลกอย่างไร ซึ่งบริบทเมืองพิษณุโลกค่อนข้างที่จะยากกว่าอำเภอรอบนอก เพราะเป็นสังคมเมืองเยอะ สังคมชนบทก็ยังพอมี ตรงนี้มันคือปมปัญหาหนึ่งวิธีแก้ก็คือ “นายอำเภอ” ที่ปลัดกระทรวงมหาดไทย (สุทธิพงษ์ จุลเจริญ) ท่านบอกว่าเป็น “นายกรัฐมนตรี” ในพื้นที่ ต้องสร้างพลังบวกให้ตนเอง เดินเข้าหาประชาชน สร้างการมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนและภาคีเครือข่ายให้ได้ “เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่ทำคือ คิดโจทย์ก่อน ป.ที่ 1 ปลุกพลังตรงนี้เน้นมากที่สุดเลย เริ่มตั้งแต่พลังในตัวเรา คนใกล้ชิดเรา ผมเน้นไปที่พลังของผู้นำก่อน เพราะเรามีความเชื่อว่าโครงการทั้งหมดของรัฐบาล ราชการนั้นต้องเริ่มต้นจากผู้นำ ผู้นำต้องทำก่อน ผู้นำต้องเข้าใจและมีใจ หากไม่เข้าใจตรงกันทิศทางจะไปแบบสะเปะสะปะ เราจะใช้ระบบปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเอามาช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน ถ้าเราพูดเฉย ๆ ไม่ไปสร้างการรับรู้ให้พวกเขาเข้าใจว่าต้องทำอย่างไร คนก็จะไม่เข้าใจขบวนการทำงาน ซึ่งเรื่องปลุกพลังของคนนี้เป็นเรื่องที่ยากที่สุด ผู้นำก็มีหลายระดับ เริ่มจากนายอำเภอ ต่อมาก็หัวหน้าส่วนราชการที่ต้องเข้าใจเหมือนเรา จากนั้นก็กำนัน ผู้ใหญ่บ้านก็ต้องให้เข้าใจเหมือนเรา ทุกภาคส่วนต้องเข้าใจตรงกัน เพราะมันจะต้องขับเคลื่อนไปทั้งอำเภอ ในความคิดของผมในขณะที่ดำรงตำแหน่งอยู่นั้นถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก.” เมื่อทีมงานถามว่า วิธีการสื่อสารให้เขารับรู้ว่าเราต้องปลุกพลังความคิดด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ท่านใช้วิธีไหน??? อันดับแรก ทุกเวทีที่มีการประชุม ผมต้องทำหน้าที่ในการอธิบายให้เข้าใจถึงเป้าหมายที่ต้องการทำ สอง ผมลงไปทุกพื้นที่ของอำเภอเมืองพิษณุโลกซึ่งมีผมมีโครงการ “เมืองสร้างสุข บำบัดทุกข์สัญจร” และพาปลัดอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการลงไปในพื้นที่ทุกเย็น ไปพูดถึงหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมีประโยชน์อย่างไร พออธิบายเสร็จก็ต้องลงมือทำ ที่มีกิจกรรมรองรับก็คือ ป. ที่ 2 ลงมือทำมีทั้งหมด 6 กิจกรรม ผมได้น้อมนำพระราชดำริของกรมสมเด็จพระเทพฯตาม “โครงการบ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง” ทุกหมู่บ้านนำร่อง หมู่บ้านต้นแบบต้องปลูกผักและสมุนไพรต่าง ๆ อย่างน้อย 15 ชนิด นอกจากที่บ้านแล้ว วัดก็ต้องปลูก โรงเรียน ทุกถนนเส้นทางที่เป็นสาธารณะประโยชน์ทุกหมู่จะต้องปลูกผักที่กินได้ ทุกวันนี้ผ่านมา 3 เดือนแล้ว คนเฒ่าคนแก่ดีใจกันมากเลย ทุกวันนี้เวลาผมลงพื้นที่ จะรู้สึกภาคภูมิใจมาก ที่มีชาวบ้านพูดว่า “โครงการของนายอำเภอดีมากเลย ช่วยประหยัดเงินไปได้เยอะ ตอนเย็น ๆ ก็เดินไปเก็บสะเดาบ้าง ชะอมบ้าง ดอกแคบ้าง มะเขือ โดยที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อ” และ ป. สุดท้าย “เปลี่ยนโลกสู่ความยั่งยืน” เราต้องการที่จะรวบรวมองค์ความรู้ทั้งหมดเริ่มจาก ป.ที่หนึ่งเมื่อเราปลุกพลังและมีส่วนร่วมไปกับเราแล้ว และเราได้ลงมือทำใน ป. ที่สอง แต่องค์ความรู้เหล่านี้ถ้าเราไม่มีการรวบรวมและส่งต่อไว้ มันจะหายไปเลย ในอำเภอเมืองนี้จะมีอยู่หมู่บ้านหนึ่งที่ หมู่บ้านวังส้มซ่า ตำบลท่าโพธิ์ ที่เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ แต่มีอัตลักษณ์ในเรื่องของหมู่บ้านท่องเที่ยวมีคนรู้จักเป็นจำนวนมาก ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้ถอดบทเรียนให้จังหวัดอื่น ๆ ได้ดูบ้านวังส้มซ่า ใช้วิธีว่า มีคนเข้ามาเที่ยว เข้ามาดูงานที่บ้านวังส้มซ่าเยอะ ทั้งภาคเอกชน มหาวิทยาลัย ก็ต้องเอาข้อมูลของอำเภอนำร่องบ้านเราที่ทำมาว่า เมื่อคณะไหนมาดูงาน ต้องนำวิทยากรไปบรรยายเรื่องที่มาของ 3 ป. สู่ความพอเพียง เราน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาแก้ปัญหาในพื้นที่ของเรา เมื่อทีมงานถามต่อว่า วิธีคิด “3 ป สู่ความพอเพียง” เกิดขึ้นหลังจากไปอบรมมาแล้วใช่หรือไม่ ใช่ครับ เราใช้เวลาร่วมกับภาคีทั้ง 7 ภาคส่วน ร่วมกันถอดบทเรียนและนำเสนอโครงการให้กระทรวงมหาดไทย จากเดิมอำเภอของเราเป็นหนึ่งใน 18 อำเภอก่อนเป็นตัวแทนจังหวัด พอรอบที่สองเราก็ติดอันดับ 1 ใน 10 สุดท้ายก็ประกาศให้ได้ “ยอดเยี่ยม” สุดท้ายเมื่อทีมข่าวถามว่า ท่านคาดหวังอะไรจากอำเภอกนำร่อง??? “นิสิต สวัสดิเทพ” ปลัดจังหวัดพิษณุโลก ตอบว่า โดยส่วนมองว่าโครงการนี้ดีมาก ดีตรงที่ว่าสมัยก่อนเราก็ทำงานแหละแต่จะทำงานแบบต่างคนต่างทำแต่ว่าตอนนี้ท่านปลัดกระทรวง (สุทธิพงษ์ จุลเจริญ) ท่านได้พูดว่า “นายอำเภอคือนายกรัฐมนตรีของอำเภอนั้นๆ คุณไปบูรณาการ ช่วยกันแก้ปัญหา ผมว่าจุดนี้ทำให้ทุกคนตื่นตูมขึ้นมา เพราะทำให้ต้องคิดว่าปัญหาของอำเภอเรามีอะไร ปลุกพลังเชิงรุก ทั้งภาคเอกชน ภาคศาสนาทุกภาคส่วนเข้ามาช่วยกัน เมื่อช่วยกันแบบนี้แล้ว ผมเชื่อว่าทุกอำเภออย่างน้อยที่สุด 70% ต้องมีการพัฒนาขึ้น เพราะมีแรงกระตุ้นให้ทำ เหมือนสร้างพลังให้กับนายอำเภอทั่วประเทศ..” หากมองในรายละเอียดเนื้อแท้ในการขับเคลื่อนโครงการ 3 ป.สู่ความพอเพียงของอำเภอเมืองพิษณุโลก เป็นการดำเนินการตามหลักทฤษฎีบันได 9 ขั้น ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวองค์รัชกาลที่ 9 นั่นเอง คือ ชั้นพื้นฐาน 4 พ.คือ พอกิน พอใช้ พอยู่ พอร่มเย็น อาทิ กิจกรรมบ้านนี้มีรักปลูกผักกินเอง ทำบุญทำทาน สร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว และนำไปสู่การสร้างเครือข่าย มีศูนย์เรียนรู้ระดับชุมชนและตำบล เพื่อนำไปสู่ความยั่งยืนตามเป้าหมายของการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข “โคก หนอง นา” ซึ่งเป็นโครงการ ป.ที่ 2 ในการขับเคลื่อนอำเภอนำร่องบัดบัดทุกข์ บำรุงสุข ของอำเภอเมืองพิษณุโลก ตอนนี้มีทั้งหมด 28 แปลง “ทีมข่าวพิเศษ” ลงพื้นที่ไปสำรวจดูความสำเร็จในการทำโคก หนอง นา ขนาด 3 ไร่ ของ “ วานิช มีเมือง” หมู่ 1 ต.บ้านป่า อ.เมือง จ.พิษณุโลก ซึ่งในตอนที่เรากำลังไปถึงนั้นมีชาวบ้านกำลังมาเก็บผักกันหลายคน ถามได้ความว่า จะเก็บผักไปช่วยงานบวชในหมู่บ้าน “วานิช มีเมือง” ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านด้วย หลังจากพาเราเดินสำรวจรอบแปลงผักโคกหนอง นา ซึ่งปลูกแบบผสมผสาน มีทั้งเลี้ยงกบและปลาหลากหลายชนิด ที่เขาบอกว่า น้ำตรงนี้อยู่ทั้งปี ภายในแปลงมีผักหลากหลายชนิด รวมทั้งดอกดาวเรืองที่สร้างรายได้ให้เขาอย่างงาม บอกกับเราว่า สนใจเดินตามรอยศาสตร์พระราชามานานแล้วตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น ชอบปลูกผัก สามามรถดำรงชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้อย่างสบายๆ ลงโคก หนอง นาไว้ในพื้นที่ 3 ไร่ ทำมาได้ประมาณ 3 เดือน ขุดสระลึก 8 เมตรขุดเจอตาน้ำ ตั้งใจทำตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ปลูกป่า และทำแหล่งท่องเที่ยวไปในตัว หลัก ๆ เน้นให้เป็นศูนย์ศึกษาเรียนรู้ “ตอนนี้ผัก และพันธุ์ไม้ ดอกดาวเรืองที่สามารถนำขายได้แล้ว รายได้พออยู่ได้ ทำหลายอย่างไม่เฉพาะที่นี่ที่เดียว มีทั้งพืชผัก ขายกล้าพันธุ์ ทำน้ำตาลสด แถวนี้เป็นแหล่งต้นตาลเก่า และปลูกใหม่ ต้นตาลนี้ต้องใช้ระยะเวลา 9-10ปี กว่าจะได้ ปลูกห่างกันระยะ 2-3เมตร ใบตาลนำมาทำหลังคาได้ ที่พิษณุโลกนี้ที่ดัง ๆจะมีขนมเปียกปูนจากใบตาลเผา มีความอร่อยมาก ต้นเอามาทำบ้านเป็นไม้เนื้อแข็ง สวย ต่างจากมะพร้าวมาก ลูกตาลก็ใช้ทำเป็นอาหารและขนม ทำกระแช่ได้ ประโยชน์ของตาลเรียกได้ว่าครบวงจร คอตาลก็นำมาทำแกง เมื่อต้นแก่นานมากก็ตัดไปทำเฟอร์นิเจอร์ ถ้าทำนำตาลต้องใช้วิธีนวดตั้งแต่ต้นยังเล็ก ๆ นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงกบด้วย สำหรับแปลงโคก หนอง นา ของตนมีคนมาดูงานต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นศูนย์เรียนรู้ มีทั้งจากโรงเรียน ภายในตำบล และคนสนใจมาดูงานเป็นประจำ ตอนนี้คนสนใจอยากทำโคก หนอง นา กันมา แต่ภาครัฐไม่มีงบประมาณให้เหมือนแต่ก่อน สำหรับนายอำเภอที่เป็นปลัดจังหวัดคนปัจจุบันนี้ ได้เดินทางมาเยี่ยมชมและส่งเสริมหลายครั้ง ท่านเป็นแรงบันดาลใจให้ชาวบ้านตื่น กิจกรรมปลูกผักตามถนน ตามวัด ตามโรงเรียน หรือแม้กระทั้งในครัวเรือนท่านก็ส่งเสริม ในฐานะชาวบ้านอยากให้นายอำเภอคนต่อ ๆไป ได้สานต่อนโยบายของศาสตร์พระราชาไปเรื่อย ๆ เพื่อความมั่นคงทางอาหาร อย่างน้อยลดรายจ่าย และมีผักปลอดสารพิษได้กินกัน..” อำเภอ“บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” เป็นความตั้งใจของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยในการขับเคลื่อนไปสู่การปฎิบัติในระดับพื้นที่โดยร่วมทำงานกับ 7 ภาคีเครือข่าย อันได้แก่ ภาคราชการ ภาคผู้นำศาสนา ภาคผู้นำวิชาการ ภาคเอกชน ภาคประชาชนภาคประชาสังคม และภาคสื่อสารมวลชน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและยกระดับการเป็นอยู่ของประชาชนให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงโดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความรู้จักพอกิน พออยู่ พอใช้ รู้จักประมาณตนแบบชุมชนพึ่งตนเอง และทั้งเพื่อแก้ปัญหาความยากจน โดยเพราะหนี้ครัวเรือนไทยอันเป็นภัยร้ายแรงที่คุกคามอยู่ ณ ปัจจุบันได้อย่างยั่งยืนนั่นเอง.. จำนวนผู้ชม : 490 Leave a ReplyFacebook Comments More Articles By the same author “พระพรหมกวี” ชื่นชม “คณะสงฆ์ลพบุรี” มอบบ้านให้ชาวพุทธยากไร้ 13 หลังแล้ว ยกให้เป็นจังหวัดนำร่อง!! อุทัย มณี มิ.ย. 24, 2024 วันที่ 24 มิถุนายน 2567 ณ บ้านสระตาแวว ต.พุคา อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี… พศ.แจ้งเตือนพระสงฆ์ ระวังกลุ่มมิจฉาชีพ!! อ้างถวายของแล้วขอ “ค่าขนส่ง” อุทัย มณี ธ.ค. 23, 2021 วันที่ 23 กันยายน 2564 สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดขอนแก่น และ… เจ้าคุณสวีเดนเยี่ยมสนามสอบบาลีที่วัดสระเกศก่อนกลับยุโรป อุทัย มณี ก.พ. 07, 2019 เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมาพระวิเทศปุญญาภรณ์ หรือเจ้าคุณสวีเดน… สอบนักธรรมร.ร.พระปริยัติธรรมบาลี คณะสงฆ์เถรวาททางใต้สุดเวียดนาม อุทัย มณี ม.ค. 24, 2021 เมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ.2564 เพจ SAwai Chotiko ได้โพสต์ข้อความว่า ระหว่างวันที่… ไม่มีโบสถ์ก็บวชพระได้ในทวีปแอฟริกา อุทัย มณี ธ.ค. 08, 2018 เหรียญข้าวหลามตัดเหรียญที่ระลึกกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดี ปี ๒๔๖๖ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ปลุกเสก อุทัย มณี ม.ค. 12, 2019 'เสด็จเตี่ย'หรือ พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์หรือที่ได้รับขนานพระนามว่า… สถาบันพระปกเกล้าจับมือสันติศึกษา “มจร” เปิดหลักสูตรการมีส่วนร่วมเพื่อสร้างความปรองดอง อุทัย มณี ก.ย. 30, 2020 เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2563 พระมหาหรรษา ธมฺมหาโส, รศ.ดร.ผู้อำนวยการหลักสูตรปริญญาเอก… จังหวัดอุบลฯ เตรียมพร้อมจัดงานสานพลัง “บวร” กิจกรรมวันดินโลกปี’65 “ปลัดเก่ง” ประธานในพิธี อุทัย มณี พ.ย. 28, 2022 วันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 นายสุริยา บุตรจินดา หัวหน้าสำนักงานจังหวัดอุบลราชธานี… คิดถึงอดีต “พระพรหมเมธี” อุทัย มณี ก.ค. 11, 2024 เห็นพัฒนาการการคืน “ความยุติธรรม” ให้กับ “พระพรหมดิลก-พระพรหมสิทธิ”… Related Articles From the same category มหัศจรรย์!! โคก หนอง นา หยุดท่วม หยุดแล้ง ได้อย่างไร ?? หลังจากปลัดมหาดไทย "สุทธิพงษ์ จุลเจริญ" เผยแพร่ภาพ… เจ้าคุณเทียบต้อนรับนายกฯรัสเซียชมวัดโพธิ์ โอกาสเยือนไทยหารือ”บิ๊กตู่” เจ้าคุณเทียบต้อนรับนายกฯรัสเซียชมวัดโพธิ์ โอกาสเยือนไทยหารือ"บิ๊กตู่"… ส.ส.เพื่อไทยอภิปรายแนะ ส่งเสริมปชช.เรียนพุทธทุกระดับชั้น พศ.ควรทำงานเชิงรุก จัดงบฯทำนุบำรุงวัด เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2562 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้(6พ.ย.)… ปลัดมท.จับมือนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ประชุมสัญจรครั้งที่ 1 เน้นย้ำ ความรัก ความสามัคคี และความตั้งใจจะช่วยสร้างสิ่งที่ดี Change for Good ให้เกิดขึ้นกับแผ่นดินไทย วันนี้ 13 ธ.ค. 64 เวลา 09:00 น. ที่สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย… “สำนักพุทธปทุมธานี” สร้างชื่อ จับพระปลอมตลาดดังปทุมธานี ค้นตัวผงะ พกเงินสดเป็นแสน ในบัญชีอีกเพียบ เจอเหล้าขาวด้วย วันที่ 20 เม.ย.2567 เวลา 08.00 น. น.ส.สุดธิดา ธัญรัตนศรีสกุล นักวิชาการศาสนาชำนาญการพิเศษจังหวัดปทุมธานี…
Leave a Reply