น้อมรำลึกในพระกรุณาธิคุณสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ กระทรวงมหาดไทยได้รับเมตตาจากเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขับเคลื่อนกิจกรรมฉลอง 100 ปีวันประสูติฯ 6 พฤษภาคม 2566 เพื่อเป็นอนุสรณ์ถวายพระกุศลด้วยความจงรักภักดี
วันที่ 27 มีนาคม 2566 เวลา 09.00 น. ที่ห้องประชุมราชบพิธ อาคารดำรงราชานุสรณ์ กระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ร่วมประชุมคณะกรรมการจัดงานฉลอง 100 ปี วันประสูติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (6 พฤษภาคม 2566) ของกระทรวงมหาดไทย โดยได้รับเมตตาจากเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กรรมการมหาเถรสมาคม เป็นประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการ และเป็นประธานการประชุม โดยมี นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาชุมชนและส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ อธิบดีกรมการปกครอง นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน นายขจร ศรีชวโนทัย อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ผู้แทนกรมและหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม
สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เมตตากล่าวสัมโมทนียกถาเปิดการประชุม ความว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงปฏิบัติพระกรณียกิจนานัปการ เกิดคุณประโยชน์อันไพศาลให้แก่ราชอาณาจักรไทยและพระศาสนาอย่างอเนกอนันต์ ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีที่ท่านสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มีสำนึกในพระกรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ประกอบกับวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เป็นสถานที่ซึ่งพระสรีรางคารของพระองค์ท่านนั้นสถิตอยู่ ณ อนุสรณ์สถานรังษีวัฒนา สุสานหลวง วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ทั้งนี้ เมื่อครั้งพระองค์ยังทรงพระชนม์ชีพ ได้เสด็จมาประกอบพระกรณียกิจ ทั้งการปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ และพระกรณียกิจส่วนพระองค์ในพิธีอันสำคัญโดยตลอด อาทิ การบำเพ็ญพระราชกุศลและพระกุศลอุทิศถวายพระบรมวงศานุวงศ์ การซ่อมแซมสุสานหลวง การทำบุญสุสานหลวง ดังนั้น การที่กระทรวงมหาดไทยได้ริเริ่มที่จะจัดกิจกรรมในครั้งนี้จึงเป็นการบำเพ็ญกุศลเพื่อน้อมถวายแด่พระองค์ท่าน เป็นการทำกิจกรรมเพื่อให้เกิดกุศลกรรมแด่พระองค์ท่านให้ทรงมีความสุขความเจริญรุ่งเรืองในภพภูมินั้นต่อไป ถือเป็นการแสดงน้ำใจกตัญญูกตเวทีแด่พระผู้ทรงมีคุณูปการต่อประเทศชาติและพระศาสนามาโดยตลอด จึงขออนุโมทนาท่านปลัดกระทรวงมหาดไทย และคณะกรรมการทุกท่านในการประชุมคิดริเริ่มกิจกรรมเพื่อที่จะฉลอง 100 ปี วันประสูติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2566 ที่กำลังจะถึงนี้เป็นปฐมฤกษ์
“วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม จะได้นำความกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อขอรับพระราชทานพระบรมราชานุญาต ในการจัดพิธีการและการทำบุญอุทิศถวายเป็นพระกุศลแด่สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ในโอกาสดังกล่าว ในฐานะที่วัดราชบพิธเป็นสถานที่ประดิษฐานพระสรีรางคาร โดยจะนิมนต์พระเถระ 100 รูปมาสดับปกรณ์พระสรีรางคาร ในช่วงบ่ายของวันที่ 6 พฤษภาคม และสำหรับพิธีทำบุญตักบาตรในช่วงเช้า จะได้ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย เชิญชวนญาติโยมพุทธศาสนิกชน ส่วนราชการ ตลอดจนภาคีเครือข่าย ได้มีส่วนร่วมในการทำบุญถวายเป็นพระกุศล นอกจากนี้ สิ่งที่เป็นมรรคผลอันจะยังประโยชน์ในด้านการศึกษาเรียนรู้และความสำนึกในพระกรุณาธิคุณนั้น กระทรวงมหาดไทยสามารถที่จะร่วมกันระดมสรรพกำลังของผู้ว่าราชการจังหวัด ข้าราชการ และประชาชน รวบรวมรูปภาพการเสด็จทรงงานและปฏิบัติพระกรณียกิจในจังหวัดต่าง ๆ เพื่อจัดพิมพ์เป็นหนังสือพระกรณียกิจสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ที่เกี่ยวเนื่องกับกระทรวงมหาดไทยจากการเสด็จในสถานที่ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองกับกระทรวงมหาดไทยและทุกจังหวัด สร้างองค์ความรู้กับลูกหลาน เด็ก เยาวชน และประชาชนของจังหวัดต่าง ๆ ต่อไป” สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ กล่าวในช่วงต้น
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้ทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจมากมายแก่ประเทศชาติ เพื่อแบ่งเบาพระราชภาระของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี มีโครงการในพระอุปถัมภ์หลายร้อยโครงการ ทั้งด้านการศึกษา การสังคมสงเคราะห์ การแพทย์และการสาธารณสุข การต่างประเทศ การศาสนาและอื่น ๆ อันเป็นการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้กับประชาชนคนไทย โดยเนื่องในวันที่ 6 พฤษภาคม 2566 จะเป็นวาระครบรอบ 100 ปี วันประสูติของพระองค์ท่าน ซึ่งที่ประชุมสมัชชาใหญ่องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNESCO ได้พิจารณารับรองพระนามประกาศยกย่องเป็นบุคคลสำคัญของโลกตามที่ประเทศไทยเสนอ เพราะพระองค์ทรงประกอบพระกรณียกิจนานัปการด้วยพระปณิธานแน่วแน่ที่จะทำประโยชน์เพื่อประชาชนชาวไทยและสังคมโลก ทั้งยังทรงยึดมั่นในคุณค่าของมนุษย์และศักยภาพของการพัฒนาจึงทรงอุปถัมภ์กิจการทั้งปวงที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะและพสกนิกรชาวไทย
“ดังนั้น การจัดงานฉลอง 100 ปี วันประสูติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จึงสามารถจัดได้ตลอดทั้งปี โดยยึดเอาวันที่ 6 พฤษภาคม 2566 เป็นวัน Kick off กิจกรรมต่าง ๆ ที่พิเศษมากกว่าวาระอื่น ๆ จึงขอให้กรม หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทยทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ได้ช่วยกันระดมความคิดริเริ่มกิจกรรมเพื่อเป็นการรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ทรงมีกับปวงชนชาวไทย โดยน้อมนำพระกรณียกิจและพระดำริของพระองค์ท่านมาเป็นแนวทางการขับเคลื่อนกิจกรรม ด้วย Passion ของพวกเราทุกคน ในฐานะข้าราชการผู้มีความจงรักภักดี ทำในสิ่งที่ดีให้กับสังคม ให้กับพระองค์ท่านในวาระพิเศษที่เราจะได้ทำสิ่งพิเศษให้เกิดขึ้นตามกำลัง โดยในระดับประเทศนั้น พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการและคณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ งานเฉลิมฉลองวาระ 100 ปี วันประสูติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นรองประธานกรรมการอำนวยการ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นกรรมการอำนวยการและกรรมการฝ่ายพิธีการ และในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ก็ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดงานฉลอง 100 ปี วันประสูติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ 6 พฤษภาคม 2566 ของกระทรวงมหาดไทย โดยได้รับเมตตาจากเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ รับเป็นประธานที่ปรึกษา และได้รับเกียรติจากท่านวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย คนที่ 37 ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย และอาจารย์ธงชัย ลิขิตพรสวรรค์ นักวิชาการอิสระ รองศาสตราจารย์ ดร.ชัชพล ไชยพร คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมเป็นที่ปรึกษา และมีท่านอธิบดีทุกกรม ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจทุกหน่วยงาน ร่วมเป็นคณะกรรมการดำเนินงาน จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่พวกเราทุกคนจะได้ร่วมกันเป็นภาคีเครือข่ายขับเคลื่อนกิจกรรมเพื่อฉลองในวาระ 100 ปี วันประสูติฯ ร่วมกับคณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ ที่รัฐบาลแต่งตั้งขึ้น ทั้งคณะกรรมการฝ่ายพิธีการ คณะกรรมการฝ่ายจัดทำโครงการและกิจกรรม คณะกรรมการฝ่ายจัดสัมมนาวิชาการ คณะกรรมการฝ่ายจัดทำหนังสือที่ระลึกและหนังสือจดหมายเหตุ และคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ เพราะงานของพวกเราชาวมหาดไทย จำแนกได้เป็น 3 ลักษณะหรือที่พวกเราคุ้นเคยกับคำว่า RER ได้แก่ 1) งานประจำ (Routine) ต้องทำให้ดีและพัฒนางานอยู่เสมออย่างต่อเนื่อง ด้วยการคิด การพัฒนา ปรับปรุง และโค้ชชิ่งงานอย่างสม่ำเสมอ 2) ภารกิจพิเศษ (Extra Job) ด้วยความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ที่ต้องมีอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้เราไม่อยู่กับที่ และสร้างสรรค์ต่อยอดพัฒนางานอยู่เสมอ เพราะงานทุกเรื่องล้วนเกี่ยวโยงกับภารกิจในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” และ 3) การสื่อสาร/รายงาน (Report) เพื่อพิจารณาหาแนวทางแก้ไขปรับปรุงงาน รวมถึงการสื่อสารสังคมให้คนในสังคมได้รับรู้ ด้วยการแถลงข่าว การสื่อสารมวลชน การประชาสัมพันธ์ ซึ่งถือเป็นหัวใจของการทำงานในปัจจุบัน เพื่อให้เกิดพลังความร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจ และเกิดความเข้าใจในสิ่งที่พวกเราทุกคนตั้งใจขับเคลื่อน “การเฉลิมพระเกียรติ” อันเป็นการเฉลิมฉลองเพื่อถวายพระเกียรติ เป็นการนำพระเกียรติยศ มาทำให้แพร่หลาย ให้เป็นที่รับรู้ของสาธารณชนและเป็นสิริมงคลกับพวกเราทุกคนในฐานะข้าราชการและพสกนิกรของพระองค์ท่าน” นายสุทธิพงษ์ฯ กล่าวเพิ่มเติม
จากนั้น ที่ประชุมได้นำเสนอร่างโครงการ/กิจกรรม เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เนื่องในโอกาสฉลอง 100 ปี วันประสูติฯ เช่น โครงการ 1 ตำบล 1 ความดี 100 ปี เพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ โครงการบูรณะซ่อมแซมสถานที่อันเนื่องด้วยพระนาม การขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและความต้องการของประชาชนในพื้นที่อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ ปรับปรุงระบบประปาหมู่บ้าน โครงการก่อสร้างถนนเฉลิมพระเกียรติ โครงการก่อสร้างปรับปรุงหอกระจายข่าว ซ่อมแซมบ้านพักกลุ่มคนพิการ และนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ เป็นต้น
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้กรมและรัฐวิสาหกิจ ได้บูรณาการงานโครงการ/กิจกรรมที่มีความเกี่ยวพันเกี่ยวเนื่องกับภารกิจของหลายหน่วยงานร่วมกัน เพราะคนคิดคนทำงานต้องให้ความสำคัญกับการระดมสมองของคนในหน่วยงานและบูรณาการทำงานร่วมกัน ไม่ใช่ทำคนเดียว เพื่อปิดช่องว่างที่อาจเป็นจุดอ่อนของงาน รวมทั้งน้อมนำโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และพระดำริ มาเป็นโจทย์ในการริเริ่มและพัฒนางาน รวมไปถึงการนำบันทึกข้อตกลงที่เกี่ยวข้อง อาทิ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินการ “โครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข” ที่มุ่งส่งเสริมให้วัดได้เป็นรมณียสถานสร้างความยั่งยืนในคุณภาพชีวิตของประชาชน เป็นครู คลัง ช่าง หมอ อันสอดคล้องกับพระปณิธานของสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ที่ทรงปรารถนาให้ประชาชนทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุขอย่างยั่งยืน
ในช่วงท้ายของการประชุม สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เมตตากล่าวสัมโมทนียกถาปิดการประชุม ความว่า “ขออนุโมทนาคณะผู้บริหารระดับสูง และข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ รวมถึงภาคีเครือข่ายของกระทรวงมหาดไทยทุกคน ที่ได้ร่วมกันร้อยรวมความตั้งใจอันปรารถนาที่จะสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ โดยในส่วนของกิจกรรมที่คณะสงฆ์สามารถร่วมดำเนินการได้นั้น เมื่อโครงการมีความชัดเจนแล้ว ขอให้ได้แจ้งไปยังสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อนำเข้าที่ประชุมมหาเถรสมาคมมีมติแจ้งไปยังเจ้าคณะผู้ปกครองระดับต่าง ๆ ทั้งเจ้าคณะใหญ่หน เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด เพื่อให้ทุกวัดได้ดำเนินการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย อันจะทำให้วัดเป็นศูนย์กลาง ศูนย์รวมจิตใจ ศูนย์รวมความรักสามัคคีของประชาชน และเป็นการหนุนเสริมตามบันทึก MOU โครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข ที่กระทรวงมหาดไทยและกรมต่าง ๆ ได้ร่วมลงนามนั้นสมบูรณ์ขึ้น และเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยสมบูรณ์ จึงขอฝากว่า ทุกโครงการ/กิจกรรมที่ทุกท่านได้ช่วยกันระดมความคิดนั้น ต้องไม่ใช่เพียงแค่ทำเสร็จในวันที่ 6 พฤษภาคม 2566 เท่านั้น แต่ต้องทำให้เกิดความสำเร็จ อันหมายถึง ความต่อเนื่อง ความสมบูรณ์ และ “ความยั่งยืน” เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พระองค์ท่าน อันจะยังความเจริญรุ่งเรืองของชาติบ้านเมืองเราสืบไป
Leave a Reply