ศาลพิพากษา “สมณะดาวดิน” ไม่ใช่พระภิกษุในมหาเถรสมาคม ปรับ 1 หมื่น แต่งกายเลียนแบบสงฆ์

วันที่4 เมษายน 2566  เมื่อเร็ว ๆ นี้ ศาลแขวงดุสิตนัดอ่านคำพิพากษาคดีแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ คดีที่ 3 (เลขคดี อ.537/2564) ของ “สมณะดาวดิน” อดีตสมณะชาวสันติอโศก หรือดาวดิน ชาวหินฟ้า อายุ 61 ปี ลงโทษปรับ 10,000 บาท หลังพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยไม่ใช่พระภิกษุในมหาเถรสมาคม จึงไม่มีสิทธิแต่งกายตามแบบสงฆ์

เหตุแห่งคดีสืบเนื่องมาจากสมณะดาวดินเข้าร่วมกิจกรรมของหมู่บ้านทะลุฟ้า V.2 ที่บริเวณข้างทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2564 แล้วถูกออกหมายเรียกในข้อหา ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ต่อมาในวันที่ 29 เม.ย. 2564 สมณะดาวดินได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหาดังกล่าวที่ สน.นางเลิ้ง ก่อนจะถูกแจ้งข้อกล่าวหา “แต่งกายหรือใช้เครื่องหมายว่าเป็นภิกษุสงฆ์ในพระพุทธศาสนาโดยมิชอบ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 208 เพิ่มเป็นอีกคดีหนึ่ง โดยก่อนหน้านั้น สมณะดาวดินถูกดำเนินคดีในข้อกล่าวหาดังกล่าวมาแล้ว 2 คดี

เกี่ยวกับคดีแต่งกายเลียนแบบสงฆ์นี้ โจทก์บรรยายฟ้องว่า “จำเลยซึ่งมิใช่พระสงฆ์หรือสามเณรในพระพุทธศาสนา ได้แต่งกายหรือใช้เครื่องหมายที่แสดงว่าจำเลยเป็นพระภิกษุหรือสามเณรในพระพุทธศาสนาโดยนุ่งห่มสบงและจีวร ซึ่งเป็นการแต่งกายของพระภิกษุหรือสามเณรในพระพุทธศาสนาโดยมิชอบ เพื่อให้บุคคลอื่นที่พบเห็นเชื่อว่าจำเลยเป็นพระภิกษุหรือสามเณรในพระพุทธศาสนา”

สำหรับข้อต่อสู้สำคัญในคดีแต่งกายเลียนสงฆ์ของสมณะดาวดินทั้ง 3 คดี คือ การยืนยันว่าจำเลยไม่เคยแสดงตัวเป็นภิกษุโดยมิชอบ และไม่ได้มีการแต่งกายเป็นสมณะเพื่อไปเรียกผลประโยชน์ เรี่ยไร หรือประกอบพิธีให้บุคคลใด จำเลยเพียงแต่แต่งกายและถือวัตรปฏิบัติของสมณะหรือนักบวชในสันติอโศกเท่านั้น โดยจำเลยบวชเป็นสมณะมาเกือบ 20 ปี ไม่เคยหลบซ่อนหรือถูกดำเนินคดี จนมาอดอาหารร่วมเรียกร้องสิทธิประกันตัวของผู้ต้องขังทางการเมือง จึงถูกจับกุม อีกทั้ง การดำรงสมณเพศดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของเสรีภาพในการถือศาสนาตามรัฐธรรมนูญ

ผู้พิพากษาศาลแขวงดุสิตอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ.537/2564  มีใจความโดยสรุปดังนี้

พิเคราะห์แล้วจำเลยไม่ใช่พระภิกษุในมหาเถรสมาคม เห็นว่า การแต่งกายนุ่งห่มของจำเลยดังปรากฏในเอกสารหมาย จ.1 ที่มีการห่มผ้าสีคล้ำน้ำตาลเข้มคล้ายสีกรัก คล้ายพระภิกษุวัดป่า เป็นการแต่งกายคล้ายภิกษุห่มจีวร แม้จำเลยให้การว่า หากมีคนถามว่าตนเป็นพระหรือไม่ก็จะบอกว่าตนเป็นเพียงสมณะของคณะสงฆ์ชาวอโศก แต่หากมองเพียงภายนอก วิญญูชนทั่วไปเห็นแล้วย่อมเข้าใจได้ทันทีว่าจำเลยเป็นพระวัดป่า เมื่อจำเลยไม่เคยเข้าพิธีการบวชตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 จึงไม่มีสิทธิแต่งกายตามแบบสงฆ์ ทั้งนี้ จากพยานหลักฐานจำเลยไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ขณะที่พยานหลักฐานโจทก์รับฟังได้เป็นที่สิ้นสงสัย

ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 208 ลงโทษปรับ 10,000 บาท ริบผ้าจีวรของกลาง

ส่วนคำขอโจทก์ในส่วนให้นับโทษต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีหมายเลขดำที่ อ.1256/2564, อ.1257/2564 ของศาลแขวงพระนครเหนือ และ อ.356/2564 ของศาลแขวงดุสิตนั้น ให้ยกคำขอส่วนนี้

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ที่ผ่านมา ในคดีแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ซึ่งสมณะดาวดินถูกจับกุมดำเนินคดีเป็นคดีที่ 2 (อ.1257/2564) ศาลแขวงพระนครเหนือพิพากษายกฟ้อง ให้เหตุผลโดยสรุปว่า จำเลยเพียงแต่งกายตามลัทธิที่ตนนับถือ ใช้ชีวิตโดยเปิดเผย และไม่ได้หลอกลวงผู้อื่น อีกทั้ง ประชาชนโดยทั่วไปก็สามารถแยกแยะได้ว่ามีความแตกต่างจากคณะสงฆ์ทั่วไป

ส่วนในคดีแรก (อ.1257/2564) ศาลแขวงพระนครเหนือยังไม่กำหนดนัดฟังคำพิพากษา

 

ที่มา : https://tlhr2014.com/

Leave a Reply