นักการเมืองแบบไหน : เหมาะมาดูแล “สำนักพุทธฯ”

จากข้อมูลของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ปัจจุบันประเทศไทย มีพระภิกษุ  207,875 รูป สามเณร 33,493 รูป และวัดทั่วประเทศ ทั้งหลวงและราษฎร์  42,887 วัด  อันนี้ไม่นับรวมสำนักสงฆ์ -ที่พักสงฆ์อีก อีกนับหมื่นแห่ง สถานปฎิบัติธรรมทั้งของวัดและเอกชนอีกหลายพันหนึ่ง ๆ หากจะเปรียบเทียบ “กำลังพล” แล้ว  พอ ๆ  กับ “กองทัพไทย”  แต่หากนับรวมเอา “ไวยาวัจกร -เด็กวัด” เข้ามาด้วยแล้ว สถาบันสงฆ์กินขาด

ในขณะที่รัฐบาล “เพื่อไทย” กำลังจัดขุมกำลัง เพื่อทำงานบริหารประเทศ ในฐานะรัฐบาลผสม เท่าที่ติดตามและดูโผคณะรัฐมนตรีแล้ว..มีชื่อ “ผู้หญิง” มาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยตำแหน่ง ต้องกำกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ  และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีหน้าที่ “สนองงานคณะสงฆ์” โดยตรง  ซึ่งตรงนี้แหละ..คือ จุดเริ่มต้นอยากเขียนสะท้อนถึงพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำ “จัดตั้งรัฐบาล”

 

ตลอดระยะเวลา 9 ปี ของ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นนายกรัฐมนตรี ทุกคนรู้ว่า พระพุทธศาสนา สถาบันสงฆ์ เสียโอกาสมากขนาดไทย ตั้งแต่ไล่พระออกจากป่า ปิดวิทยุธรรมะ จับพระผู้ใหญ่สึก ปลดเจ้าคณะจังหวัด บุกวัดธรรมกาย รวมทั้ง เงินจาก พ.ร.บ. พระปริยัติที่ผ่านสภาแล้ว ก็ไม่ได้ นายกรัฐมนตรีในฐานะ “ผู้นำประเทศ” ต้องมีส่วนรับผิดชอบ

ผลพวงเหล่านี้เกิดขึ้นสาเหตุหลัก..เพราะคนในรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา “ไม่รู้เรื่อง” กิจการของคณะสงฆ์ ไม่รู้เรื่องไม่ว่า ไม่ใส่ใจอีกต่างหาก  ยิ่งตอนหลังไปเอาใครไม่ทราบมาเป็น  “ผอ.สำนักพุทธ” จ้อง “จับผิด” อย่างเดียว “ความบรรลัย”  ความร้าวฉาน ความไม่ไว้ใจระหว่าง “สำนักงานพุทธ -คณะสงฆ์”  มันจึงเกิดขึ้น

“รัฐบาลเพื่อไทย”  ทั้งอดีตและปัจจุบันมีความใกล้ชิดกับสถาบันสงฆ์เป็นอย่างดี อย่างน้อยฝ่ายคณะสงฆ์มี “เจ้าคุณประสาร” พระราชวัชรสารบัณฑิต รูปหนึ่งแหละที่ใกล้ชิด ไม่งั้น “ภาพหลุด” ออกมาจากสนามบินดอนเมืองในวันที่ “ทักษิณ ชินวัตร” กลับประเทศไทยคงไม่เกิดขึ้น หรือแม้กระทั้ง “สายอำนาจเก่า” วัดสระเกศ เชื่อว่า คงยังไม่สิ้นมิตรไมตรีต่อกัน

 

“ผู้เขียน” อดีตแม้จะเป็นคนข่าวทีวี สาย เศรษฐกิจ การเมือง และสังคม   แต่หลายปีมานี้มา “เกาะติด” ความเคลื่อนไหวของสถาบันสงฆ์และกลุ่มชาวพุทธต่อเนื่อง

คนเก่าแก่ทั้งพระ ทั้งโยม ที่เรียกว่า “กลุ่มนักปกป้อง” พระพุทธศาสนา และสถาบันสงฆ์ ทุกคนรักษา สืบสาน ต่อยอด สุภาษิตบรรพบุรุษ คือ  “รักษาตัวรอดเป็นยอดดี”  ไม่กล้าแม้กระทั้งจะเผยตัวเอง ไม่กล้าแม้จะพูดถึงหลักการอันเป็นวิชาการ เมื่อรัฐบาล หน่วยงานรัฐ หรือ มหาเถรสมาคม หมิ่นเหม่ต่อกระทำผิดหลัก “พระวินัย -กฎหมาย”  เพราะกลัวเดือดร้อนตนเองและครอบครัว และที่สำคัญ “กลัวตกงาน”

ทำให้พรรคเพื่อไทยเกิดมี  “นักการเมือง” อย่างน้อย 2 คน ที่เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน คือ ดร.นิยม เวชกามา และ ดร.  เพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล  คนแรก “ขวัญใจพระ” เรียกร้องทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ โดยเฉพาะ เรื่องพระถูกจับสึกโดยมิชอบ เรื่องคืนสมณศักดิ์  เรื่องนิยตภัต แม้กระทั้งเรื่อง ความไม่ชอบมาพากลการบริหารศาสนสมบัติกลาง  คนที่สอง ด้วยความเป็น “แกนแดงเชียงใหม่” เก่าแก่ ประเภทติดดิน ทำงานรับใช้คณะสงฆ์ “ถึงลูกถึงคน” ทำงานรับใช้พระพุทธศาสนา รับใช้คณะสงฆ์ จนวินาทีสุดท้ายก่อนหมดวาระ โดดเด่น เรื่อง ที่ดินวัด เรื่องไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างวัด หน่วยงานรัฐ และชุมชน อันนี้  “คณะสงฆ์” ยืนยันได้

เสียดายทั้ง ดร.นิยม เวชกามา และ ดร. เพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล   ไม่ได้เป็น สส. จึงเข้าไปทำงาน “แบบเดิม” คือ ไปขับเคลื่อนร่วมกับฝ่ายนิติบัญญัติไม่ได้ จำต้องให้พรรคเพื่อไทยพิจารณาให้ไปช่วย “ฝ่ายบริหาร”  ซึ่ง ณ ที่นี้ หากไม่ติดขัดเหนือบ่ากว่าแรง คิดว่าพรรคเพื่อไทย คงให้ทั้ง 2 ท่าน มาสานงานต่อกับคณะสงฆ์ เพราะพระสงฆ์ไว้ใจ ทั้งบวชเรียนมาอันยาวนานเป็น “มหา” ทั้งคู่

เพราะฉะนั้นหากจะถามว่านักการเมืองแบบไหน เหมาะที่จะมาดูแลพระพุทธศาสนา สถาบันสงฆ์

เมื่อดูจากโผคณะรัฐมนตรี ตำแหน่ง “รัฐมนตรี” พรรคเพื่อไทย จัดวางตัวบุคคลที่จะมาเป็นแล้ว คงเหลือแต่ ตำแหน่งที่ปรึกษาและเลขานุการรัฐมนตรี ทั้ง ดร.นิยม เวชกามา  และ ดร. เพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล   ก็ถือว่าเหมาะทั้งคู่

ส่วนกลุ่มชาวพุทธ หากพรรคเพื่อไทยหรือพรรคร่วมอยากจะพึ่ง ก็คงมีแต่จาก “สมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา” อย่าง ดร.เสถียร วิพรมหา  ดร.เมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ จาก มหามกุฎ ฯ จาก มหาจุฬา ฯ ซึ่งทั้งคู่เป็น “นักวิชาการ” ที่พระสงฆ์ไว้วางใจ มีคอนเนคชั่น เช่นกัน และ อดีตก็คือ คนพรรคเพื่อไทย นี่แหละ อาจเป็น “ตัวเลือก” อีกตัวเลือกหนึ่งที่พรรคเพื่อไทยสามารถไปเสริมทีมดูแลกิจการพระพุทธศาสนาได้

ยุครัฐบาลพรรคเพื่อไทย ซึ่งทำงานเข้ากับคณะสงฆ์ ประชาชน ฐานรากได้ดี ต้องมีมือ “นักประสานสิบทิศ” อุดช่องว่างระหว่างรัฐบาล และคณะสงฆ์ มิให้เกิดช่องร่องรอย รอยปริ รอยช้ำเหมือนรัฐบาล “ประยุทธ์ จันทร์โอชา”

ความบอบช้ำที่รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำไว้กับสถาบันสงฆ์ “คณะสงฆ์” ท่านคงไม่พูด แต่ท่านคงจำ และ กลายเป็น “รอยด่าง” ประวัติศาสตร์ชีวิตของนายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ของประเทศไทยที่ทำไว้กับสถาบันสงฆ์ นานเท่านาน!!

Leave a Reply