ส่องข้อมูล “มจร” ว่าด้วยจำนวนนิสิต “ในประเทศ-ต่างประเทศ” เพิ่มหรือลด??

“เปรียญสิบ” ทุกปีจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับสถาบันเรียนเดิมของตนเองคือ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย หรือ “มจร” อย่างน้อย 2 งาน คือ หนึ่ง งานวิสาขบูชาโลก ซึ่งงานวิสาขบูชาโลกนั้นถือว่าเป็นงานระดับชาติและโลก ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาไม่เฉพาะของ “มจร” เท่านั้นรวมถึงคณะสงฆ์และรัฐบาลไทย ประเทศไทยด้วย เพราะทุกปีจะมีประมุขสงฆ์ ผู้นำชาวพุทธ นักวิชาการและประชาชน จากประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา   เดินทางมาร่วมประชุม 80 กว่าประเทศ รวมจำนวนคนแล้วไม่ต่ำกว่า 1,500 คน เจ้าภาพหลักก็คือ “มจร”  เพราะ “พระพรหมบัณฑิต” อุปนายกสภา มจร เป็น..ประธานสภาสากลวันวิสาขบูชาโลก

ส่วนงานที่สอง ที่ร่วมทำงานทุกปี เช่นกันคือ “งานประสาทปริญญา” ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งมีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9-10 ธันวาคม 2566  รายละเอียดในวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2566 เป็นวันซ้อมใหญ่ทั้งภาคเช้าและบ่าย ส่วนวันที่ 10 ธันวาคม 2566 ภาคเช้าผู้สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี ปริญญาโทและอภิธรรมบัณฑิต จะรับปริญญาบัตร จากผู้แทนสมเด็จพระสังฆราช คือ “สมเด็จพระมหาธีราจารย์”  ส่วนภาคบ่าย “สมเด็จพระสังฆราช” จะเสด็จมาประทานปริญญาบัตรให้แก่กลุ่มผู้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ เข็มเกียรติคุณ ปริญญาเอก และสถาบันสมทบ

สำหรับนิสิตผู้สำเร็จการศึกษาในปีการศึกษา 2566  นี้ รวมทั้งสิ้น  4,628รูป /คน จำแนกเป็นปริญญาตรี  3,177 รูป/คน ปริญญาโท  990 รูป/คน และปริญญาเอก 461รูป / คน  ใน 4,628 รูป/คนนี้ มีผู้ลงทะเบียนเข้ารับประทานปริญญาบัตรทิ้งสิ้น 3,108 รูป/คน แยกเป็นบรรพชิต 1,671 รูป   และคฤหัสถ์ 1,437 คน

อันนี้ไม่นับรวมผู้มีชื่อเสียงทั้งพระสงฆ์และคฤหัสถ์ที่สภา “มจร” อนุมัติปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ เข็มเกียรติคุณ ซึ่งมาจากทั่วโลกอีก 117 รูป/คน โดยแบ่งเป็นปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ 74 รูป/คน และเข็มเกียรติคุณ 43 รูป/คน

อันนี้ข้อมูลเบื้องต้น..อาจขาดหรือเกินจากนี้ในวันรับ “จริง” โดยเฉพาะข้อมูลของผู้รับ

ปัจจุบันมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มี “พระพรหมวชิราธิบดี” ดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัย “พระพรหมบัณฑิต” ดำรงตำแหน่ง อุปนายกสภามหาวิทยาลัย และมี  “พระธรรมวัชรบัณฑิต” ดำรงตำแหน่งอธิการบดี จัดการศึกษาแบ่งออกเป็น 5 คณะ ประกอบด้วย บัณฑิตวิทยาลัย คณะพุทธศาสตร์ ครุศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และคณะสังคมศาสตร์ มี 11 วิทยาเขต 30 วิทยาลัย 1 โครงการขยายห้องเรียน และ 1 หน่วยวิทยบริการ นอกจากนี้ ยังมีสถาบันสมทบในต่างประเทศ 5 แห่ง  มีจำนวนทั้งหมด 293 หลักสูตร โดยจำแนกเป็น ปริญญาตรี 170 หลักสูตร ประกาศนียบัตรบัณฑิต 2 หลักสูตร ปริญญาโท 78 หลักสูตร ปริญญาเอก 43 หลักสูตร มีอาจารย์ทั้งหมด  1,351 รูป/คน จำแนกเป็นปริญญาโท 493 รูป/คน ปริญญาเอก 805 รูป/คน  และมีตำแหน่งทางวิชาการ จำนวน 473 รูป/คน จำแนกเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ 348 รูป/คน  รองศาสตราจารย์  117  รูป/คน และศาสตราจารย์ 8 รูป/คน ผลิตผลงานวิชาการตีพิมพ์เผยแพร่ 1,276  เรื่อง มีนิสิตทั้งสิ้น  19,704  รูป/คน จำแนกเป็น ปริญญาตรี 14,246 รูป/คน ปริญญาโท  3,427  รูป/คน  ปริญญาเอก 2,031 รูป/คน ในจำนวนนิสิตทั้งสิ้นมีนิสิตชาวต่างประเทศ   1,383 รูป/คน จาก 28  ประเทศ และใน 28 ประเทศนี้

โดยเฉพาะจากนิสิตจาก  “ประเทศเมียนมา” มีชนชาติพันธุ์อีกหลายสิบชาติพันธุ์ที่มาเรียนที่ มจร เฉพาะชาติพันธุ์ “ไทใหญ่” มีผู้มาศึกษาที่ มจร มากกว่า 300 รูป/คน

ยิ่งตอนนี้ “สถานการณ์การเมือง” ในประเทศเมียนมา “วุ่นวาย”  มีข่าวว่า พระ-เณร  สมัครมาเรียน “มจร” กันเป็นจำนวนมาก และไม่เฉพาะพระ-เณร เท่านั้น  “คฤหัสถ์” ก็แห่มาเรียนกันเยอะเช่นกัน ตรงนี้ “มจร” ต้องเตรียมสถานที่รองรับให้ดี ทั้งเรื่องคุณภาพของผู้เรียนและสถานที่รองรับ

“เปรียญสิบ” ดูสถิติย้อนหลังของจำนวนนิสิต “มจร”  จากสำนักทะเบียนและวัด มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี เช่นปี 2562  มีจำนวน 18,420 รูป/คน  ปี 2563 มีจำนวน 19,652 รูป/คน และปี 2566  มีจำนวน  20,346 รูป/คน ในขณะที่นิสิตต่างประเทศก็เช่นกันปี 2563  มีจำนวน  1,294  รูปคน จาก 28 ประเทศ ปี 2564 มีจำนวน 1,195 รูป/คน จาก 26 ประเทศ ปี 2565 มีจำนวน 1,383 รูป/คน  จาก  28 ประเทศ

จากสถิติดังกล่าว “มจร” ไม่มีปัญหาเรื่องการขาดแคลนจำนวน “นิสิต-นักศึกษา” ที่มหาวิทยาลัยทั่วไทยกำลังเจอกับ “วิกฤติ” จำนวนนิสิตนักศึกษาที่ลดลง

รวมทั้งจากสถิติข้อมูลดังกล่าว  “มจร” กำลังส่งนัยว่า  “มจร” ของเราต้องมีดี ส่วนจะมีดีอะไรนั้น แน่นอนเรื่อง คุณภาพการเรียน เรื่องค่าเทอม เรื่องบรรยากาศ สภาพแวดล้อม ความเป็นกัลยาณมิตรระหว่างผู้สอนและผู้เรียนมีส่วนสำคัญไม่ใช่น้อย

“เปรียญสิบ”  เชื่อว่าตรงนี้คือ “เสน่ห์” ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จึงทำให้มีนิสิตทั้งในประเทศและต่างประเทศเพิ่มจำนวนเรียนขึ้นทุกปี!!

Leave a Reply