“เจ้าคุณธีรวิทย์” อดีตพระนักเคลื่อนไหวชื่อดัง แนะ พศ. ควรเป็นเจ้าภาพหลักจัด “ฐานข้อมูลกลางคณะสงฆ์”

วันที่ 9 สิงหาคม 2568  พระวัฒนวชิรเมธี (เจ้าคุณธีรวิทย์) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาสวิหาร เลขานุการเจ้าคณะภาค 17-18 (ธรรมยุต)  ได้โพสต์ว่า เหตุโกลาหลเก็บข้อมูลพระทั่วประเทศสะท้อนช่องว่างระบบข้อมูล เสนอ พศ. จับมือหน่วยงานรัฐสร้างฐานข้อมูลเรียลไทม์ เชื่อมทะเบียนราษฎร ใช้บัตรประชาชนใบเดียวตรวจสอบได้

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ตำรวจทุกสถานีลงพื้นที่เก็บข้อมูลวัดทั่วประเทศกว่า 44,000 แห่ง เพื่อรวบรวมจำนวนพระภิกษุ–สามเณร ผู้พักอาศัย ตลอดจนข้อมูลส่วนบุคคล และแม้กระทั่งข้อมูลบัญชีธนาคารของพระแต่ละรูป ภารกิจเร่งด่วนนี้ครอบคลุมพระ–สามเณรกว่า 290,143 รูป (พระภิกษุ 256,219 รูป และสามเณร 33,924 รูป – ข้อมูลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ณ 28 ธันวาคม 2566)

เหตุการณ์นี้สร้างความสับสนและข้อถกเถียงในสังคม โดยเฉพาะประเด็นกรอบกฎหมาย การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และความจำเป็นของการเก็บข้อมูลซ้ำซ้อนช่องว่างด้านระบบข้อมูลคณะสงฆ์

ปัจจุบัน ประเทศไทย ยังไม่มีระบบฐานข้อมูลคณะสงฆ์กลางที่ทันสมัยและตรวจสอบได้แบบเรียลไทม์ ข้อมูลถูกเก็บด้วยวิธีแมนนวล ผ่านสายการปกครองตั้งแต่เจ้าคณะตำบลจนถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมใช้ “หนังสือสุทธิ” แบบกระดาษที่ไม่สามารถเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรหรือหน่วยงานรัฐอื่นได้

โลกยุค Digital Disruption: ตัวอย่างความสำเร็จจากภาคส่วนอื่น

ในหลายวงการของประเทศ ฐานข้อมูลกลางที่เชื่อมโยงกันได้พิสูจน์แล้วว่าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพอย่างมาก เช่น
• การเงิน: ธนาคารพาณิชย์เชื่อมข้อมูลกับธนาคารแห่งประเทศไทยและเครดิตบูโร ทำให้ตรวจสอบและโอนเงินได้ทันที
• สาธารณสุข: ระบบ HosXP และฐานข้อมูล สปสช. เชื่อมข้อมูลผู้ป่วยทั่วประเทศ ให้การรักษาต่อเนื่องแม้ย้ายโรงพยาบาล
• การปกครอง: ฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรของกรมการปกครอง เชื่อมกับทุกหน่วยงานรัฐ ใช้บัตรประชาชนใบเดียวตรวจสอบได้
• การศึกษา: ระบบ MOE Digital เชื่อมข้อมูลนักเรียนทั้งประเทศ ทำให้ติดตามประวัติการเรียนได้แม้เปลี่ยนโรงเรียน

ข้อเสนอเชิงนโยบาย

เสนอให้จัดตั้ง ระบบฐานข้อมูลคณะสงฆ์กลาง (Centralized Clergy Database) โดยมี สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นเจ้าภาพหลัก ร่วมมือกับ
• กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (โครงสร้างพื้นฐานและความปลอดภัยข้อมูล)
• กระทรวงมหาดไทย / สำนักทะเบียนราษฎร (การยืนยันตัวตนและข้อมูลประชาชน)
• สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (การตรวจสอบประวัติอาชญากร)
• ธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ระบบนี้ควรเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร ใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียวพิสูจน์ตัวตน และบันทึกข้อมูลตั้งแต่การขอบรรพชา/อุปสมบท การโยกย้ายวัด การเลื่อนสมณศักดิ์ จนถึงการลาสิกขา พร้อมเหตุผลและหลักฐานประกอบ

ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น
1. ข้อมูลแม่นยำและอัปเดตเรียลไทม์ ลดความผิดพลาดและซ้ำซ้อน
2. ลดความโกลาหลจากการเก็บข้อมูลซ้ำหลายหน่วยงาน
3. เพิ่มความโปร่งใสและสร้างความเชื่อมั่นจากสังคม
4. รองรับยุทธศาสตร์รัฐบาลดิจิทัล และเสริมความมั่นคงของพระพุทธศาสนา

Leave a Reply