วันอังคาร ที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๖๘ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก และสมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน เสด็จพระราชดำเนินไปวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ทรงถวายสักการะเจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึง ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

จากนั้น เสด็จเข้าพระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธอังคีรส ประธานพระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระราชสรีรางคาร สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๗ และถวายเครื่องสักการะแด่สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
การนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก มีพระราชกระแสทรงขอบพระทัยที่เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระบัญชาโปรดให้มหาเถรสมาคมมอบหมายคณะพระเถระผู้แทนคณะสงฆ์ไทย เดินทางไปเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ณ มณฑลพิธีพระพุทธรูปดอร์เดนมา กรุงทิมพู ราชอาณาจักรภูฏาน ในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนราชอาณาจักรภูฏานอย่างเป็นทางการ เมื่อเดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ พร้อมทั้งโปรดให้จัดพระพุทธรูป ย่ามปักอักษรพระนาม เป็นของที่ระลึกไปประทานแก่คณะบรรพชิตภูฏานโดยทั่วกัน นอกจากนี้ ในโอกาสที่ สมเด็จพระราชาธิบดีชิกเม เซ็งเค วังชุก รัชกาลที่ ๔ พระราชบิดาในรัชกาลปัจจุบัน ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๗๐ พรรษา เมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๘ ยังได้มีพระบัญชาโปรดให้ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เป็นผู้แทนพระองค์นำคณะสงฆ์ไทย เดินทางไปเจริญพระพุทธมนต์ ตามที่ทรงพระราชศรัทธาอาราธนาอีกด้วย

ทั้งนี้ การเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างคณะสงฆ์ไทยและภูฏาน เป็นไปอย่างราบรื่นและแน่นแฟ้น โดยเหตุที่เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระนโยบายให้คณะสงฆ์ไทยประสานความร่วมมือเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในด้านการศาสนศึกษา และด้านวัฒนธรรมทางพระพุทธศาสนากับคณะสงฆ์วัชรยานอย่างใกล้ชิด บนพื้นฐานแห่งสายสัมพันธ์ในมิติพระพุทธศาสนา ซึ่งราชอาณาจักรทั้งสองต่างมีประชากรส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนา และมีพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นพุทธศาสนูปถัมภกดุจเดียวกัน อีกทั้งมีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาประเทศด้วยหลักปรัชญาแห่งความพอเพียงและความสุขอย่างยั่งยืน ส่วนคณะสงฆ์ทั้งสองก็ได้มีความร่วมมือทางวิชาการพระพุทธศาสนาสืบเนื่องมาโดยลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในมหาวิทยาลัยสงฆ์ไทยทั้งสองแห่ง กล่าวคือ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย


Leave a Reply