โดย..พิศาฬเมธ แช่มโสภา
ทำไม นักวิชาการพระพุทธศาสนาและชาวพุทธจึงต้องเรียนภาษาบาลี ?
เป็นคำถามที่ง่าย แต่ตอบยาก เพราะต้องอธิบายกันยาว คงจะต้องขอเป็นเรื่องหนึ่งต่างหาก และอาจมีหลายตอน เพราะในประเทศไทยตอนนี้ มีปัจจัยที่เป็นอันตรายต่อพระพุทธศาสนามากมาย ว่างๆ จะนำมาร่ายยาวให้ฟัง..
ขอเล่านำร่องก่อนว่า การเรียนการสอนภาษาบาลีในประเทศไทย ถือว่ามี “มาตรฐานที่สุดในโลก” แห่งหนึ่ง ซึ่งรวมทั้งนักธรรมและธรรมศึกษาด้วย
เพราะอะไรจึงเรียกว่า มีมาตรฐานที่สุดในโลก ?
เพราะมีหลักสูตรกำหนดไว้ว่า แต่ละชั้นจะต้องเรียนวิชาใดบ้าง ผู้สอนก็สอนไปตามที่กำหนด ผู้ออกข้อสอบ เรียกว่า “แม่กองธรรม หรือ แม่กองบาลี” ก็ออกตามมติผู้บริหารสำนักงาน ผู้จัดทำเฉลยข้อสอบก็จัดทำแล้วมาขัดเกลาอีกครั้งโดยคณะกรรมการ ผู้ตรวจข้อสอบก็ตรวจตามที่เฉลยไว้
ทั้งผู้สอน ผู้ออกข้อสอบ ผู้เฉลย ผู้ตรวจ ไม่ใช่รูปเดียวกันเลย !
การสอบนักธรรมและบาลีจึงเรียกว่า หินพอสมควรตามลำดับชั้น
โดยเฉพาะชั้น ป.ธ. ๘ – ๙ และ บศ. ๘ – ๙ แม้อาจตอบได้ ไม่ผิด.. แต่งฉันท์ แต่งไทย ได้.. ไม่ผิด..
แต่อาจตกได้ โดยเรียกว่า “ภูมิไม่ถึง” ตรงนี้ เป็นเรื่องเสียวสำหรับผู้สอบมากๆ
แต่เวลามาสอบได้แล้ว มาตรวจบ้าง จึงจะเข้าใจคำว่า “ภูมิไม่ถึง” เพราะมันมีอะไรบางอย่างที่บอก ถ้าไม่ได้ตรวจแล้วไม่รู้จริงๆ
จึงมีสโลแกนสำหรับผู้สอบบาลีว่า “ถ้ายากคงไม่มีใครสอบได้ ถ้าง่ายคงไม่มีใครสอบตก”
ที่ขีด /บาลีศึกษา ไว้ ก็เพราะว่า กองบาลีสนามหลวงได้อนุญาตให้ฆราวาสที่เรียนบาลีเข้าสอบสนามหลวง พร้อมกับพระเณรด้วย นับว่าเป็นเรื่องดีที่ชาวพุทธที่เรียนภาษาบาลี ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้จารึกพระไตรปิฎก จะได้มีการเรียนการสอนและการสอบร่วมกัน
มีผู้ร่วมดีใจเมื่อสอบได้ มีผู้ร่วมปลอบใจเมื่อสอบตก
ทราบว่า ได้มีการเปิดโอกาสให้ฆราวาสที่ลาสิกขาไปแล้ว ผู้ใดประสงค์จะลงสอบต่อจากที่สอบได้ไว้เดิม ก็สามรถสอบต่อได้ แต่ต้องไปเริ่มสอบใหม่ ตั้งแต่ประโยค ๑ – ๒ มาเลย แม้ว่าก่อนลาสิกขา ท่านสอบได้ ป.ธ. ๕ แต่มาสอบบาลีศึกษาในสภาพฆราวาส แทนที่จะสอบ บศ. ๖ ได้เลย กลับต้องไปสอบใหม่หมด
ตรงนี้ น่าเสียดาย เพราะผู้สอบ ป.ธ. ๕ ได้แล้ว ความรู้ทางธรรมจะแน่นกว่าผู้เรียนบาลีศึกษา เพราะตอนเรียนนักธรรมและธรรมศึกษาจะแตกต่างกัน ขอนำเรียนแม่กองบาลีสนามหลวงก่อน แล้วจะนำมาอธิบายให้ฟัง
บางท่านก็ยอมไปสอบเริ่มต้นใหม่ จึงเป็นเรื่องที่น่าอนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง..
ถือเป็นการมาเคาะสนิมและร่วมกันอนุรักษ์การศึกษาภาษาบาลีให้คงอยู่ต่อไปอีก
ทราบว่า พระพรหมโมลี แม่กองบาลีสนามหลวง ได้มีแนวคิดที่จะให้มีการพูดภาษาบาลีกันบ้าง ในเวลาเรียน ให้ครบกระบวนการเรียนการสอน คือ อ่าน เขียน พูด และฟัง ตามหลักการของภาษาศาสตร์
คงต้องติดตามกันต่อไป..
////////////////////////////////////////////////
Leave a Reply