“กมธ.ศาสนาฯ” นำคณะกราบ “หลวงพ่อพัฒน์” จ่อผลักดันกฎหมายจัดทำพระเครื่องเป็นมาตรฐานสากล

เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2565 เวลา 15.00 น. ที่วัดธารทหาร (ห้วยด้วน) จ.นครสวรรค์ นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล รองประธานกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎรพร้อมด้วย นายนพดลแก้วสุพัฒน์ ที่ปรึกษากรรมาธิการ นายทองแดง เบ็ญจะปัก กรรมาธิการ นายสัมพันธ์ เสริมชีพ อนุกรรมาธิการฯ นายณพลเดช มณีลังกา อนุกรรมาธิการฯ ว่าที่ร้อยตรี สิริชัย ตุลยสุข อนุกรรมาธิการฯ นายประกรเกียรติ ญาณหาร อนุกรรมาธิการฯ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สภาฯ นางภิรมย์ เจริญรุ่ง ได้เข้ากราบพระราชวัชราจารย์ (พัฒน์ ปุญญกาโม) หรือหลวงพ่อพัฒน์ พระธรรมภาณพิลาส และร่วมประชุมกับเจ้าคณะภาค 4 พระเทพปริยัติเมธี เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ยางพัชรินทร์ พัดทอง ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ยางจรรยา รัตนเลขา พศจ.นครสวรรค์

นายเพชรวรรต กล่าวว่าจากการที่มีการร้องเรียนเรื่องการจัดสร้างวัตถุมงคล ในสถานที่ต่างๆ ทั้งประเทศ มีการนำเงินที่ผู้จัดสร้างไปใช้ประโยชน์ส่วนตัวเป็นจำนวนมาก และได้นำเงินกลับมาถวายวัดเพียงส่วนน้อย เป็นการนำไปสู่การฟ้องร้องและกระทำผิดกฎหมายต่างๆ ที่ติดตามมา อีกทั้งไวยาวัจกรและเจ้าอาวาสที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทำให้เป็นช่องให้เป็นเจ้าพนักงานอื่นของรัฐ ตาม พ.ร.บ.สงฆ์ มาตรา 45 ซึ่งอาจทำให้ก่อให้เกิดการกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งการเข้ามาศึกษาดูงาน ก็จะนำความรู้ไปพัฒนาเป็นโมเดล ที่เป็นมาตรฐาน มีสัดส่วนที่จะทำบุญต่อวัดหรือพระสงฆ์รวมถึงพระพุทธศาสนาที่ถูกต้องและเป็นมาตรฐานสากลหรือไม่ ซึ่งจะนำไปกำหนดเป็นกฎหมายหรือไม่ ทาง กมธ. จึงได้เข้ามาศึกษาข้อมูลก่อน โดยนำไปประกอบกับมติมหาเถรสมาคมที่ผ่านมา

นายเพชรวรรต กล่าวต่อไปว่า จากการให้ข้อมูลจากโยมพ่อแล ผู้ใกล้ชิดหลงพ่อพัฒน์ ได้อธิบายว่าการจัดสร้างวัตถุมงคลตั้งแต่ พ.ค. 2564 จากในอดีตมีเซียนพระได้เดินทางมาขออนุญาตสร้างวัตถุมงคลจากหลวงพ่อพัฒน์ และขอให้หลวงพ่อเซ็นต์อนุมัติรวมทั้งให้คณะกรรมการร่วมอนุมัติ บุคคลเมื่อได้รับอนุมัติ ก็นำเอกสารดังกล่าวเพื่อนำไปจัดสร้างตามจำนวนที่ขอและสั่งให้โรงงานสร้าง หลังจากนั้นจึงนำพระดังกล่าวมาถวายหลวงพ่อปลุกเสก ในช่วงที่ยังไม่ดัง ได้จัดปลุกเสกในหลายร้อยรุ่น พอเวลาผ่านมาก็ได้รับการสนับสนุนจากบุคคลที่จัดทำวัตถุมง จากการดำริของหลวงพ่อพัฒน์ได้ดำริว่า ใครขอสร้างให้เขาสร้าง อย่าไปขัดเขาเป็นการเผยแผ่บารมี สำหรับกลุ่มผู้จัดสร้างจะมีทั้งหมด 3 กลุ่มประกอบด้วย

1.ผู้ขอสร้าง หรือเรียกว่า”เซียนสร้าง” ผู้ขอสร้างจะต้องมีทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน รูปแบบการจัดสร้างและระบุจำนวนสร้างที่ชัดเจน มาขออนุญาตหลวงพ่อพัฒน์
2.วัดจัดสร้าง ซึ่งมีรูปแบบคือภายในวัดและวัดอื่นๆ ที่มาจัดขอสร้าง สำหรับวัดอื่นๆ ที่มาขออนุญาตก็จะต้องมีวัตถุประสงค์การขอ และรูปแบบมาขออนุญาตหลวงพ่อพัฒน์
3.หลวงพ่อพัฒน์จัดสร้างเอง ปีหนึ่งไม่เกิน 5 รุ่น เช่นรุ่นฉลองสมณะศักดิ์ เป็นดำริของหลวงพ่อเอง ค่าใช้จ่ายต่างๆ จะเป็นเงินปัจจัยจัดสร้างจะเป็นเงินของหลวงพ่อเอง และเงินที่ได้มาก็จะมาบำรุงวัดรวมถึงสาธารณะประโยชน์ สาธารณะสงเคราะห์ โรงพยาบาลต่าง ๆ วัดต่างๆ ศูนย์เด็กเล็ก เป็นต้น

ในกระบวนในด้านการเงินก็จะทำอย่างโปร่งใส แยกเงินวัดกับเงินส่วนตัวอย่างชัดเจน รวมทั้งจะมีในระดับวัดและระดับอำเภอมาตรวจสอบ สำหรับวัดธารทหาร (ห้วยด้วน) ตั้งวัดเมื่อพ.ศ. 2482 วัดธารทหาร (ห้วยด้วน) มีนามเรียกตามชื่อหมู่บ้านเดิม ” วัดห้วยด้วน” เนื่องจากที่บ้านนี้มีลำคลองเล็กๆ แยกมาจากห้วยน้ำสาดเหนือ และมาสิ้นสุดคลองลงที่นี่จึงเรียกว่าห้วยด้วน ต่อมาเปลี่ยนมาเป็นธารทหาร และเป็นนามวัดสืบมา จนถึงปัจจุบัน ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ. ศ. 2536 ปัจจุบัน วัดธารทหาร (ห้วยด้วน) มีพระลูกวัด จำนวน 6 รูปไวยาวัจกร จำนวน 1 คน

พระราชมงคลวัชราจารย์ (พัฒน์ ปุญญกาโม) หรือ หลวงพ่อพัฒน์ เกิดเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2465 ที่บ้านสระทะเล ตำบลย่านมัทรี อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ อายุ 100 ปี เข้ารับการอุปสมบทเมื่อ พ.ศ. 2489 สังกัดมหานิกาย ณ วัดสระทะเล โดยมีพระธรรม ไตรโลกาจารย์ หรือ หลวงปูยอด วัดเขาแก้ว เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงปูกัน วัดเขาแก้ว เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอธิการชั้ว วัดสระทะเล เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “ปุญญกาโม” โดยท่านได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดธารทหาร

หลวงพ่อหมึก วัดสระทะเล หลวงพ่อโหมด วัดโคกเดื่อ และหลวงพ่ออิน วัดหางน้ำสาคร ด้วยเหตุที่ หลวงพ่อพัฒน์ร่ำเรียนสรรพวิชาวิทยาคมมากมาย ส่งผลให้วัตถุมงคลที่ท่านปลุกเสก มีพุทธคุณที่เข้ม ขลังศักดิ์สิทธิ์ สร้างประสบการณ์มากมายในทุกรุ่นจนเป็นที่ กล่าวขวัญกันอย่างกว้างขวาง และด้วยพลังศรัทธาที่พุทธศาสนิกชนทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศมีต่อหลวงพ่อพัฒน์ ปุญญกาโม จึงทำให้บรรดาคณะศิษย์และวัดวาอารามต่าง ๆ มาขอพึ่งบารมีของหลวงพ่อพัฒน์ ในการขออนุญาต จัดสร้างวัตถุมงคล พระเครื่อง รูปเหมือนของท่านมากมายหลายร้อยรุ่นมากจนเป็นประวัติการณ์ ซึ่งหลวงพ่อพัฒน์ก็เมตตาอนุญาตให้ดำเนินการได้ตามเจตนาที่พิจารณาแล้วว่า ทำไปด้วยเจตนาอัน เป็นกุศล เพื่อนำปัจจัยรายได้มาร่วมกันสร้างสาธารณสมบัติให้กับพี่น้องประชาชน ทั้งที่วัดธารทหาร (ห้วยด้วน) หรือการก่อสร้างโรงพยาบาลและการนำเงินไปช่วยพัฒนาบูรณะวัดวาอารามต่างๆ

ต่อมาได้มีการร้องเรียนถอดถอนผู้ดูแลของหลวงพ่อพัฒน์ เนื่องจากคณะกรรมการฝ่ายฆราวาส ได้แสดงพฤติกรรมอันเป็นที่ไม่น่าไว้วางใจโดยการนิมนต์หลวงพ่อพัฒน์ออกจากวัดไปประกอบศาสนกิจบ่อย ๆ เดินทางไปไกลจนเป็นเหตุท่านหมดสติขณะออกกิจนิมนต์ ทำให้เกิดความ ไม่พอใจกับสานุศิษย์อีกทั้งยังเป็นประเด็นให้สังคมและผู้ที่มีความเคารพศรัทธาในหลวงปู่พัฒน์ ได้ทวงถามถึงการบริหารจัดการกิจนิมนต์และการดูแลสุขภาพของท่าน เพราะด้วยสภาพสังขารของ ท่านที่มีอายุ100 กว่าปี

พร้อมเรียกร้องให้มีการตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ที่ใกล้ชิดหลวงพ่อ และตรวจสอบพฤติกรรมของไวยาวัจกร คณะกรรมการและบุคคลใกล้ชิด ว่ามีการนำเงินของวัดไปใช้ ส่วนตัวหรือไม่ จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่รับเรื่องร้องเรียน พบเส้นทางการเงินของผู้ถูกร้องเรียน ปรากฏว่ามีเงินอยู่ในบัญชีผู้ที่ถูกร้องเรียนกว่า 60 ล้านบาท และทรัพย์สินอื่นๆ หลายรายการ จึงได้อายัดเงินในบัญชีดังกล่าวไว้ หลังจากตรวจสอบแล้วเจ้าหน้าที่ บก.ปปป. จึงนำเงิน จำนวนดังกล่าวคืนแก่วัดธารทหาร (ห้วยด้วน)

Leave a Reply